ราคาทำหมันสุนัข ราคาทำหมันแมว

วันนี้เราจะพาไปตรวจเช็ค ราคาทำหมันสุนัข  ราคาทำหมันแมว กัน บ้านไหนมีแผนที่จะทำหมันสุนัขหรือแมว สามารถนำไปเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจได้เลย
**สนใจพาน้องไปโรงพยาบาลไหนอย่าลืมตรวจเช็คกับ โรงพยาบาลอีกทีนะ เพราะราคาอาจจะเปลี่ยนแปลงได้

การทำหมันสุนัขหรือแมว เราไม่ควรมองเรื่องราคาในการทำหมันอย่างเดียว เราควรคำนึงถึงความปลอดภัยและอุปกรณ์ในการทำหมันห้องในการทำหมันของน้องสุนัขและแมวด้วย เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อความปลอดภัยในการทำหมันของน้องทั้งสิ้น โดยเฉพาะการทำหมันของเพศเมีย จะมีการทำหมันที่มีความซับซ้อนมากกว่าเพศผู้


อายุของน้องสุนัขและแมวที่เริ่มเป็นสัดครั้งแรกขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ พันธุกรรม น้ำหนักตัวความสมบูรณ์พันธุ์ การใกล้ชิดกับตัวผู้ และปัจจัยอื่นๆ โดยทั่วไป การเป็นสัดครั้งแรกอยู่ในช่วง 6- 12 เดือนดังนั้นอายุที่เหมาะสมแก่การทำหมันคือ 8- 10 เดือน สำหรับสุนัข และ 6-8 เดือน สำหรับแมว เพื่อให้ระบบสืบพันธุ์มีการพัฒนาเต็มที่แล้ว

สำหรับกรณีที่ต้องการเริ่มทำหมันก่อนวัยเจริญพันธุ์ สามารถทำได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปหรือทำวัคซีนครบแล้ว แต่ถ้าทำหมันในสัตว์ที่อายุน้อยกว่านี้จะมีความเสี่ยงในการวางยาสลบ เนื่องจากการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายยังไม่สมบูรณ์

ราคาทำหมันสุนัข และทำหมันแมว โรงพยาบาลเอกชน

***ควรตรวจสอบราคาทำหมันอีกครั้ง กับ โรงพยาบาลสัตว์ ที่สนใจเนื่องจาก ราคาอาจจะมีการปรับเปลี่ยน    

1.โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ   Thonglor Hospital

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ   (เปิด 24 ชั่วโมง) 
 Phone. 66 (0) 2079-9999
WEBSITE https://www.thonglorpet.com/home
Facebook https://www.facebook.com/ThonglorPet/




2. โรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์ 4 (เปิด 24 ชั่วโมง)

ติดต่อ เลขที่ 5- 5/1 ถนนเทศบาลรังสฤษฎ์เหนือ ประชานิเวศน์1 จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 0-2953-8085-6 0-2954-3597 ( แฟกซ์ ) vet4hospital@gmail.com 0-2589-3204 WEBSITE https://vet4hospital.com/ Facebook https://www.facebook.com/vet4hospital/  

 

 

3. โรงพยาบาลสัตว์ ไอเว็ท – iVET Animal Hospital (เปิด 24 ชั่วโมง)

โรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท สาขา พระราม9 โรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท สาขา West Centre ศาลายา ติดต่อ โรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท 24 ชม รักษาสัตว์ 24 ชม Hotline : 085-244-7899 Line : @ivethospital iVET พระรามเก้า Tel : 02-641-5525 iVET West Centre ( ศาลายา ) Tel : 02-889-5215 WEBSITE https://www.ivethospital.com/ Facebook https://www.facebook.com/iVETHospital   4. โรงพบาบาลสัตว์ตลิ่งชัน (เปิด 24 ชั่วโมง)

 

4. โรงพยาบาลสัตว์ ตลิ่งชัน 

ติดต่อ โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน 1 ซ.บรมราชชนนี 61 ถ.บรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. 10170 โทรศัพท์ 02-887-8321-3 โทรสาร 02-448-6369 เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง WEBSITE http://www.talingchanpet.net/ Facebook https://www.facebook.com/tcahFanpage

