หนึ่งในสิ่งที่กำลังมาแรงและเป็นกระแสที่ผู้เลี้ยงน้องหมาหลาย ๆ ท่านกำลังให้ความสนใจนั่นก็คือ การทำอาหารบาร์ฟ หรือการให้น้องหมากินอาหารแบบสด ๆ ดิบ ๆ ซึ่งการทำอาหารบาร์ฟหรือการให้อาหารสดนั้นเป็นการเลี้ยงน้องหมาโดยการเลียนแบบวิธีการกินอาหารตามธรรมชาติของน้อง ซึ่งหมาหรือสุนัขก็เป็นสัตว์กินเนื้อและตามธรรมชาติเนื้อที่สัตว์เหล่านี้กินก็เป็นเนื้อสด ๆ นี้จึงเป็นแนวคิดและที่มาของการทำบาร์ฟ
แต่อย่างไรก็ดีแม้การทำบาร์ฟจะเป็นการพาน้องหมากลับไปสู่ธรรมชาติดั้งเดิม แต่ในฐานะเจ้าของก็จำเป็นจะต้องใส่ใจรายละเอียดในการทำบาร์ฟ เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อสุขภาพของน้องหมาในอนาคต ในบทความนี้จึงอยากจะมาแบ่งปัน
(Photo:https://topdogtips.com/)
7 ข้อที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำบาร์ฟให้น้องหมา
เพื่อให้น้องหมามีภูมิต้านทานที่แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำบาร์ฟ
1. ควรรู้ส่วนผสมทุกอย่างในการทำบาร์ฟแต่ละมื้อ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการทำบาร์ฟคือการให้อาหารสดกับน้องหมา ซึ่งปกติแล้วก่อนจะทำบาร์ฟโดยทั่วไปเจ้าของก็มักจะให้อาหารสำเร็จรูปมาก่อนตั้งแต่เล็ก พอมีการเปลี่ยนรูปแบบของอาหารก็จำเป็นจะต้องติดตามผลลัพธ์อย่างใกล้ชิด ดังนั้นควรจะต้องจดหรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องจำให้ได้ว่าการทำบาร์ฟแต่ละมื้อน้องกินอะไรเข้าไปบ้าง เผื่อมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นเวลาพาน้องไปหาหมอจะได้คุยกับคุณหมอได้ว่าวันนี้หรือมื้อที่ผ่านมากินอะไรเข้าไป เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องจากนั้นจะได้เลี่ยงวัตถุดิบนั้น ๆ แล้วเปลี่ยนไปให้อย่างอื่นแทน
(Photo:https://aperrados.com/)
2. ดูแลปริมาณอาหารให้เหมาะสมในการทำบาร์ฟแต่ละมื้อ
สำหรับเจ้าของน้องหมาที่ได้ทดลองทำบาร์ฟมาซักระยะจะพบว่า เมื่อเวลาผ่านไปการทำบาร์ฟจะช่วยให้น้องหมามีร่างกายที่แข็งแรง มีกล้ามเนื้อที่ค่อนข้างแน่น แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญและจำเป็นจะต้องควบคุมนั่นก็คือปริมาณของอาหารเช่นเดียวกับการให้อาหารเม็ดหรืออาหารสำเร็จรูปทั่วไป เพราะแม้จะเป็นการทำบาร์ฟแต่ถ้าเกิดให้อาหารมากเกินไปก็มีโอกาสทำให้น้องหมาอ้วนได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องคำนวณปริมาณของอาหารในแต่ละมื้อของการทำบาร์ฟให้ดี ซึ่งน้องหมาในแต่ละช่วงวัยแต่ละขนาดตัวก็จะมีความเหมาะสมในการให้อาหารแตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่ควรให้มากหรือให้น้อยจนเกินไป
3. วางแผนในการทำบาร์ฟให้สมดุลในแต่ละเดือน
ลองจินตนาการภาพว่าถ้าวันนี้ท่านต้องกินกะเพราหมูกรอบไข่ดาวทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน ท่านจะเบื่อไหม เช่นกัน ในการทำบาร์ฟให้กับน้องหมาเราก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนสัดส่วนหรือเปลี่ยนสูตรอาหารหมุนเวียน เพื่อให้ทุก ๆ มื้อน้องหมาไม่เบื่อและที่สำคัญการเปลี่ยนส่วนผสมเพื่อให้สารอาหารครบถ้วนก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะการให้แต่อาหารสูตรเดิม ๆ ก็ไม่ต่างจากการให้น้องหมากินอาหารสำเร็จรูปแบบเดิม ๆ ดังนั้นควรมีการสับเปลี่ยนสูตรอาหารในแต่ละสัปดาห์ ยกตัวอย่างเช่น สัปดาห์แรกอาจจะเป็นสูตรของเนื้อไก่ สัปดาห์ต่อมาเป็นสูตรเนื้อปลา การหมุนเวียนสูตรอาหารจะช่วยให้น้องหมาไม่เบื่อและยังช่วยให้น้องหมาได้รับคุณค่าทางอาหารอย่างครบถ้วนอีกด้วย
