ทำไม่ น้องหมาน้องแมวที่มาตรวจผิวหนัง ควรงดอาบน้ำ 3-5 วันก่อนพามาตรวจ

น้องหมาน้องแมวใครมีปัญหาเรื่องผิวหนัง ถ้าจะไปพบคุณหมอ ควรงดอาบน้ำ 3-5 วันนะ

ใครเคยสงสัยกันหรือไม่ ทำไมน้องหมาหรือน้องแมวที่เป็นโรคผิวหนัง ถึงควรงดอาบน้ำ 3 -5 วันก่อนพามาตรวจ…..

โรคผิวหนังในสัตว์เลี้ยง แม้จะมีรอยโรคคล้ายกัน แต่สาเหตุของโรคนั้นแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ขี้เรื้อน เชื้อยีสต์ เชื้อรา หรือโรคจากความผิดปกติอื่นๆเช่นโรคภูมิแพ้ และ โรคฮอร์โมน ซึ่งวิธีการตรวจผิวหนังพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องตรวจทุกครั้ง คือ การเก็บตัวอย่างเซลล์บนผิวหนังและย้อมสี เพื่อส่องบนกล้องจุลทรรศน์ (Cytology)

การอาบน้ำน้องหมาหรือน้องแมวมาก่อน จะชะล้างเชื้อโรคบางส่วนออกไป ทำให้คุณหมอตรวจไม่พบตัวต้นเหตุ หรือ พบน้อยกว่าปกติ ทำให้วินิจฉัยโรคได้ยาก ดังนั้นเพื่อให้เราสามารถตรวจพบปัญหาที่แท้จริง จึงแนะนำให้งดอาบน้ำสัตว์เลี้ยงก่อนพามาตรวจผิวหนัง 3-5 วัน.

 

เครดิตข้อมูล;PRS.Center

โรคร้าย…ที่มากับฝน !!

ช่วงนี้ฝนตกหนัก อย่าลืมดูแลสุนัขและแมวของเราให้ดีกันนะ… ฝนตกแบบนี้อากาศมักชื้นแฉะ และเป็นปัจจัยที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงป่วยได้ง่ายกว่าปกติค่ะ วันนี้เรามารู้จักโรคหลักๆที่พบบ่อยในหน้าฝน รวมถึงภัยร้ายที่มักแอบแฝงมาโดยที่เราไม่ทันคาดคิด เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยที่ดีให้เจ้าสี่ขาของเรากัน

  1. โรคในระบบทางเดินหายใจ

โรคระบบทางเดินหายใจหรือที่เรารู้จักกันว่าเป็นหวัดนั่นเองอากาศชื้นๆแบบนี้ ยิ่งถ้าบางตัวชอบไปเล่นน้ำอีก จะเป็นหวัดได้ง่าย อาการเบื้องต้นที่สังเกตได้ง่ายจะเริ่มจาก ซึม ไม่กินอาหาร มีน้ำมูก หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย หากพบอาการดังกล่าวควรรีบปรึกษาและพาน้องๆไปพบคุณหมอทันที ยังไงก็ตามการป้องกันเบื้องต้นที่เราสามารถทำได้คือการลดการสัมผัสกับน้ำ เช่น ปิดประตูห้องน้ำเพื่อไม่ให้นอนแช่น้ำ เป็นต้น รวมถึงการหาเสื้อให้ใส่เพื่อเพิ่มความอบอุ่นในกรณีที่นอนในห้องแอร์ และหมั่นเช็ดตัวน้องๆให้แห้ง