 

 

   

5.โรงพยาบาลสัตว์รัตนาธิเบศร์ – Rattanathibet Referral Animal Hospital (เปิด 24 ชั่วโมง)

 
โรงพยาบาลสัตว์รัตนาธิเบศร์ สำนักงานใหญ่ (เปิด 24 ชั่วโมง) โรงพยาบาลสัตว์รัตนาธิเบศร์ สาขาบางบัวทอง (เปิด 24 ชั่วโมง) โรงพยาบาลสัตว์รัตนาธิเบศร์ สาขาปทุมธานี (เปิด 24 ชั่วโมง) รงพยาบาลสัตว์รัตนาธิเบศร์ สาขาแคราย(Express) (เปิด 24 ชั่วโมง) โรงพยาบาลสัตว์รัตนาธิเบศร์ สาขาเกษตร-นวมินทร์(Extra) (เปิด 24 ชั่วโมง) โรงพยาบาลสัตว์รัตนาธิเบศร์ สาขา Pet Clinic (เปิด 24 ชั่วโมง)
ติดต่อเรา  55/43-45 หมู่ 1 ถนนราชพฤกษ์ ต.อ้อมเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120  (สำนักงานใหญ่) โทร 02-1968245
 
  

6.โรงพยาบาลสัตว์เมืองเอก สาขาเมืองเอก

โรงพยาบาลสัตว์เมืองเอก สาขาเมืองเอก รังสิต ศูนย์โรคกระดูกและข้อต่อ-ศูนย์สัตวแพทย์เฉพาะทาง
โรงพยาบาลสัตว์เมืองเอก สาขาคลองสาม ธัญบุรี ศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง
ติดต่อเรา 300/154-157 ซอยพหลโยธิน 87 ปากทางเข้าหมู่บ้านเมืองเอก (มหาวิทยาลัยรังสิต) ลำลูกกา ปทุมธานี 12130 โทร +6625363995
 
 
 

 

ไทยหลังอาน สุนัขพันธุ์ไทยแท้น่าเลี้ยง

ไทยหลังอาน สุนัขพันธุ์ไทยแท้น่าเลี้ยง

ถ้าพูดชื่อว่าหมาไทยขึ้นมาเชื่อว่าหลายคนน่าจะมีภาพจำเป็นหมาบ้าน หมาวัด หรือหมาจรจัดทั่วไป หรือถ้าเกิดพูดถึงหมาพันธุ์ไทยแท้ที่เป็นพันธุ์แท้ ๆ ไม่ใช่พันทางก็คงจะนึกถึงบางแก้วไม่ก็อีก 1 สายพันธุ์ที่เราจะมาพูดกันในวันนี้นั่นก็คือ หมาไทยหลังอาน ที่ตอนนี้โกอินเตอร์ไปถึงต่างประเทศเลย

พูดถึงหมาพันธุ์ไทยหลังอานก็น่าจะเป็นหนึ่งในหมาพันธุ์แท้เพียงไม่กี่สายพันธุ์ในประเทศไทยที่หลายคนคงรู้จักกันดี อีกทั้งยังเป็นหมาสายพันธุ์ประจำชาติของบ้านเราอีกด้วย แต่ถึงแม้หลายคนจะคุ้นหน้าคุ้นตาและคุ้นชื่อไทยหลังอานเป็นอย่างดี แต่ไทยหลังอานกลับไม่ค่อยได้รับความนิยมในประเทศไทยมากนัก แต่กลับกันครับ ในต่างประเทศหมาไทยหลังอานจัดว่าเป็นหนึ่งในสุนัขที่ค่อนข้างดัง แล้วถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสุนัขพันธุ์หายากที่สุดในโลก

วันนี้ผมเลยอยากพามาทำความรู้จักไทยหลังอานที่เราอาจเรียกได้ว่า เป็นหมาระดับโลกที่พบเจอได้แบบบ้าน ๆ แถวข้างวัดเลยก็ว่าได้หมาไทยหลังอานได้รับการขึ้นทะเบียน เพื่อรับรองมาตรฐานสายพันธุ์สุนัข กับสมาคมสุนัขโลก(FCI) จัดว่าไทยหลังอานเป็นหมาไทยพันธุ์แรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสุนัขพันธุ์แท้ของโลก

