การสังเกตฉี่น้องเหมียว เพื่อสุขภาพที่ดี

รู้หรือไม่ว่าฉี่น้องเหมียวก็สามารถบอกสุขภาพได้นะ เราจะมาเผยสูตรลับวิธีการดูฉี่น้องแมวในแบบต่างๆกันเพื่อให้เจ้าของน้องแมวทุกท่านได้ลองสังเกตดูก่อนอื่นเราคงต้องบอกกันก่อนว่าฉี่น้องแมวอาจจะไม่ได้เห็นกันง่ายๆจำเป็นต้องใช้ความพยายามและช่างสังเกตกันซักหน่อยเอาล่ะ มาดูกันดีกว่าว่าฉี่น้องเหมียวที่บ้านคุณเป็นแบบไหน

 

1. ฉี่สีเหลืองอำพัน 
อันนี้ถือว่าเป็นฉี่น้องเหมียวแบบปกติ ไม่มีอะไรต้องหวั่นใจเพียงแต่คอยดูแลแมวว่ากินน้ำเพียงพอและดูว่ากระบะทรายสะอาดอยู่เสมอก็พอเพียง

2. ฉี่มีสีแดงหรือมีเลือดปน 
ถ้าพบว่ามีเลือดหรือปัสสาวะของน้ำแมวมีสีแดงปนมาแสดงว่าระบบขับถ่ายปัสสาวะของน้องแมวมีปัญหาแล้ว อาจจะมีอะไรอุดตันได้รับการเสียดสี หรือมีการติดเชื้อรุนแรง ทำให้มีเลือดปนออกมาพร้อมกับปัสสาวะคุณเจ้าของควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน

3. ฉี่มีตะกอนหรือก้อนอะไรหลุดออกมาด้วย 
ถ้าพบว่าปัสสาวะของน้องแมวมีก้อนกรวด ตะกอน หรืออะไรแข็งๆ ออกมาด้วยแสดงว่าน้องเหมียวมีแนวโน้มว่าจะเป็นนิ่วแล้วล่ะควรรีบพาไปสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยและหาแนวทางรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

4. ไม่ฉี่ 
อันนี้ก็ปัญหาใหญ่เลยทีเดียว หากพบว่าแมวไม่ฉี่เลยซึ่งสามารถสังเกตได้จากกระบะทรายเอี่ยมอ่องไม่ได้มีร่องรอยการถูกใช้เลยต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยด่วนเพราะการที่น้องแมวไม่ฉี่อาจจะเป็นอันตรายจนถึงชีวิตได้นอกจากนี้อย่าลืมทำความสะอาดกระบะทรายอยู่เสมอเพราะบางทีที่แมวไม่ฉี่เป็นเพราะว่ากระบะทรายไม่สะอาดนั่นเอง

 

เครดิตข้อมูล;royal caninn
เครดิตรูปภาพ;nhpr.org

จะนอนสักหน่อย!! มากวนทำไม…

น้องเหมียวเป็นสัตว์ที่รักความรักสงบ มากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง ดูได้จากข่าวนี้ จะขึ้นมานอนอาบแดดสักหน่อย เจ้ามนุษย์ขึ้นมากวนทำไม ไม่รู้

เจ้ามนุษย์ เจ้าขึ้นมาทำไม ฉันจะนอน

เจ้ามุนษย์เจ้าจะทำอะไร กับข้า ข้าจะนอน อาบแดด

ไม่ต้องมาจับ ข้า ข้าลงได้นะเจ้ามนุษย์

ข้าลงได้สบาย ถ้าคิดจะมาช่วยไม่ต้อง ข้าแค่ขึ้นมานอนอาบแดด

ความสูงแค่นี้ สบายมาก

เห็นไหม ค่าลงได้สบายมาก มากวนข้า เสียเวลานอนจริงๆ

ไปนอนที่อื่นดีกว่า

 