4. อย่าลืมเสริมสร้างความแข็งแรงด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
ร่างกายของน้องสุนัขก็ไม่ต่างจากร่างกายมนุษย์นอกจากสารอาหารจำพวกโปรตีน สิ่งที่สำคัญก็คือวิตามินและแร่ธาตุ เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรค ดังนั้นท่านจึงจำเป็นจะต้องเสริมวิตามินและแร่ธาตุเข้าไปในอาหารบางมื้อ เช่น วิตามิน C,B,E แล้วเพิ่มสมุนไพรที่มีแคลเซียมเข้าไปด้วย ทั้งหมดนี้จะช่วยเป็นการรับประกันว่าน้องหมาจะมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงตามที่ท่านต้องการ
5. อย่าเพิ่งเร่งรัดให้เวลาน้องหมาได้ปรับตัว
ในช่วงต้นของการปรับเปลี่ยนสูตรอาหารจากอาหารธรรมดามาเป็นการทำบาร์ฟ อาจจะมีการต่อต้านหรือมีการกินอาหารน้อยลงของน้องหมาเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งหมาแต่ละตัวก็มีความแข็งแรงของระบบย่อยอาหารไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับอายุและสายพันธุ์ บางตัวกินได้เลยทันทีบางตัวต้องใช้เวลาในการปรับตัว ดังนั้นผู้เลี้ยงจะต้องอดทนในช่วงแรกสักระยะหนึ่ง ไม่ใช่ว่าทำบาร์ฟไปแล้วเห็นน้องหมาอาเจียนหรือท้องเสียแค่ครั้งหรือสองครั้งก็เลิกทำในทันทีแล้วโทษว่าการทำบาร์ฟเป็นสิ่งไม่ดี จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นจะต้องตื่นตูมขนาดนั้นเพียงแค่พาไปพบแพทย์เพื่อให้มั่นใจว่านี่เป็นแค่ผลข้างเคียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากนั้นน้องหมาจะค่อย ๆ ปรับตัวให้เข้ากับการทำบาร์ฟขึ้นเอง
6. สุนัขแต่ละตัวมีความต้องการอาหารแต่ละชนิดแตกต่างกัน
ในการทำบาร์ฟที่ดีเจ้าของควรจะต้องรู้ว่าสุขภาพของหมาของตัวเองเป็นอย่างไร แล้วหาอาหารหรือสูตรอาหารที่เหมาะสมหรืออุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยในเรื่องปัญหานั้น ๆ ของหมาของตัวเอง ทั้งนี้อาจจะปรึกษากับสัตวแพทย์ที่พาน้องหมาไปหาอยู่เป็นประจำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับน้องหมาในการทำบาร์ฟ
7. ความสะอาดในทุกขั้นตอนเป็นสิ่งสำคัญ
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าการทำบาร์ฟเป็นการให้อาหารสดกับน้องหมา ดังนั้นจึงต้องระวังเรื่องเชื้อโรคและพยาธิที่อาจปะปนมากับอาหารจึงควรใส่ใจ 3 ขั้นตอนนี้ให้ดี ได้แก่ แหล่งที่มาของวัตถุดิบ ขั้นตอนการจัดเก็บ และเวลาของการเข้าครัวลงมือทำ เพื่อให้แน่ใจในเรื่องของความสะอาดและความปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลายครั้งที่เจ้าของหมาไม่รู้ในสิ่งเหล่านี้แล้วโทษว่าการทำบาร์ฟทำให้สุนัขของตนเองป่วย แต่แท้จริงแล้วตัวเจ้าของเองนั่นแหละที่ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดในการทำบาร์ฟให้กับน้องหมาของตัวเอง
ทั้ง 7 ข้อนี้คือสิ่งที่ต้องรู้และต้องคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลาในการทำบาร์ฟให้กับน้องหมา การเลี้ยงหมาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การให้อาหารด้วยการทำบาร์ฟก็ยิ่งละเอียดอ่อนเข้าไปอีก แต่มันก็แลกมาด้วยสุขภาพของน้องหมาที่ดีขึ้น มีปัญหาสุขภาพน้อยลง แล้วทำให้น้องหมาได้อยู่กับเรานานขึ้นกว่าเดิม
สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงหมาด้วยการทำบาร์ฟหรือการให้อาหารตามปกติ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใส่ใจรายละเอียดของอาหารแต่ละอย่างที่ให้น้องหมากินเข้าไป เมื่อเราใส่ใจรายละเอียดทั้งหมดก็จะทำให้น้องหมาใช้ชีวิตกับเราได้อย่างมีความสุข แล้วตัวเราเองเราจะมีความสุขกับการได้ดูสัตว์เลี้ยงที่เรารัก เติบโตและร่าเริงแข็งแรง อยู่เป็นเพื่อนที่แสนดีกับเราได้อีกนานครับ