เครดิตภาพ https://www.vetbasket.com/

เอกลักษณ์ของไทยหลังอานที่โด่งดังระดับโลก

สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานแท้ ๆ ที่เรียกได้ว่ามีลักษณะดี เป็นที่ต้องตาต้องใจของคนทั่วโลกมีด้วยกัน 9 ลักษณะนั่นคือ
– หูตั้ง
– หลังอาน
– หางดาบ
– ปลายหางดำ
– ปากทู่
– ปากมอม
– ลิ้นดำหรือลิ้นด่าง
– ตั้งสั้น
– เล็บดำ
โดยเฉพาะอานที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์และเป็นเสน่ห์ที่เด่นที่สุดของสุนัขพันธุ์นี้ ลักษณะอานของหลังของเจ้าหมาพันธุ์นี้ ในตำราโบราณก็มีพูดเอาไว้หลายลักษณะไม่ว่าจะเป็น อานใบโพธิ์ อ่านโบวลิ่ง อานไวโอลิน อานพิณ อานม้า อานเข็ม อานลูกศร และอานเทพพนม โดยจากจำนวนอานทั้งหมดอานใบโพธิ์ถือเป็นชนิดที่หายากที่สุด

เครดิตภาพ https://contactnumbersuk.com/

ลักษณะโดยทั่วไป

ลักษณะโดยทั่วไปของน้องหมาพันธุ์หลังอานจะเป็นสุนัขที่มีรูปร่างกำยำ จัดเป็นสุนัขขนาดกลาง มีขนสั้น มองเห็นกล้ามเนื้อชัดเจน อกใหญ่ กระโหลกใหญ่ โครงสร้างลำตัวค่อนข้างใหญ่ มีสีดำ สีน้ำตาล สีทองแดง สีสวาด สีกลีบบัว และสีที่พบได้ยากมากที่สุดคือ ลายเสือ

ลักษณะนิสัย

ตามแบบฉบับของหมาพันธุ์ไทยหลังอานจัดเป็นสุนัขที่มีลักษณะดุดัน หวงถิ่น ยิ่งถ้าเป็นสุนัขบ้านจะยิ่งมีความดุมากกว่าสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานสายพันธุ์ประกวด ที่จะมีลักษณะนิสัยที่เป็นมิตรกว่า แต่ด้วยนิสัยของสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน เวลาอยู่กับเจ้าของหรือคนที่คุ้นเคยจะเป็นสุนัขที่ขี้เล่น เป็นมิตร และพลังงานสูง แม้จะมีนิสัยที่เป็นมิตรขี้เล่นอย่างไรก็ตาม แต่ด้วยสายพันธุ์และสัญชาตญาณไทยหลังอานก็พร้อมที่จะเป็นนักล่าได้ตลอดเวลา จึงจัดว่าเป็นน้องหมาอีก 1 สายพันธุ์ที่เป็นน้องหมาอารักขาได้เป็นอย่างดี ชื่อเสียงด้านความดุดันและความเป็นหมารักเจ้าของนี้เอง ทำให้สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานโด่งดังในเรื่องการเฝ้าบ้านไปจนถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศรัสเซียที่ปัจจุบันมีการเลี้ยงและรู้จักหมาพันธุ์ไทยหลังอานอย่างแพร่หลาย ยังมีการนำไปเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์ถึงต่างประเทศเลย และอีกหลายประเทศในแถบยุโรปก็ซื้อขายหมาไทยหลังอานกันหลักแสนบาทเลยทีเดียว

ใครที่ต้องการหมาสักตัวนึงเลี้ยงเอาไว้เฝ้าบ้าน โจรเห็นโจรกลัวแน่นอนไทยหลังอานคือหนึ่งในคำตอบ

 

 

 

