เตือนภัยสุนัข อันตรายจากหูฟังพลาสติกที่อาจไม่คาดคิด

หูฟังที่เราวางไว้ในบ้านตามที่ต่างๆ  หลายคนคงไม่คาดคิดว่าจะเกิดอันตรายอะไรสำหรับสัตว์เลี้ยงของเรา แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้อาจจะทำให้คนรักสัตว์เลี้ยงต้องมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

น้องข้าวตัง ชิวาวาน้อย อายุ 9 เดือน เล่นซน แทะหูฟังพลาสติก แทะไปแทะมา หูฟังหายไป หายังไงก็หาไม่เจอ !!!

เจ้าของจึงได้นำน้องส่ง โรงพยาบาลสัตว์เพื่อตรวจเช็คอาการกับคุณหมอ คุณหมอทำการรักษาโดยการกระตุ้นการอาเจียน ออกมา 1 ครั้ง ได้ หูฟังพลาสติกออกมา 1 อัน แต่ยังเหลืออีก 1 อัน

คุณหมอจำทำการอัลตราซาวด์พบว่ายังอยู่ในกระเพาะอาหาร แต่กระตุ้นอาเจียนยังไงก็ไม่ออกมา เลยให้ทานยาระบายอีก  ก็ยังไม่ออกมา ก็เลยต้องนอนโรงพยาบาล 1 คืน เพื่อกลืนแป้ง barium ระบุตำแหน่งของหูฟัง และแล้วหลังกลืนแป้งก็พบว่าหูฟังค่อยๆเลื่อนมาตามทางเดินอาหารเรื่อยๆ และน้องข้าวตังก็อึออกมาเองได้ สบายใจกันทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และคุณหมอ เลย 

 

หูฟังพลาสติกสิ่งที่น้องกลืนเขาไปหลังจากที่คุณหมอนำออกมาแล้ว 

อันตรายนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและทุกรูปแบบจริงๆสำหรับสัตว์เลี้ยงของเรา ต่อไปนี้ควรเก็บอะไรให้เป็นที่เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงของเราด้วยนะ

 

 

เครดิตข้อมูลและรูปภาพ
Fb;โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ เชียงใหม่

น้องหมาขับถ่ายไม่เป็นที่ ควรทำอย่างไร

การขับถ่ายไม่เป็นที่ของสุนัขนั้น เราสามารถแก้ไขได้โดยการฝึกให้สุนัขขับถ่ายให้เป็นที่ โดยทั่วไปเรื่องของการฝึกการขับถ่าย สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ในลูกสุนัขอายุ 1-2 เดือน หากอายุมากกว่านั้น หรือว่าไม่เคยฝึกมาก่อน เราก็สามารถฝึกได้ เนื่องจากสุนัขค่อนข้างฉลาด สามารถเรียนรู้ได้ การฝึกการขับถ่ายให้เป็นที่นั้น ไม่ว่าจะให้ขับถ่ายนอกบ้าน หรือขับถ่ายลงบนสิ่งปูรอง ก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการฝึก และอาศัยความอดทนของเจ้าของด้วย

โดยทั่วไปสุนัขจะขับถ่ายหลังตื่นนอนทันที หลังเล่นเสร็จ หรือ หลังกินอาหาร15-30 นาที ลูกสุนัขจะขับถ่ายบ่อย เนื่องจากยังมีกระเพาะปัสสาวะเล็ก และการควบคุมยังทำได้ไม่ดี การฝึกให้ขับถ่ายนอกบ้านนั้น ขั้นแรกต้องฝึกให้รู้จักเวลาและสถานที่ในการทำธุระส่วนตัว ให้สุนัขได้ดมและสำรวจพื้นที่สำหรับขับถ่ายเสียก่อน และควรนำไปขับถ่ายสถานที่เดิมซ้ำๆกันเป็นประจำ กลิ่นที่เคยขับถ่ายเอาไว้ครั้งก่อนๆจะช่วยกระตุ้นให้ขับถ่ายได้ แต่ไม่ควรเล่นกับสุนัขระหว่างขับถ่าย จนกว่าจะขับถ่ายเสร็จ ขณะที่กำลังขับถ่ายอาจพูดวลีสั้นๆ ซ้ำๆ หรือให้รางวัลด้วยคำชม เมื่อขับถ่ายเสร็จ แล้วสุนัขจะเรียนรู้(แบบมีเงื่อนไข) ว่าเมื่อได้ยินวลีนี้ มันจะต้องขับถ่าย หลีกเลี่ยงการใช้วลีที่ใช้พูดคุยกับมันบ่อยๆในช่วงที่ไม่ได้ขับถ่าย การสอนให้สุนัขขับถ่ายลงบนวัสดุที่เตรียมให้พิเศษ เป็นอีกวิธีที่ควรฝึกให้เรียนรู้เหมือนกัน เพราะจะทำให้เจ้าของสะดวกมากขึ้น เวลาที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน อากาศข้างนอกเปลี่ยนแปลง หรือกรณีที่ต้องเก็บตัวอย่างอุจจาระหรือปัสสาวะส่งตรวจ