มาชมคลิปวีดีโอ เต็มๆ กันเลย

ดูคลิปนี้แล้วแมวเป็นสัตว์ที่รักความสงบจริงๆ  แมวบ้านไหนชอบไปนอนที่สูงแบบนี้บ้าง….ระวังอันตรายด้วยนะครับ

ดูแลเน้นๆ 4 จุด ให้น้องแมวทุกวัยแข็งแรงงงง

ไม่ว่าจะเป็นน้องแมววัยเด็ก วัยรุ่น หรือวัยชรา ต่างก็ต้องการการดูแลในเรื่องต่าง ๆ ที่มีทั้งที่เหมือนกัน และแตกต่างกัน แต่หากเราเข้าใจหลักการแล้วการดูแลน้องแมวในแต่ละช่วงวัยไม่ใช่เรื่องยากเลย มาดูกันดีกว่าเจ้านายว่าน้องแมวในแต่ละวัยต้องเน้นในจุดไหน และแต่ละวัยต้องการการดูแลที่เหมือนกัน และแตกต่างกันอย่างไร

1. เน้นอาหารการกิน
ทุกวัยเหมือนกัน : แนะนำให้เลือกอาหารสำเร็จรูปสำหรับน้องแมว เพื่อง่ายต่อการดูแลและได้สารอาหารที่เหมาะสม รวมทั้งดูแลเรื่องความสะอาดและการเก็บรักษาอาหาร และมีการตั้งน้ำดื่มอย่างเพียงพอ
ต่างวัยต่างกัน : แต่ละช่วงอายุมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน เลือกสูตรอาหารให้เหมาะกับแต่ละวัยเพื่อให้ได้สารอาหารที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์แข็งแรง

2. เน้นที่อยู่อาศัย
ทุกวัยเหมือนกัน : ดูแลความสะอาด กระบะทราย อากาศถ่ายเท อุณหภูมิที่เหมาะสม
ต่างวัยต่างกัน : จัดสถานที่ให้ปลอดภัยกับเจ้าเหมียวแต่ละวัย เนื่องจากความซุกซนและความสามารถในการปีนป่ายแตกต่างกัน

3. เน้นกิจกรรมเด่น
ทุกวัยเหมือนกัน : เอาใจใส่และดูแลให้เวลากับเจ้าเหมียวอย่างเพียงพอ
ต่างวัยต่างกัน : จัดของเล่นที่เหมาะสมกับอายุเพราะความซนของแต่ละวัยพร้อมที่จะซุกซนไม่เหมือนกัน

4.เน้นสุขภาพ
ทุกวัยเหมือนกัน : การทำวัคซีนควรทำให้ครบถ้วน ถ่ายพยาธิสม่ำเสมอ และมีการป้องกันเรื่องปรสิตภายนอก เห็บหมัด พยาธิหนอนหัวใจ อย่างต่อเนื่อง
ต่างวัยต่างกัน : เด็กน้อยอาจจะต้องมาพบคุณหมอในช่วงแรกบ่อย ๆ เพราะต้องมีการกระตุ้นวัคซีนหลายครั้งเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน แต่เมื่อโตจึงพามากระตุ้นปีละครั้ง แต่อย่าลืมเรื่องยาป้องกันปรสิตที่สามารถปกป้องน้องแมวจากปรสิตภายนอก และปรสิตภายใน โดยทำเป็นประจำทุก ๆ เดือน ซึ่งเจ้าของสามารถซื้อไปหยดเองที่บ้านได้ สะดวก ปลอดภัย และไม่ยุ่งยากเลย

ถึงแม้น้องแมวเหมียวอย่างเราจะอายุแค่ไหน แต่ทุกๆวัยก็ยังต้องการความรัก การดูแลและเอาใจใส่นะฮัฟเจ้านายยยย

เครดิตข้อมูลHealthy Pet Zociety
เครดิตรูปภาพ
http://www.petmd.com/cat/slideshows/7-cat-toy-dangers-you-should-know
https://www.mnn.com/family/pets/stories/why-are-cats-so-quirky-about-drinking