10 เรื่องต้องรู้ก่อนตัดสินใจเลี้ยงไซบีเรียนฮัสกี้

ถ้าจะพูดถึงน้องหมาไซส์กลางสัก 1 สายพันธุ์ที่เป็นที่นิยมและฮอตฮิตที่สุดในยุคสมัยนี้ ก็คงบอกเลยครับว่าตำแหน่งนี้ต้องยกให้ไซบีเรียนฮัสกี้จริง ๆ นั่นเพราะไซบีเรียนฮัสกี้จัดเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์น้องหมาที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก โครงสร้างร่างกายที่เหมาะสม สมส่วน ดวงตาที่คมเข้ม ท่วงท่าที่สง่างาม และขนนุ่มฟูที่เหมือนมาจากสุนัขเมืองหนาว ถ่ายรูปออกมาก็เท่ระเบิดสวยสุด ๆ แต่ความน่าเกรงขาม สุขุมนุ่มลึก และทั้งหมดที่กล่าวมา ก็ถูกทำร้ายไปด้วยนิสัยที่ขี้เล่น ติงต๊อง หมาพันธุ์นี้ เลยจัดว่าเป็นน้องหมาสายฮาอีกหนึ่งสายพันธุ์เลยก็ว่าได้ครับ

แต่ใครก็ตามที่กำลังหลงใหลในภาพลักษณ์ภายนอกและความขี้เล่นของเจ้าหมาพันธุ์นี้ ก็ต้องระวังอีกหลายเรื่องที่ซุกไว้ใต้พรมและกำลังจะปลดปล่อยออกมาหลังจากที่คุณได้เลี้ยงมันไปแล้ว ดังนั้นวันนี้ผมจึงเอาเรื่องที่ควรระวังหรือต้องรู้ก่อนที่จะเลี้ยงน้องหมาพันธุ์นี้มาฝากกันทั้งหมด 10 เรื่อง จะมีอะไรกันบ้างมาดูกันเลยครับ

 

10 เรื่องต้องรู้ก่อนตัดสินใจเลี้ยงไซบีเรียนฮัสกี้

1. ไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการเลี้ยง

ใครที่เลี้ยงไซบีเรียนฮัสกี้น่าจะเจอปัญหาเดียวกันนั่นคือการทำหน้าตากวนโอ๊ยแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว พูดอะไรไปก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ทำเป็นหูทวนลมแล้วมองหน้ากลับมาแบบไม่ตอบสนองอะไรเลย ถามว่าที่เป็นอย่างนั้นเพราะอะไร คำตอบก็คือ เจ้าหมาพันธุ์นี้ไม่เคยฟังเราอยู่แล้วครับ เวลาทำอะไรผิดก็ไม่เคยคิดจะสำนึกในความผิดพลาดของตัวเองเลยด้วยซ้ำ จัดว่าเป็นน้องหมาที่เอาแต่ใจและดื้อสุด ๆ เลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าความดื้อความงี่เง่าติดอยู่ในสายเลือดมาตั้งแต่โบราณเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าน้องหมาพันธุ์นี้จะฝึกไม่ได้นะครับเพียงแต่จะต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการฝึกฝนโดยเฉพาะช่วงแรกต้องทนกับความงอแงและงี่เง่าของมันสักหน่อย

2. เป็นน้องหมาไฮเปอร์ ซุกซนและไม่เกรงใจใคร

เราจะเห็นคลิปวีดีโอตามีเสน่ห์มากมาย ที่เจ้าของชอบพูดว่าน้องทรายหลุดออกไปจากบ้านแล้ววิ่งไปไหนก็ไม่รู้ ในมุมมองของคนดู ดูไปก็น่ารักและตลกดีนะครับ แต่พอได้เลี้ยงจริง ๆ จะรู้เลยว่าการที่น้องหมาหลุดออกไปนั้นเป็นเรื่องเครียดมากเพราะเราไม่รู้เลยว่าน้องหมาจะไปเจอกันได้อะไรบ้าง เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่อยากจะเลี้ยงไซบีเรียนฮัสกี้ต้องมั่นใจว่าตัวเองมีเวลาฝึกและสามารถเอาน้องหมาพันธุ์นี้อยู่ ที่สำคัญคือต้องดูแลเอาใจใส่และเข้าใจน้องให้มาก ๆ หมั่นพาน้องออกไปเดินเล่นออกกำลังกายเพื่อลดความเครียด แต่สุดท้ายไม่ว่าจะรับมือดีแค่ไหนก็อย่าลืมครับเพราะความซนมันคือสัญชาตญาณของหมาพันธุ์นี้ ฉะนั้นควรจะเป็นคนที่มีวินัยและรับได้กับน้องหมาแบบนี้นะครับถึงจะตัดสินใจเลี้ยง