การทำโทษเมื่อสุนัขทำบ้านสกปรกต้องลงโทษทันทีอย่างเหมาะสม โดยการใช้เสียงให้เกรงกลัว เช่น เรียก หรือห้ามดังๆ ซึ่งจะทำให้ตกใจและไม่แสดงพฤติกรรมที่เจ้าของไม่ต้องการออกมา หลังจากนั้นให้รีบพาสุนัขไปในบริเวณที่ที่จะขับถ่าย หากทำโทษไม่เหมาะสมจะทำให้สุนัขกลัวเจ้าของหรือสถานที่นั้นๆ หรือเกิดความก้าวร้าวที่เกิดจากการปกป้องตัวเองได้

 

เครดิต รูปภาพ
http://thaimisc.pukpik.com/

ทำไมต้องแปรงฟันให้น้องหมาน้องแมว

ใครเคยสงสัยไหมว่าทำไมน้องหมาน้องแมว ต้องแปรงฟัน  น้องหมาน้องแมวก็เหมือนคนเราครับ เวลากินอาหารแล้วมีเศษอะไรติดฟันยังรู้สึกรำคาญ แล้วนับประสาอะไรกับน้องหมาน้องแมว ทั้งที่คนเราแปรงฟันกันตั้งวันละ 2-3 ครั้ง แต่สำหรับน้องหมาน้องแมวที่เราเลี้ยง น่าแปลกที่บางคนอาจถึงขั้นไม่เคยดูแลแปรงฟันให้พวกเขาเลย เราเลยอยากมาย้ำเตือนกันเสียหน่อยว่า เพราะอะไรการแปรงฟันในสัตว์เลี้ยงถึงสำคัญ ถ้าพร้อมแล้วไปดูเลย

  • ลดปัญหากลิ่นปากได้ – เคยเป็นไหม เวลาที่เจ้าตูบหอบหายใจทีไร เจ้าของอย่างเราเป็นต้องหนีให้ไกลทุกที เพราะกลิ่นปากที่โชยมามันเกินเยียวยาเสียนี่กระไร ซึ่งความจริงแล้ว การมีกลิ่นปากเป็นการบ่งบอกกลายๆ ว่าสุนัขหรือแมวกำลังมีปัญหาสุขภาพเหงือกและฟันอยู่ และการหมั่นแปรงฟันให้พวกเขาเป็นประจำก็พอจะช่วยบรรเทาเบาบางปัญหานี้ลงไปได้บ้าง
  • ลดการสะสมของหินปูน – สำหรับในคน ปัญหาหนักของฟันก็คือ “ฟันผุ” แต่สำหรับในน้องหมาน้องแมว ปัญหาที่เราควรกังวลมากกว่าก็คือเจ้า “หินปูน” นี่แหละ เพราะการมีหินปูนเกาะที่ฟันเป็นจำนวนมากจะทำให้เริ่มมีช่องว่างระหว่างฟันกับเหงือกมากขึ้น นานวันเข้าฟันก็จะโยกและหลุดได้ ซ้ำร้ายยังอาจติดเชื้อแบคทีเรียเข้าไปตามร่องนั้นจนเข้าถึงกระแสเลือดไปสู่หัวใจได้เลยนะ ดังนั้น การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการลดการสะสมของหินปูนเหล่านี้
  • แอบสังเกตสุขภาพช่องปากได้ – การที่เราต้องแปรงฟันให้น้องหมาน้องแมวแต่ละครั้ง มันจะทำให้เราได้สังเกตสุขภาพภายในช่องปากของนองหมาน้องแมวไปด้วยในตัวว่ามีอะไรผิดปกติบ้าง ฟันซี่ไหนเริ่มโยกหรือเริ่มมีหินปูนแล้ว หรือในช่องปากมีแผลหรือไม่ ซึ่งอย่างหลังนี่สำคัญในน้องแมวมากเป็นพิเศษ เพราะอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อไวรัสบางชนิดได้ด้วย

ทีนี้ก็รู้แล้วสินะ ว่าการแปรงฟันมันสำคัญสำหรับน้องหมาน้องแมวขนาดไหน

 

เครดิตข้อมูล
โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ
เครดิตรูปภาพ
https://www.flickr.com