6 Tips for Dealing with Diabetes in Cats


http://animaltheory.blogspot.com/
https://diamondcarepetfood.com/cats-need-activity/

7 สิ่ง ที่ไม่ควรมองข้าม จัดเตรียมบ้านเพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยง

สำหรับครอบครัวที่ไม่เคยเลี้ยงสุนัขและแมวมาก่อน สิ่งของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ อาหาร ยาและของแต่งบ้าน ที่เราคุ้นเคย อาจเป็นอันตรายต่อพวกเขาได้ คุณสามารถจัดเตรียมบ้านให้พร้อมต้อนรับสมาชิกใหม่ ที่อยู่ในช่วงวัยซุกซน อยากรู้อยากเห็น แน่นอนว่าเราไม่สามารถจะสอดส่องดูแลเจ้าสี่ขาได้ตลอดเวลา ในบางครั้งก็ต้องปล่อยให้อยู่ตัวเดียวบ้าง เป็นการฝึกอย่างหนึ่งเพื่อให้สัตว์เลี้ยงเรารู้จักการรอ หากข้าวของยังจัดบางอย่างสุ่มเสี่ยงต่อการทำให้สุนัขได้รับบาดเจ็บการจัดบ้านให้ดีมีมุมสำหรับน้องหมาน้องแมวในบ้านจะช่วยให้พวกเขาอยู่อย่างปลอดภัยและมีความสุขมากขึ้น

ปิดประตู้ไม่ให้สุนัขออก

1.ประตูหน้าต่างระเบียง

สำหรับบางบ้านที่น้องหมาแมวจอมซนนั้นชอบมุดออกไปข้างนอกบ่อย ๆ ซึ่งนอกบ้านไม่ใช่พื้นที่สำหรับวิ่งเล่น แต่เป็นถนนที่รถวิ่งเยอะ หรือเป็นบริเวณบ้านแต่ไม่มีกำแพงรอบไว้อาจจะทำให้สัตว์เลี้ยงเผลอออกไปเดิมเล่นนอกพื้นที่ไกล ๆ อาจจะเกิดอันตรายได้ง่าย ๆ ถ้าจะให้ดูด้านนอกควรจัดทำเป็นรั้วรอบไว้ป้องกันไม้ให้วิ่งออกได้ แต่ทำให้มองเห็นข้างนอกได้ ถ้าบ้านไหนไม่มีบริเวณกว้างลานบ้าน พื้นที่ด้านในก็ควรจะต้องมีมุมสำหรับหมา แมว ด้วย และปิดประตูหน้าต่าง ทุกครั้งป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงแอบออกไปได้

กั้นบันได

2.กั้นบันได

เป็นการป้องกันอันตรายจากการลื่นตกลงมาโดยเฉพาะสุนัขตัวเล็ก ที่ขาไม่ยาวพอจะขึ้นบันได แต่สำหรับแมวอาจจะกันยากเพราะว่าแมวปีนป่ายค่อนข้างเก่ง เวลากั้นอาจจะต้องกั้นให้ครอบทั้งบันไดเลย แต่สำหรับสุนัขกั้นเพียงแค่ไม่ให้ต่ำกว่าการกระโดดก็พอแล้ว สุนัขจะชอบขึ้นลงบ้านตามเจ้าของ เพื่อจะได้ให้อยู่ใกล้ชิดมากที่สุดโดยไม่ได้นึกถึงอันตรายที่อาจจะเกิดจากการขึ้น – ลง บันได โดยเฉพาะสุนัขบางตัวมักจะรีบวิ่งแล้วเบรคไม่ทันเวลาลงจะกลิ้งลงมาทั้งตัวได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นเพื่อไม่ให้ความซนเหล่านั้นเป็นอันตรายต่อพวกเขาเราก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน

aid21374-v4-728px-Keep-Cats-from-Chewing-on-Electric-Cords-and-Chargers-Step-16

3.เครื่องใช้ไฟฟ้าสายไฟใครอยู่ให้ห่างสัตว์เลี้ยง

หลายคนที่เราต้องกุมขมับเมื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักเผลอกัด แทะ สายไฟเป็นขนมขัดฟันเล่น หรือบางครั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่วางไว้มุมสูงจะมีเจ้าเหมียวคอยกระโดดขึ้นไปนั่่งเคียงข้างแล้วดันสิ่งของเหล่านั้นตกลงมาแบบหน้าตาไม่เดือดร้อนอะไร  หรือบางครั้งก็เกิดอยากจะทำความสะอาดตัวเองแบบไม่อยากจะเลียขนแล้วไปมุดอยู่ในเครื่องซักผ้า หากเราไม่เห็นอาจจะเผลอปิดฝาขังจอมซนไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ขาดอากาศหายใจถึงขั้นตายได้ในเวลาต่อมา

เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดในบ้านที่มองดูแล้วจะเป็นอันตรายสำหรับสุนัข แมว ในบ้านได้ อย่างแรกที่เราต้องทำคือ ถอดปลั๊กออกให้เรียบร้อย อย่างน้อย ๆ หากเราลืมเก็บสายไฟแล้วจอมซน 4 ขา ไปกัดแทะก็ไม่โดนไฟช็อต ไมโครเวฟควรวางในที่ที่ตกลงมาได้ยากและไม่ควรเหลือพื้นที่ข้าง ๆ ไว้ให้แมวนั่งด้วย สำหรับเครื่องซักผ้า หลังใช้งานแล้วถอดปลั๊กปิดฝาให้มิดชิด รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นสายไฟควรเก็บให้เรียบร้อยจัดวางให้เป็นระบบ การเดินสายไฟต่าง ๆ ต้องไม่เกะกะป้องกันไม่ให้เกิดการปีนป่ายลงมาเล่น หรือการเดินสะดุดทั้งสัตว์เลี้ยงและเจ้าของเลย

4-3

4.จัดระเบียบห้องน้ำให้ปลอดภัย

คงไม่ดีแน่ ๆ ที่วันหนึ่งเราไม่ทันได้สังเกตหรือเราไม่อยู่บ้านแล้วน้องหมา น้องแมว เกิดอยากจะลองเปิดประสบการณ์ใหม่ของการกินน้ำขึ้นมา แล้วลื่นลงไปในชักโครกจะขึ้นมาลำบากมาก ยิ่งถ้าเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก แมวตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีแรงตะกายนั้นจะติดแหง็กอยู่ตรงนั้นจนกว่าเราจะมาพบ ถ้าใครออกจากบ้านไปทำงานทั้งวันแล้วปล่อยสัตว์เลี้ยงไว้ที่บ้านตัวเดียว อีกหนึ่งพื้นที่ที่ต้องจัดระบบไว้คือห้องน้ำ ชักโครงปิดฝาให้สนิท อ่างล้างหน้าพยายามอย่าวางของที่เสี่ยงต่อการร่วงแล้วแตก หากมีอ่างอาบน้ำ ไม่ควรเปิดน้ำทิ้งเอาไว้

เก็บของใช้ขนาดเล็ก

5.ของใช้ขนาดเล็กเก็บให้เป็นที่ [อันตรายเก็บให้พ้นมือสัตว์เลี้ยง]

เอะอะ ๆ ก็จับเข้าปากหมด นั่นคือความซนของน้องหมา น้องแมว เห็นอะไรเล็ก ๆ แหลม ๆ เป็นไม่ได้ชอบเล่น ชอบกัด ถ้าหากแทะแล้วคายก็คงไม่อันตรายมากแต่ข้าวของก็เสียหาย บางตัวชอบกลืนเข้าไปเพราะคิดว่าเป็นขนม หรือเป็นของขัดฟันที่แทะแล้วจะกินได้ หากน้องหมา แมว ไม่ได้เล่นของเหล่านั้น แต่เราวางไม่เป็นที่เก็บไม่เป็นระเบียบเวลาที่สัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นในบ้านมีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บจากของใช้เล็ก ๆ ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะ เข็ม ปากกา เครื่องเขียน กระดุม ฯลฯ