3. ติดเจ้าของมาก

ไม่ว่าไซบีเรียนฮัสกี้จะเป็นหมาที่อินดี้ขนาดไหนแต่สุดท้ายสัญชาตญาณของการรวมฝูงก็ยังฝังแน่นอยู่ในสายเลือดครับ ถึงแม้เราอยู่กับน้องน้องก็คิดว่าเราเป็นฝูงเดี่ยวกัน ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรน้องเขาจะติดเรามากครับ ถ้าเมื่อไหร่ที่เจ้าของไม่อยู่หมาสายพันธุ์นี้ก็จะคิดถึง และแสดงอาการไม่พอใจออกมาไม่ว่าจะเป็นการเห่าหอนหรือการทำลายข้าวของ เรียกว่าขาดเธอไม่ได้หัวใจฉันขอสารภาพ

4. เป็นหมาที่ไม่ค่อยเห่าแต่ชอบหอนมากกว่า

ไซบีเรียนฮัสกี้ จัดเป็นหนึ่งในสายพันธุ์น้องหมาที่รับสายเลือดมาจากหมาป่าเต็ม ๆ ซึ่งในป่าหมาป่าก็จะไม่ค่อยเห่ากันหรอกครับจะใช้การสื่อสารด้วยการหอนมากกว่า ซึ่งไซบีเรียนฮัสกี้ก้ติดนิสัยนี้มาด้วย เรียกว่าชอบหอนเป็นสายเลือดเลยก็ว่าได้ สุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ก็มักจะหอนเพื่อสื่อสารหรือเรียกร้องความสนใจ แล้วเวลาปกติก็ไม่ค่อยหอนหรอกครับ จะหอนตอนดึก ๆ ช่วงที่เรานอนหลับแล้วนะครับ ดังนั้นใครที่จะเลี้ยงหมาพันธุ์นี้จะต้องไม่ลืมมีห้องที่สามารถป้องกันเสียงได้นะครับ

5. ดื้อทำลายข้าวของ

อย่างที่บอกไปครับว่าน้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้เป็นน้องหมาที่มีพลังงานสูงมาก อีกทั้งยังเป็นน้องหมาอินดี้เอาแต่ใจ เวลามีอะไรที่ไม่พอใจก็แสดงออกมาด้วยการทำลายข้าวของ กัดแทะข่วน ซึ่งสิ่งที่จะได้รับกรรมตรงนี้ไปส่วนใหญ่ก็จะเป็นโซฟาสุดที่รักของเจ้าของนั่นเองล่ะครับ เพราะฉะนั้นคนที่จะเลี้ยงไซบีเรียนฮัสกี้ได้จะต้องเป็นคนที่ค่อนข้างมีระเบียบวินัย จัดเก็บสิ่งของเป็นที่เป็นทางและมีความอดทนต่อการที่ถูกทำลายข้าวของโดยน้องหมาสุดที่รัก บอกได้เลยว่าบ้านไหน น้องไม่กัดของบ้านนั้นถือว่าทำบุญมาดีครับ ซึ่งตรงนี้ก็เพราะความขี้เล่นของน้องนั่งเอง

6. ชอบวิ่งไล่สัตว์ตัวเล็กๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งนก