ดัชชุน [Dachshund]สายโหลดมาแล้ว สุนัขสายพันธุ์เยอรมัน สุดคาวาอี้

สายโหลดมาแว๊ว!!! ถอยหน่อย ๆ ดัชชุน (Dachshund) จะเดิน — วันนี้เรามาทำความรู้จักที่มาและลักษณะเด่นของดัชชุนกันครับ เป็นสุนัขสายพันธุ์เยอรมันที่สุดแสนคาวาอี้ ในไทยเราจะนิยมเรียกว่า “หมาไส้กรอก” ก็ลองคิดภาพตามนะครับ ดัชชุนเป็นสุนัขพันธุ์แบบโหลดเตี้ย เดินไปไหนมาไหนเราจะเห็นเหมือนกับไส้กรอกเดินได้นั่นเอง แต่สุนัขพันธุ์นี้ก็ได้รับความนิยมเลี้ยงกันมากและยังเป็นสุนัขประจำชาติของเยอรมันครับผม

ดัชชุนนั้นกลุ่มสุนัขฮาวด์ (Hound Group) มีส่วนสูงโดยเฉลี่ยอยู่ที่  13 – 23  ซม. น้ำหนัก   8 – 12 กิโลกรัมเท่านั้นเอง มีความเตี้ยเหมือนไส้กรอกอย่างเห็นได้ชัด มีความบึกบึน มีความแข็งแรง คือมีความเหมือนไส้กรอกอ้วน ๆ กรามของดัชชุนแข็งแรงมาก ในส่วนของสีตาก็เป็น ดำ – น้ำตาล  กล้ามเนื้อจะแข็งแรง ใบหูยาว

ดัชชุนนั้นมีทั้งพันธุ์แบบ ขนสั้น ขนยาว ขนหยาวด้วยนะ ซึ่งก็ยังคงมีความโหลดเตี้ยเหมือนกันเลย สีขนเองก็หลากหลายแต่ก็ยังคงอยู่ในโทน น้ำตาล ดำ ครีม ช็อคโกแลต เทา เป็นต้น และใน 1 ตัว ก็ไม่ได้มีแค่สีใดสีหนึ่งอาจจะมีผสมสัก  3 – 5 สีเลยครับ สวยใช่เล่นเลย  ราคาคงไม่ต้องพูดถึงแน่นอนว่า “แพง” ครับ

นิสัยของสุนัชดัชชุน

สบายใจครับเลี้ยงหมาพันธุ์นี้อารมณ์ดีได้ทั้งวัน  เพราะนิสัยของสุนัขดัชชุนนั้นร่าเริง อารมณ์ดี มีความสดใจ ตื่นตัวเสมอ เหมือนมันพร้อมสำหรับการวิ่งเล่นตลอดเวลา ชอบค้นหา ชอบอะไรที่ตื่นเต้น ๆ รักเจ้าของสุด ๆ ขี้อ้อนมากกกกกกก เลยครับ และที่สำคัญยังเป็นสุนัขขี้อิจฉาอีกด้วย ระวังนะครับถ้าใครจะรับสุนัขมาเลี้ยงเพิ่มโดยมีดัชชุนอยู่แล้วอาจจะต้องปรับความเข้าใจและขออนุญาติดัชชุนก่อนนะ

ถ้าอยากจะเลี้ยงบ้านก็อย่าลืมศึกษาข้อมูล ก่อนนะครับและต้องมีการเตรียมตัว เตรียมสถานที่ และสำคัญกว่านั้นคือ ต้องมี” เวลา” ให้น้องหมาด้วยครับผม และไม่ว่าท่านจะเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์อะไร ราคาถูก ราคาแพงอาจจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ สิ่งสำคัญคืออยู่ด้วยกันแล้วสนุก มีความสุขทั้งสองฝ่ายครับผม

วิธีการสังเกตว่าสุนัขของเราตั้งท้องหรือไม่

แนะนำวิธีการสังเกตว่าสุนัขของเราตั้งท้องหรือไม่กัน

 

โดยทั่วไปสุนัขจะมีระยะเวลาในการตั้งท้องประมาณ 59-63 วัน โดยในช่วงแรกของการตั้งท้อง(2-3สัปดาห์แรก) จะสังเกตได้ค่อนข้างยาก แต่ร่างกายของแม่สุนัขจะค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆดังนี้

1.ช่องท้องเริ่มขยายใหญ่ ร่วมกับน้ำหนักตัวที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น

2.เต้านมเริ่มขยายและหัวนมมีสีชมพูอ่อนๆ

3.อวัยวะเพศขนาดใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับตอนช่วงก่อนที่สุนัขแสดงอาการสัด