  1. โรคผิวหนัง

โรคนี้มาพร้อมกับความอับชื้น เป็นปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมเหนี่ยวนำให้เกิดผิวหนังอักเสบและติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ง่าย นอกจากนี้ความชื้นยังเป็นปัจจัยหลักในการก่อให้เกิดการติดเชื้อราที่ผิวหนังได้ด้วย อาการที่พบบ่อย คือ พบตุ่มหนองใต้ท้อง ขนร่วง คัน เป็นผื่นแดง เป็นต้น ซึ่งมักพบในบริเวณที่เป็นจุดอับชื้น เช่น ง่ามเท้า ขาหนีบ รักแร้ หรือ ตามง่ามหน้าของสุนัขพันธุ์ที่มีรอยพับของผิวหนังมาก การมีอาการดังกล่าวบ่งชี้ถึงการมีความผิดปกติที่ผิวหนังเกิดขึ้น โดยเริ่มแรกเจ้าของอาจเริ่มจากการใช้แชมพูฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราอาบน้ำให้น้องๆก่อน ร่วมกับการหมั่นเช็ดทำความสะอาดตามบริเวณจุดอับชื้นตามตัว รวมถึงป้องกันการเกา เลีย แทะ บริเวณที่คัน อาจใช้การใส่ปลอกคอกันเลีย หรือสวมเสื้อให้ แต่หากไม่ดีขึ้นแนะนำให้เข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอ เนื่องจากโรคผิวหนังบางอย่างอาจไม่ได้มาจากการติดเชื้อเพียงอย่างเดียว การเกิดภาวะภูมิแพ้อาหาร หรือภาวะภูมิแพ้ต่อสิ่งแวดล้อม  ก็สามารถเกิดร่วมกันได้ ดังนั้นการคุมการติดเชื้ออย่างเดียวอาจไม่ได้ผล

  1. เห็บ-หมัด

เจ้าปรสิตพวกนี้โดยปกติก็มีบทบาทก่อกวนในชีวิตประจำวันมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะในประเทศไทยของเราที่มีลักษณะภูมิอากาศร้อนชื้น ยิ่งฝนตกอากาศเหมาะๆ เห็บยิ่งแพร่พันธุ์เพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว และควบคุมได้ยากอีกด้วย ยังไงก็ตามควรพาน้องๆ มาที่คลินิกเพื่อป้องกันและกำจัดเห็บหมัดเป็นประจำทุกเดือน นอกจากนี้การใส่ปลอกคอป้องกันเห็บก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง อีกทั้งเราควรควบคุมเห็บในสิ่งแวดล้อมที่สุนัขอยู่อาศัยควบคู่ไปด้วย โดยการใช้น้ำยาฆ่าเห็บผสมน้ำถูพื้น หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามผนังบ้านก็ได้

  1. สัตว์มีพิษ

เมื่อฝนตกหนักจึงอาจพบการท่วมขังของน้ำได้มากขึ้น การท่วมขังของน้ำนี้อาจส่งผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษต่างๆ เช่น คางคก งู ตะขาบ แมงป่อง เป็นต้น ทำให้ต้องออกมาจากแหล่งที่อยู่อาศัยของตัวเอง เพื่อมาหาที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งสัตว์เหล่านี้มักเป็นที่สนใจแก่น้องสุนัขและแมวของเรา เนื่องด้วยมีการเคลื่อนไหวที่แปลกตา น้องสุนัขและแมว ที่ชอบความกระดุกกระดิกของพวกมัน รวมถึงความอยากรู้อยากลองเปิดประสบการณ์ใหม่ไม่สิ้นสุดของเจ้าสี่ขาเหล่านี้ อาจนำมาซึ่งภัยอันตรายอย่างไม่ทันได้คาดคิดได้

วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นหากสุนัขและแมวโดนกัดคือ อาจพบการบวมแดงบริเวณตำแหน่งที่โดนกัด พบเลือดออกจากบาดแผล พบเหงือกซีด หรืออาจถึงขั้นหมดสติอย่างเฉียบพลันโดยที่เราไม่ทราบสาเหตุ  และอาจนำไปสู่อันตรายถึงชีวิตได้หากพบสัตวแพทย์ไม่ทัน

อย่างไรก็ตามโรคและภัยร้ายที่กล่าวมา สามารถป้องกันได้ด้วยการสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิดของเราอย่างสม่ำเสมอ และการเข้ารับการตรวจเช็คสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำ เพราะความผิดปกติบางอย่างเจ้าของอาจไม่ทันได้สังเกตเห็น