ใครที่เคยพาน้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ น่าจะเคยเจอปัญหาเดียวกันนั่นคือ เจ้าหมาพันธุ์นี้ชอบวิ่งตามตรงนู้นตัวนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น หมาตัวอื่นที่ตัวเล็ก ๆ วิ่งได้ตามเด็ก ถึงแม้กระทั่งวิ่งไล่ตามนก ทั้งนี้เป็นเพราะหมาพันธุ์นี้สืบสายเลือดมาจากหมานักล่าอย่างแท้จริง จึงมีนิสัยชอบวิ่งไล่ แต่ยังไงก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับว่าถ้าเกิดวิ่งไล่คนหรือวิ่งไล่เด็กแล้วน้องจะไปกัด ถ้าปกติเราเลี้ยงน้องดีไม่ทำให้น้องเครียดน้องอย่างมากก็แค่วิ่งเข้าไปเล่นครับไม่เข้าไปกัดแน่นอน

7. ขนร่วงเป็นกระสอบ

อย่างที่ทราบกันดีว่าน้องหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้เป็นน้องหมาทางเมืองหนาว จัดว่าเป็นน้องหมาที่มีขน 2 ชั้น และมีการผลัดขนทุกปี ปีละ 1 ครั้ง ตัวเมียจะมีการผลัดขนปีละ 2 ครั้ง และยิ่งเป็นเมืองร้อนอย่างประเทศไทยยิ่งผลัดขนเยอะเป็นพิเศษครับ ซึ่งแต่ละครั้งนอกจากขนน้องหมาจะร่วงแล้วตัวเจ้าของเองก็น้ำตาร่วงเหมือนกันครับ เพราะขนคนมันเยอะมากเรียกได้ว่าเอากระสอบมาใส่ก็อาจจะล้นด้วยซ้ำ

8. กินยาก

ไซบีเรียนฮัสกี้จัดเป็นอีกหนึ่งน้องหมาสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการกินยาก แต่การกินยากของน้องหมาสายพันธุ์นี้ไม่ได้เกิดจากนิสัยส่วนตัวของน้องหมานะครับ น้องหมาสายพันธุ์นี้เคยเป็นสุนัขลากเลื่อนมาก่อน ซึ่งในเมืองหนาวก็มีอาหารให้กินได้น้อย กินหนึ่งครั้งก็ต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูง แล้วใช้พลังงานเป็นเวลานาน จึงทำให้ร่างกายของน้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้ปรับตัวตามสภาพแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นน้องหมาที่เผาพลาญพลังงานได้ช้ากว่าหมาเมืองร้อนอย่างหมาพันธุ์เอเชีย นั่นทำให้น้องหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ไม่จำเป็นต้องกินอาหารเยอะ ๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะหลายครั้งเจ้าของมักจะให้อาหารเกินกว่าที่น้องต้องการ แล้วทำให้เจ้าของรู้สึกว่าหมาของตัวเองเลือกกินเหลือเกิน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ครับ ธรรมชาติของน้องหมาทำให้ตัวเขาเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วตัวเจ้าของเองก็ควรจะเข้าใจในธรรมชาติตรงนี้ของน้องหมาด้วยนะครับ

9. ควรซื้อน้องหมาที่มีสุขภาพแข็งแรงมาจากฟาร์มและมีใบเพ็ดดีกรีเท่านั้น

เนื่องจากน้องหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้เป็นน้องหมาที่โด่งดังและมีผู้คนต้องการเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีโอกาสเจอที่ขายน้องหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ทั้งนั้น แม้แต่ตลาดนัดยังสวนจตุจักรก็ยังมีขาย หลายครั้งที่เจ้าของที่ซื้อมาก็มักจะเจอกับเรื่องราวที่น่าสลดใจ ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาที่สุขภาพไม่แข็งแรง สะโพกเคลื่อน มีปัญหาข้อต่อ หรือโรคไวรัสต่างๆ หลายครั้งก็เจอปัญหาน้องหมาเสียชีวิตหลังจากซื้อมาได้แค่ไม่นาน เพราะอย่างนี้ก็เพราะไซบีเรียนฮัสกี้เป็นหมาที่ค่อนข้างบอบบางต่อสภาพแวดล้อมครับ เนื่องจากธรรมชาติของน้องหมาเป็นหมาเมืองหนาวแต่ประเทศไทยจัดว่าเป็นเมืองร้อนดังนั้นความแข็งแรงและสุขภาพของน้องหมาจึงสำคัญมาเป็นที่หนึ่ง