4.มีพฤติกรรมการกินเปลี่ยนไป บางตัวเบื่ออาหาร บางตัวกินเก่งขึ้น แต่สุนัขจะไม่มีอาการเจียนแพ้ท้องเหมือนคนนะ

5.อารมณ์ของสุนัขจะแปรปรวนได้ง่าย จากที่เคยวิ่งซนก็อาจจะสงบเสงี่ยมมากขึ้น แต่บางตัวก็หงุดหงิดง่าย อาจจะเก็บเนื้อเก็บตัวและแยกตัวออกจากสุนัขตัวอื่นๆ ในบ้าน

แต่ข้อสังเกตเหล่านี้ก็ไม่ได้แน่นอนเสมอไป หากสงสัยว่าสุนัขตั้งท้องสามารถพาสุนัขไปให้สัตวแพทย์ช่วยวินิจฉัยโดยมีวิธีวินิจฉัยคร่าวๆดังนี้

-การultrasound สามารถทำได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 25-30 วันขึ้นไป ข้อดีคือสามารถเห็นการเต้นของหัวใจจองลูกสุนัข ช่วยประเมินได้ว่าลูกยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ไม่สามารถนับจำนวนลูกสุนัขที่แน่นอนได้

-การ x-ray สามารถทำได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 45 วันขึ้นไป ข้อดีคือสามารถนับจำนวนลูกได้แม่นยำกว่าการ ultrasound นอกจากนี้ในสุนัขท้องแก่(อายุครรภ์ 55 วันขึ้นไป) ยังช่วยประเมินภาวะการคลอดยากคร่าวๆได้ด้วย

เครดิตรูปภาพ
http://dogs.lovetoknow.com

7 สิ่ง ที่ไม่ควรมองข้าม จัดเตรียมบ้านเพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยง

สำหรับครอบครัวที่ไม่เคยเลี้ยงสุนัขและแมวมาก่อน สิ่งของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ อาหาร ยาและของแต่งบ้าน ที่เราคุ้นเคย อาจเป็นอันตรายต่อพวกเขาได้ คุณสามารถจัดเตรียมบ้านให้พร้อมต้อนรับสมาชิกใหม่ ที่อยู่ในช่วงวัยซุกซน อยากรู้อยากเห็น แน่นอนว่าเราไม่สามารถจะสอดส่องดูแลเจ้าสี่ขาได้ตลอดเวลา ในบางครั้งก็ต้องปล่อยให้อยู่ตัวเดียวบ้าง เป็นการฝึกอย่างหนึ่งเพื่อให้สัตว์เลี้ยงเรารู้จักการรอ หากข้าวของยังจัดบางอย่างสุ่มเสี่ยงต่อการทำให้สุนัขได้รับบาดเจ็บการจัดบ้านให้ดีมีมุมสำหรับน้องหมาน้องแมวในบ้านจะช่วยให้พวกเขาอยู่อย่างปลอดภัยและมีความสุขมากขึ้น

ปิดประตู้ไม่ให้สุนัขออก

1.ประตูหน้าต่างระเบียง

สำหรับบางบ้านที่น้องหมาแมวจอมซนนั้นชอบมุดออกไปข้างนอกบ่อย ๆ ซึ่งนอกบ้านไม่ใช่พื้นที่สำหรับวิ่งเล่น แต่เป็นถนนที่รถวิ่งเยอะ หรือเป็นบริเวณบ้านแต่ไม่มีกำแพงรอบไว้อาจจะทำให้สัตว์เลี้ยงเผลอออกไปเดิมเล่นนอกพื้นที่ไกล ๆ อาจจะเกิดอันตรายได้ง่าย ๆ ถ้าจะให้ดูด้านนอกควรจัดทำเป็นรั้วรอบไว้ป้องกันไม้ให้วิ่งออกได้ แต่ทำให้มองเห็นข้างนอกได้ ถ้าบ้านไหนไม่มีบริเวณกว้างลานบ้าน พื้นที่ด้านในก็ควรจะต้องมีมุมสำหรับหมา แมว ด้วย และปิดประตูหน้าต่าง ทุกครั้งป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงแอบออกไปได้