ฉะนั้นเมื่อเราใช้แล้วควรเก็บเข้าที่เข้าทางอย่าเอาออกมาวางล่อตาล่อปากสัตว์เลี้ยงจะดีกว่า ขนาดโซฟาตัวใหญ่ โต๊ะตัวแข็ง ยังพากันแทะได้นับประสาอะไรกับของเล็ก ๆ งานนี้ไม่แทะอย่างเดียวมีกลืนเข้าไปด้วย เจ้าของจึงต้องเก็บให้ดี

เก็บยาให้ห่างจากสัตว์เลี้ยง

6.ยาและสารเคมีต่าง ๆ เก็บให้มิดชิดที่สุด

หากในบ้านมียาต่าง ๆ หรือสารเคมีที่อันตรายควรเก็บให้มิดชิดที่สุด เก็บให้มองไม่เห็นเลย เพราะแม้ว่าตัวยาจะอยู่ในบรรจุภัณฑ์แต่ถ้าหากสุนัข แมว เอามาเล่น มากัด แล้วเกิดฝาเปิดออก กล่องทะลุ ตัวสารเคมีรั่วไหล อันตรายอย่างมากต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง แล้วหากมียา หรือสารเคมีเข้าปากกลืนลงไปส่งผลต่อระบบภายในร่างกายแน่นอน ถ้าเราช่วยเหลือไม่ทันทำให้เสียชีวิตได้เลย ไม่ว่ายาต่าง ๆ นั้นจะเป็นสำหรับคนหรือสัตว์เลี้ยงเราก็จะต้องเก็บไว้ให้ดีที่สุด เป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับจอมซน 4 ขาในบ้านเราเอง

กล้องไร้สาย

7. ติดกล้องภายในบ้านเพื่อสอดส่องดูแล

เมื่อเราจัดบ้านเป็นระเบียบที่สุดเหมาะกับสัตว์เลี้ยงแล้ว แต่ยังมีความเป็นห่วงอยู่กลัวว่าเขาจะเหงาบ้าง หรือเราอาจกำลังอยากรู้ว่าตอนนี้สัตว์เลี้ยงที่รักของเราอยู่สบายดีที่บ้านไหม หลายคนจะนิยมติดตั้งกล้องไร้สายไว้ในบ้าน จะเรียกว่าใช้เป็นหูเป็นตาแทนเราก็ได้  ถ้าเราติดกล้องไว้จะทำให้เห็นพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงในบ้านตามระยะของกล้อง และพิเศษกว่านั้นเรายังพูดคุยกันผ่านกล้องได้ด้วย ทำให้เหมือนกับเราอยู่บ้านกับเขาตลอดเวลา และเมื่อเจ้าของอยากจะนำภาพความน่ารักของสัตว์เลี้ยงมาอวดเพื่อน ๆ บนโลกโซเชียลก็ทำได้เลย เพราะการใช้งานกล้องรุ่นนี้ง่าย ๆ ทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อเข้ากับมือถือของเรา ไม่ว่าจะอยู่ไกลกันแค่ไหนก็เหมือนใกล้นิดเดียว

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pawbo ได้ที่  http://www.pawbothailand.com
ติดตามข่าวสารอัพเดทและกิจกรรมของ Pawbo ได้ที่ https://www.facebook.com/pawbothailand

#Pawbothailand #Pawbo

เครดิตข้อมูล
cat&dog academy

เครดิตรูปภาพ
http://www.petsafe.nethttp:
www.improvementscatalog.comhttp:
www.wikihow.comhttp:
www.catster.com

ดีไหม หากสามารถพาเจ้าเหมียวไปที่ทำงานได้?