 

เครดิต สพ.ญ.นพวรรณ ศรีเจริญ
โรงพยาบาลสัตว์รัตนาธิเบศร์

สังเกตสัญญาณปัญหาโรคผิวหนัง

คุณแน่ใจหรือ…ว่าน้องหมาน้องแมวที่คุณเลี้ยงไม่มีปัญหาผิวหนัง?
หลายท่านมักคิดว่า การที่สุนัขหรือแมวจะมีปัญหาผิวหนังได้คือต้องมีอาการคัน หรือไม่ก็ขนร่วง จึงมีความเป็นไปได้สูงที่เมื่อเจ้าของเห็นว่าสุนัขหรือแมวไม่ได้มีอาการดังกล่าว จึงไม่ได้สังเกตหรือใช้มือสัมผัสตามตัว หรือแหวกขนของสัตว์เลี้ยงดูเลย ซึ่งนั่นอาจทำให้คุณพลาดอะไรบางอย่างไปก็ได้ เพราะความจริงแล้ว ความผิดปกติของผิวหนัง ไม่ได้มีแค่อาการดังกล่าวเท่านั้น แต่ยังมีอาการเหล่านี้ได้ด้วย

สะเก็ดรังแค
เป็นเศษผิวหนังตายแล้วที่หลุดลอก อาจบ่งบอกถึงปัญหาผิวหนังแห้ง หรือถ้าเป็นเศษผงสีดำ นั่นอาจเป็นอึของหมัดก็ได้นะ! เพราะเมื่อเจ้าหมัดดูดกินเลือดและเศษเซลล์ของสัตว์เลี้ยงแล้ว มันก็จะปล่อยอึที่เป็นเหมือนผงเลือดแห้งๆ ออกมา แสดงว่าการป้องกันเห็บหมัดที่ทำอยู่อาจจะไม่ได้ผลที่เท่าที่ควร

ผิวหนังแดง 
มักมาพร้อมกับอาการคัน เป็นหนึ่งในกระบวนการอักเสบ นั่นแปลว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างที่มากระตุ้นการอักเสบของผิวหนังบริเวณนั้น อาจเป็นการติดเชื้อยีสต์ แบคทีเรีย ไร หรือโรคภูมิแพ้ผิวหนังก็ได้

ขนร่วง
สิ่งหนึ่งที่เจ้าของต้องแยกแยะก่อนคือ อาการขนร่วงที่เกิดจากปัญหาผิวหนัง แตกต่างจากการผลัดขนโดยทั่วไป เพราะการผลัดขนจะผลัดทั่วทั้งตัว และใช้เวลาไม่นาน ส่วนอาการขนร่วงที่ผิดปกติ มักจะเห็นขนแหว่งไปเป็นหย่อมๆ อาจเป็นตำแหน่งที่เกามากๆ หรือตำแหน่งที่โครงสร้างขนและผิวหนังถูกทำลายจนเปราะบาง และอาการจะไม่หายไปจนกว่าจะกำจัดสาเหตุได้

เลียเท้าบ่อย
สังเกตง่ายๆ โดยเฉพาะในน้องหมาขนสีขาว เราจะเห็นเป็นคราบน้ำลายสีน้ำตาลเปื้อนอยู่ตามขนที่อุ้งเท้า หรือบริเวณอื่นๆ ที่สัตว์เลี้ยงคันแล้วใช้ลิ้นเลีย และหนึ่งในโรคยอดฮิตของอาหารคันตามอุ้งเท้าก็คือปัญหาการติดเชื้อยีสต์ โดยมักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวตามตัวสุนัข หรืออาจเป็นอาการเบื้องต้นของโรคภูมิแพ้อาหารก็เป็นได้

 

เครดิตข้อมูล โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ
เครดิตภาพ;http://www.dog-care-knowledge.com/dog-dandruff.html