กั้นบันได

2.กั้นบันได

เป็นการป้องกันอันตรายจากการลื่นตกลงมาโดยเฉพาะสุนัขตัวเล็ก ที่ขาไม่ยาวพอจะขึ้นบันได แต่สำหรับแมวอาจจะกันยากเพราะว่าแมวปีนป่ายค่อนข้างเก่ง เวลากั้นอาจจะต้องกั้นให้ครอบทั้งบันไดเลย แต่สำหรับสุนัขกั้นเพียงแค่ไม่ให้ต่ำกว่าการกระโดดก็พอแล้ว สุนัขจะชอบขึ้นลงบ้านตามเจ้าของ เพื่อจะได้ให้อยู่ใกล้ชิดมากที่สุดโดยไม่ได้นึกถึงอันตรายที่อาจจะเกิดจากการขึ้น – ลง บันได โดยเฉพาะสุนัขบางตัวมักจะรีบวิ่งแล้วเบรคไม่ทันเวลาลงจะกลิ้งลงมาทั้งตัวได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นเพื่อไม่ให้ความซนเหล่านั้นเป็นอันตรายต่อพวกเขาเราก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน

aid21374-v4-728px-Keep-Cats-from-Chewing-on-Electric-Cords-and-Chargers-Step-16

3.เครื่องใช้ไฟฟ้าสายไฟใครอยู่ให้ห่างสัตว์เลี้ยง

หลายคนที่เราต้องกุมขมับเมื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักเผลอกัด แทะ สายไฟเป็นขนมขัดฟันเล่น หรือบางครั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่วางไว้มุมสูงจะมีเจ้าเหมียวคอยกระโดดขึ้นไปนั่่งเคียงข้างแล้วดันสิ่งของเหล่านั้นตกลงมาแบบหน้าตาไม่เดือดร้อนอะไร  หรือบางครั้งก็เกิดอยากจะทำความสะอาดตัวเองแบบไม่อยากจะเลียขนแล้วไปมุดอยู่ในเครื่องซักผ้า หากเราไม่เห็นอาจจะเผลอปิดฝาขังจอมซนไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ขาดอากาศหายใจถึงขั้นตายได้ในเวลาต่อมา

เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดในบ้านที่มองดูแล้วจะเป็นอันตรายสำหรับสุนัข แมว ในบ้านได้ อย่างแรกที่เราต้องทำคือ ถอดปลั๊กออกให้เรียบร้อย อย่างน้อย ๆ หากเราลืมเก็บสายไฟแล้วจอมซน 4 ขา ไปกัดแทะก็ไม่โดนไฟช็อต ไมโครเวฟควรวางในที่ที่ตกลงมาได้ยากและไม่ควรเหลือพื้นที่ข้าง ๆ ไว้ให้แมวนั่งด้วย สำหรับเครื่องซักผ้า หลังใช้งานแล้วถอดปลั๊กปิดฝาให้มิดชิด รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นสายไฟควรเก็บให้เรียบร้อยจัดวางให้เป็นระบบ การเดินสายไฟต่าง ๆ ต้องไม่เกะกะป้องกันไม่ให้เกิดการปีนป่ายลงมาเล่น หรือการเดินสะดุดทั้งสัตว์เลี้ยงและเจ้าของเลย

4-3

4.จัดระเบียบห้องน้ำให้ปลอดภัย

คงไม่ดีแน่ ๆ ที่วันหนึ่งเราไม่ทันได้สังเกตหรือเราไม่อยู่บ้านแล้วน้องหมา น้องแมว เกิดอยากจะลองเปิดประสบการณ์ใหม่ของการกินน้ำขึ้นมา แล้วลื่นลงไปในชักโครกจะขึ้นมาลำบากมาก ยิ่งถ้าเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก แมวตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีแรงตะกายนั้นจะติดแหง็กอยู่ตรงนั้นจนกว่าเราจะมาพบ ถ้าใครออกจากบ้านไปทำงานทั้งวันแล้วปล่อยสัตว์เลี้ยงไว้ที่บ้านตัวเดียว อีกหนึ่งพื้นที่ที่ต้องจัดระบบไว้คือห้องน้ำ ชักโครงปิดฝาให้สนิท อ่างล้างหน้าพยายามอย่าวางของที่เสี่ยงต่อการร่วงแล้วแตก หากมีอ่างอาบน้ำ ไม่ควรเปิดน้ำทิ้งเอาไว้

เก็บของใช้ขนาดเล็ก

5.ของใช้ขนาดเล็กเก็บให้เป็นที่ [อันตรายเก็บให้พ้นมือสัตว์เลี้ยง]

เอะอะ ๆ ก็จับเข้าปากหมด นั่นคือความซนของน้องหมา น้องแมว เห็นอะไรเล็ก ๆ แหลม ๆ เป็นไม่ได้ชอบเล่น ชอบกัด ถ้าหากแทะแล้วคายก็คงไม่อันตรายมากแต่ข้าวของก็เสียหาย บางตัวชอบกลืนเข้าไปเพราะคิดว่าเป็นขนม หรือเป็นของขัดฟันที่แทะแล้วจะกินได้ หากน้องหมา แมว ไม่ได้เล่นของเหล่านั้น แต่เราวางไม่เป็นที่เก็บไม่เป็นระเบียบเวลาที่สัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นในบ้านมีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บจากของใช้เล็ก ๆ ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะ เข็ม ปากกา เครื่องเขียน กระดุม ฯลฯ