 

ดีไหม หากสามารถพาเจ้าเหมียวไปที่ทำงานได้?
บริษัทแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเชื่อว่าแมวช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ จึงอนุญาตให้พนักงานสามารถเอาแมวไปเลี้ยงที่ออฟฟิศในเวลางาน นอกจากนี้ผู้บริหารบริษัทยังตั้งงบประมาณราว 2,000 บาทไว้ให้พนักงานที่ต้องการรับแมวจากสถานสงเคราะห์สัตว์มาเลี้ยงด้วย
พนักงานบอกว่า แมวที่เชื่องและเป็นมิตรช่วยให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน แต่ขณะเดียวกันการปล่อยให้เจ้าเหมียวสามารถเดินไปมาภายในสำนักงานได้อย่างอิสระนั้นก็สร้างความปวดหัวอยู่ไม่น้อย เพราะแมวมักชอบเดินเหยียบย่ำไปบนโต๊ะทำงาน แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ และบางครั้งยังปิดคอมพิวเตอร์ด้วย

 

เครดิตข้อมูล
http://www.bbc.com

สัตว์เลี้ยงท่านได้แต่ใดมา!!!

dog petsayhi

การที่เราจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสักตัวหนึ่งนั้นสัตว์เลี้ยงตัวนี้ท่านได้แต่ใดมา เป็นเวรกรรมที่เคยสร้างหรือทำบุญร่วมกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ทำให้เราและสัตว์เลี้ยงมาอยู่ด้วยกัน แต่ไม่ว่าจะมายังงัย เมื่อมาอยู่กับเราแล้วเราควรเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเหมือนคนในครอบครัวของเราเลย ก็แล้วกันนะ

dog petsayhi

ที่มาของสัตว์เลี้ยงของแต่ละคนมาจากที่ที่ต่างกันไปนาๆนับประการ ไม่ว่าจะเป็น

  1. เก็บมาเลี้ยง (พอดีเป็นคนใจบุญ)
  2. ซื้อจากฟาร์มมาเลี้ยงโดยตรง
  3. ซื้อจากตามงานหรือที่ขายสัตว์เลี้ยงต่างๆ เช่น จตุจักร สนามหลวง (ไม่แน่ใจว่ายังมีหรือเปล่า)
  4. คนอื่นให้มา

ทำไมผมถึงพูดถึงแหล่งที่มาเหรอครับ ผมว่าแหล่งที่มาของสัตว์เลี้ยงนั้น ก็สำคัญสำหรับคนที่จะเลี้ยงสัตว์เหมือนกันนะครับ เพราะ แหล่งที่มาแต่ละที่นั้น บ่งบอกถึง โรค หรือ สุขภาพร่างกายของน้องสัตว์เลี้ยงเราได้เหมือนกัน

petsmile_from_for_pet 11. เก็บมาเลี้ยง

พูดถึงที่แรกเลยนะครับ เก็บมาเลี้ยง พอดีเป็นคนใจบุญครับ เจอน้องหมาข้างถนน ข้างทางไม่ได้เก็บมาเลี้ยง หมด หรือ ไม่ก็เห็นประกาศหาบ้านตาม Internet เราใจบุญอยุู่แล้วนี้ครับ ขอมาเลี้ยงเลยดีกว่า การที่จะนำสุนัขหรือแมวข้างถนน หรือข้างทาง หรือข้างอื่นๆฯ มาเลี้ยง เราต้องดูด้วยนะครับ ว่าน้องอายุประมาณเท่าไร ถ้าเป็นสุนัขเด็ก ก็ดีหน่อย สอนง่าย แต่ถ้าสุนัข โตหน่อย ก็สอนยากหน่อยครับ ความผูกพันธ์ระหว่างเรากับสัตว์เลี้ยงก็จะมี่ช่องว่างนิดหน่อย แต่สิ่งที่สำคัญครับ เมื่อเก็บ