ฉะนั้นเมื่อเราใช้แล้วควรเก็บเข้าที่เข้าทางอย่าเอาออกมาวางล่อตาล่อปากสัตว์เลี้ยงจะดีกว่า ขนาดโซฟาตัวใหญ่ โต๊ะตัวแข็ง ยังพากันแทะได้นับประสาอะไรกับของเล็ก ๆ งานนี้ไม่แทะอย่างเดียวมีกลืนเข้าไปด้วย เจ้าของจึงต้องเก็บให้ดี

เก็บยาให้ห่างจากสัตว์เลี้ยง

6.ยาและสารเคมีต่าง ๆ เก็บให้มิดชิดที่สุด

หากในบ้านมียาต่าง ๆ หรือสารเคมีที่อันตรายควรเก็บให้มิดชิดที่สุด เก็บให้มองไม่เห็นเลย เพราะแม้ว่าตัวยาจะอยู่ในบรรจุภัณฑ์แต่ถ้าหากสุนัข แมว เอามาเล่น มากัด แล้วเกิดฝาเปิดออก กล่องทะลุ ตัวสารเคมีรั่วไหล อันตรายอย่างมากต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง แล้วหากมียา หรือสารเคมีเข้าปากกลืนลงไปส่งผลต่อระบบภายในร่างกายแน่นอน ถ้าเราช่วยเหลือไม่ทันทำให้เสียชีวิตได้เลย ไม่ว่ายาต่าง ๆ นั้นจะเป็นสำหรับคนหรือสัตว์เลี้ยงเราก็จะต้องเก็บไว้ให้ดีที่สุด เป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับจอมซน 4 ขาในบ้านเราเอง

กล้องไร้สาย

7. ติดกล้องภายในบ้านเพื่อสอดส่องดูแล

เมื่อเราจัดบ้านเป็นระเบียบที่สุดเหมาะกับสัตว์เลี้ยงแล้ว แต่ยังมีความเป็นห่วงอยู่กลัวว่าเขาจะเหงาบ้าง หรือเราอาจกำลังอยากรู้ว่าตอนนี้สัตว์เลี้ยงที่รักของเราอยู่สบายดีที่บ้านไหม หลายคนจะนิยมติดตั้งกล้องไร้สายไว้ในบ้าน จะเรียกว่าใช้เป็นหูเป็นตาแทนเราก็ได้  ถ้าเราติดกล้องไว้จะทำให้เห็นพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงในบ้านตามระยะของกล้อง และพิเศษกว่านั้นเรายังพูดคุยกันผ่านกล้องได้ด้วย ทำให้เหมือนกับเราอยู่บ้านกับเขาตลอดเวลา และเมื่อเจ้าของอยากจะนำภาพความน่ารักของสัตว์เลี้ยงมาอวดเพื่อน ๆ บนโลกโซเชียลก็ทำได้เลย เพราะการใช้งานกล้องรุ่นนี้ง่าย ๆ ทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อเข้ากับมือถือของเรา ไม่ว่าจะอยู่ไกลกันแค่ไหนก็เหมือนใกล้นิดเดียว

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pawbo ได้ที่  http://www.pawbothailand.com
ติดตามข่าวสารอัพเดทและกิจกรรมของ Pawbo ได้ที่ https://www.facebook.com/pawbothailand

#Pawbothailand #Pawbo

เครดิตข้อมูล
cat&dog academy

เครดิตรูปภาพ
http://www.petsafe.nethttp:
www.improvementscatalog.comhttp:
www.wikihow.comhttp:
www.catster.com

รู้หรือไม่ ? สุนัขไม่ได้ตาบอดสีอย่างที่เข้าใจกัน

มีหลายคนเข้าใจว่าสุนัขมองเห็นสีไม่เหมือนกับมนุษย์ซึ่งข้อนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ว่าสุนัขไม่ได้ตาบอดสีเพราะว่าตาของสุนัขแยกแยะสีได้มากกว่าแค่สีขาวกับสีดำ แต่เนื่องด้วยมีเซลล์ที่ไม่เหมือนกันกับมนุษย์เซลล์ในการรับแสงสีเขียวของสุนัขไม่มีจึงทำให้มีเซลล์ที่เป็นทรงกรวย (Cone Cell) ทำหน้าที่รับสีเพียง 2 ชุดเท่านั้น ทำให้การแยกสีแดง ส้ม เหลือง เขียว ออกจากกันนั้นทำไม่ได้ในสุขัน ซึ่งต่างจากคนที่มีเซลล์ทั้ง 3 ชุดจึงแยกสีได้ชัดเจน

สุนัขตาบอดสี

สุนัขนั้นมีเซลล์รับแสง 2 ตัว 

สุนัขนั้นมีเซลล์รับแสงแค่ 2 ตัวคือ เซลล์เป็นแท่ง (Rod Cell) และ เซลล์ทรงกรวย (Cone Cell) แม้การแยกสีของสุนัขจะทำได้ไม่ดีเท่าคนแต่ว่าก็เป็นธรรมชาติของสุนัขที่ทำให้มีข้อดีคือ มีความสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืน ซึ่งคนเราทำไม่ได้ในที่มืดจอประสาทตาจะปรับอะไรไม่ได้เลยหากไม่มีแสงสว่างเข้ามาช่วย เพราะการแยกสีได้จำกัดของสุนัขทำให้ดูคล้ายกับเป็นตาบอดสีนั่นเอง
 โครงสร้างและตำแหน่งของเซลล์ในชั้นเรตินา

สำหรับสุนัขแล้วเป็นสัตว์สายพันธุ์กินเนื้อสัตว์นักล่าที่ออกหากินในเวลากลางคืน    การแยกสีจึงไม่มีความจำเป็นอะไรธรรมชาติสร้างสายตามาให้เหมาะสมที่สุดแล้วเพราะการมองเห็นกลางคืนของสุนัขมันสำคัญกว่า  เมื่อตอนที่สุนัขยังต้องออกหาอาหารด้วยตัวเองการล่าส่วนมากจะเป็นตอนกลางคืนที่สัตว์อื่น ๆ หลับหมดแล้วจึงง่ายต่อการล่า ในสมัยนี้สุนัขกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงมากขึ้นแต่ยังไงสุนัขก็ยังคงเป็นสุนัขที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมาให้มีความพิเศษเฉพาะตัวมันเอง

สายตาสุนัข

ในสมัยนี้แม้สุนัขจะกินอาหารได้หลากหลายมากขึ้นและเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของหลาย ๆ บ้าน แต่สายตาของมันก็ยังจำเป็นในตอนกลางคืนเพราะเวลามีอะไรเกิดขึ้นมันจะมองได้ชัดเจนและเห่าแจ้งเหตุให้เจ้าของรู้ตัวได้  มันไม่ได้สนใจในการมองเห็นสีเพราะสุนัขมีความสามารถในการดมกลิ่นและจดจำได้ดีอยู่แล้ว
การแยกแยะสีของตาสุนัขและคน

ไม่ว่าสุนัขจะมองเห็นสีเป็นแบบไหน ความสามารถในการมองสีจะน้อยมาก แต่สุนัขก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่รักและซื่อสัตว์กับเจ้าของมาก ๆ บ้านไหนเลี้ยงสุนัขอยู่อย่าลืมใส่ใจเขาให้มากนะครับ เผื่อจะได้มีสัตว์เลี้ยงที่แสนดีในครอบครัวอบอุ่นไปนาน ๆ

เครดิตภาพจาก : วิชาการดอมคอม http://www.vcharkarn.com

ควรเตรียมตัวสุนัขอย่างไร ก่อนการพาไปพบหมอ

สุนัขพบหมอ

ปัญหาหนึ่งที่มักจะพบได้เสมอในการพาน้องหมาไปตรวจกับสัตวแพทย์ที่โรงพยาบาลก็คือ สุนัขตื่นกลัวมาก กระวนกระวาย หรือไม่อยากออกจากบ้าน
วิธีที่จะช่วย เตรียมตัวรับมือกับน้องหมาในภาวะดังกล่าว มีดังนี้คือสุนัขพบหมอ

1. อาจหารางวัลที่สุนัขชื่นชอบให้เค้า ทั้งก่อนและหลังพาไปพบหมอ เช่น ให้ของเล่น ให้ขนม เพื่อให้เค้ารู้สึกว่าการไปพบหมอนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากลัว แถมยังน่าสนุกได้สิ่งที่ชอบอีกด้วย

2. ถ้าสุนัขตื่นกลัวการขึ้นรถมากๆ อาจใช้วิธีค่อยๆ ฝึกพาขึ้นไปบนรถที่จอดไว้เฉยๆ และหากิจกรรมให้ผ่อนคลายความกังวล จากนั้นจึงค่อยขับรถช้าๆ วนรอบบริเวณใกล้ๆ แล้วเพิ่มระยะทางขึ้นเรื่อยๆ จนสุนัขปรับตัวได้ครับ