น้องมาเลี้ยง ควรพาน้องไปตรวจสุขภาพร่างกายก่อนเป็นอันดับแรกเลยนะครับ ถ้าสุนัขเด็กต้องเช็คดูว่าน้องพร้อมทำวัคซีนหรือเปล่าร่างกายแข็งแรงไหม แต่ถ้าสุนัขหรือแมวโต เป็นโรคอะไรมาหรือเปล่า เคยทำวัคซีนหรือเปล่า เพื่อป้องกันตัวเราเองและน้องสัตว์เลี้ยงของเราครับ

petsmile_from_for_pet 32. ซื้อจากฟาร์มมาเลี้ยงโดยตรง

ถ้าเราได้รับสัตว์เลี้ยงมาจากฟาร์ม เราควรเช็คประวัติน้องจากฟาร์มหน่อยนะครับ สอบถามรายละเอียดการทำวัคซีน หรือ สอบถามสุขภาพน้องหน่อย ว่าน้องเป็นงัยบ้างร่างกายแข็งแรงดีเปล่า (แต่เกือบ 100 % ฟาร์มก็จะบอกว่าน้องแข็งแรงดีครับ ร่าเริง แจ่มใส) น้องหมาน้องแมวเรามีใบการันตี หรือเปล่า หรือเขาเรียกว่า ใบเพ็ดดิกรี เป็นลูกแชมป์ พ่อเป็นใครแม่เป็นใคร ถามให้ละเอียดเลยนะครับ และอย่าลืมเอาใบทำวัคซีนมาด้วยนะครับ จะได้ให้คุณหมอเช็ครายละเอียดน้องอีกที ได้น้องมาก็เหมือนเดิมครับ ส่งให้คุณหมอตรวจ

3. ซื้อจากตามงานหรือที่ขายสัตว์เลี้ยงต่างๆ

ผมว่าอันนี้ครับ อันตรายที่สุด เพราะสัตว์เลี้ยงที่ขายตามงานหรือที่ขายสัตว์เลี้ยงต่างๆ มีโอกาสติดโรคสูงมาก ลองคิดดูครับ สัตว์เลี้ยงมาร่วมกันเยอะแยะ ไม่รู้ตัวไหนมีโรคไม่มีโรค คนเดินมาดูจับตัวโน้มบ้างตัวนี้บ้าง ให้น้องดูดเลียนิ้ว ไม่รุ้นิ้วจับอะไรมาบ้าง จับตัวที่มีเชื้อโรคมาเปล่าก็ไม่รู้ อัตรายสุดๆเลยครับ เมื่อได้น้องมาก็ควรพาน้องไปตรวจสุขภาพและเช็ควัคซีนให้เรียบร้อยนะครับ

4.คนอื่นให้มา

เพื่อข้างบ้านให้มา หรือ เราไปขอเขามา  ก็ลองเช็คดูประวัติน้องดูนะครับ ว่าน้องร่าเริงหรือเปล่าการทำวัคซีนเป็นงัยบ้างทำกี่เข็มแล้ว แต่ลงเอยทุกครั้งก็ต้องให้คุณหมอเช็คตรวจดูอีกที่ครับ

แต่ที่ได้น้องมาทั้งหมดครับ ที่ผมบอกครับ ก็ต้องส่งให้คุณหมอตรวจเช็คร่างกายน้องอีกที่เพื่อตรวจสุขภาพ ตรวจโรค ถ่ายพยาธิ การกำหนดทำวัคซีน  แต่พอคุณหมอตรวจคุณหมอก็จะยังไม่การันตีหรอกครับ ว่าน้องแข็งแรงหรือเป็นโรคอะไรหรือเปล่า นอกจากบางตัวที่จะแสดงอาการชัดเจน เคยได้ยินคุณหมอเขาบอกว่า น้องหมาจะสุขภาพแข็งแรงหรือเป็นโรคหรือเปล่า จะแสดงอาการอยุ่ช่วงระหว่าง 1-2 อาทิตย์ มาแรกๆเราจะดูไม่ออกเพราะบางตัวเดินทางมาไกลเหนือย หรือบางตัวอาจจะมีการปรับเปลี่ยน ที่อยู่อาศัยทำให้ไม่สบายได้เหมือนกัน

ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่จะเริ่มต้นเลี้ยงสัตว์เลี้ยงนะครับ

PETSAYHI

ADMIN