3. อย่าให้อาหารมื้อหนักทั้งก่อนและหลังเดินทางใหม่ๆ เพราะอาจทำให้อาเจียนได้

4. เจ้าของควรศึกษาเส้นทาง เวลาทำการของคลินิก และช่วงเวลารถติด รวมถึงเตรียมของใช้ส่วนตัว และยารักษาโรคของน้องหมา ก่อนวันนัดพบหมอครับ

เพียงเท่านี้การพาน้องหมาไปหาหมอก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด

 

เครดิตข้อมูล
พบหมอหมา

เครดิตรูปภาพ
http://www.petmd.com

ใครเคยสงสัยบ้างว่า “ทำมัยสุนัขไม่ค่อยชอบเด็ก”

   เชื่อหรือไม่สุนัขมีความสามารถแยกแยะว่า ในครอบครัวที่มันอาศัยอยู่นั้น ใครที่เป็นผู้นำหรือใครมีความสำคัญเป็นลำดับที่เท่าไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการฝึกฝนสุนัข เพราะสุนัขจะเชื่อฟังและให้ความเคารพต่อสมาชิกของครอบครัวตามความสำคัญ

petsayhi

 

แต่สำหรับเด็กๆแล้ว สุนัขมันจะคิดว่าเด็กๆ มีฐานะต่ำกว่ามันจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญหรือเชื่อฟังเด็กๆ ในบ้านเท่าไรนั้นเอง


รู้แบบนี้แล้วพอจะไขข้อสงสัยได้ไหมครับ!!  แบบนี้เราควรระวังเด็กๆนะครับ อย่าให้เข้าใกล้สุนัขมาก 

 

เครดิตข้อมูล
คู่มือการฝึกสุนัขสำหรับมือใหม่
เครดิตรูปภาพ
thedogtrainingsecret.com

วัคซีนสุนัขทำอะไรบ้าง

การทำวัคซีนสำหรับสุนัข เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อจะช่วยให้สุนัขของเราในการป้องกันโรคต่างๆที่เกิดกับสุนัข การทำวัคซีนช่วยให้การผ่อนหนักเป็นเบาได้
เจ้าของน้องสุนัขทุกคนไม่ควรละเลยในการพาน้องไปทำวัคซีน วันนี้เราจะแนะนำวัคซีนสุนัขที่ควรจะให้น้องทำ ตามโปรแกรม

โปรแกรมวัคซีนสำหรับสุนัข

6 สัปดาห์

ตรวจสุขภาพ ถ่ายพยาธิ วัคซีนไข้หัด+ลำไส้อักเสบ

8 สัปดาห์

วัคซีนรวม 5 โรค เข็มที่ 1

12 สัปดาห์

วัคซีนรวม 5 โรค เข็มที่ 2

วัคซีนพิษสุนัขบ้าเข็มที่ 1

16 สัปดาห์

วัคซีนรวม 5 โรค เข็มที่ 3

วัคซีนพิษสุนัขบ้าเข็มที่ 2

กระตุ้นวัคซีน ทุกปี

วัคซีนรวม

วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

*โปรแกรมวัคซีนอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามการพิจารณาของสัตวแพทย์

ทำไมต้องฉีดวัคซีนสุนัข

การทำวัคซีนให้สุนัขจะเป็นการช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับตัวสุนัข ทำให้ช่วยลดโอกาสการติดโรค ลดความรุนแรงของโรค ได้

การสังเกตอาการหลังทำวัคซีนสนัข

1.ควรให้สุนัขได้พักและสังเกตอาการ หลังจากได้รับวัคซีน อย่างน้อย 30 นาที (ที่โรงพยาบาล) ถ้ามีอาการแพ้ เช่น ผื่นตามตัว หน้า-ตาบวม คัน  ช็อค ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทัน

2.ภาพหลังจากการทำวัคซีน สุนัขบางตัวอาจมีอาการมีไข้อ่อนๆ ซึมกินอาหารลดลง เจ็บปวดบริเวณที่ฉีด อาจจะบวม ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน จึงแนะนำให้เจ้าของงดอาบน้ำให้สุนัข 7 วัน หลังจากฉีดวัคซีน (แต่หากอาการยังอยู่หลังจาก 48 ชั่วโมง ควรปรึกษาสัตวแพทย์)

3.สุนัขแต่ละตัว อาจมีการตอบสนองต่อวัคซีน ในการสร้างภูมิคุ้มกันแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สุขภาพสุนัข สายพันธุ์ ของสุนัข ชนิดของวัคซีน* เป็นต้น ดังนั้น การทำวัคซีนควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนทุกครั้ง

 

เครดิตข้อมูล
Vanguard
โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน

เครดิตรูปภาพ
http://www.tomlinsons.com/