10.ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง

เนื่องจากน้องไซบีเรียนฮัสกี้ เป็นสุนัขที่มีขน 2 ชั้นค่อนข้างหนา เมื่อมาอยู่เมืองไทย สภาพอากาศร้อน หรือ การอาบน้ำเป่าขนไม่แห้ง ปัญหาโรคผิวหนังจึงเป็นปัญหาที่ควรระวังสำหรับน้องอย่างยิ่ง

การตัดสินใจซื้อมาซักครั้งนึงจึงจำเป็นจะต้องซื้อจากฟาร์มที่มีใบรับรองและใบเพ็ดดีกรีชัดเจน มีการตรวจสุขภาพ ถ่ายพยาธิ และฉีดวัคซีนพื้นฐานครบถ้วนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพกับลูกหมาครับ

ทั้งหมดนี้คือ 10 เรื่องที่ต้องรู้ ต้องระวาง แล้วต้องเตรียมตัวก่อนตัดสินใจเลี้ยงหมาไซบีเรียนฮัสกี้ครับ ไซบีเรียนฮัสกี้อาจจะดูเป็นหมาอินดี้ แต่อย่างที่บอกไปครับลึก ๆ แล้วเขาเป็นหมาที่รักเจ้าของมาก ติดเจ้าของมาก เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่รักน้องหมาพลังงานสูงอยากเลี้ยงหมาไว้แก้เหงาและมีเพื่อนเล่นตลอดเวลา ชอบเวลาน้องหมาเดินตามและติดเรามาก ๆ อีกทั้งยังมีคนใจเย็น รับได้กับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการเสียหายของข้าวของไปบ้าง และพร้อมที่จะให้เวลาในการฝึกฝนกับน้องหมา ไซบีเรียนฮัสกี้ก็จัดว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกของหมาที่ดีมาก ๆ เลยครับ

7 อันดับ สุนัขที่มีความซื่อสัตย์มากที่สุดในโลก

ถ้าจะพูดถึงความซื่อสัตย์ของสัตว์เลี้ยง เชื่อว่าน้องหมาหรือสุนัขคงเป็นเพียงสัตว์ไม่กี่สายพันธุ์บนโลกใบนี้ที่สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า พวกเขามีความซื่อสัตย์ต่อมนุษย์อยู่ในสายเลือดอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามแม้น้องหมาจะมีความซื่อสัตย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วแต่นักพัฒนาสายพันธุ์ก็ยังอยากจะพัฒนาน้องหมา ให้มีความซื่อสัตย์มากขึ้นไปเพื่อใช้ในการดูแลเจ้าของ ดูแลบ้าน ดูแลทรัพย์สิน และในบางครั้งก็เพื่อปกป้องคนในครอบครัวของเจ้าของ เลยพัฒนาสายพันธุ์น้องหมาให้มีความเชี่ยวชาญในการดูแล ปกป้อง และเฝ้าระวังให้กับมนุษย์มากยิ่งขึ้น พร้อมกับอยู่เคียงข้างเจ้าของอย่างซื่อสัตย์ไปจนวันสุดท้ายของพวกมันวันนี้ผมอยากพาคุณมาพบกับ 7 สายพันธุ์สุนัขที่ซื่อสัตย์ที่สุดในโลก

7 สายพันธุ์สุนัขที่ซื่อสัตย์ที่สุดในโลก

1. ดัชชุน

เจ้าหมาไส้กรอก ตัวเตี้ย ตาหวานสายพันธุ์นี้ ไม่ได้มีดีแค่ความน่ารัก ขี้เล่น เท่านั้น ดัชชุนก็จัดเป็นหนึ่งในสายพันธุ์น้องหมาที่มีความเฉลียวฉลาดมาก เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าของได้ดีเยี่ยม สามารถฝึกได้ทุกคำสั่ง มีระเบียบวินัยและไม่สร้างปัญหาให้ครอบครัว

ลักษณะภายนอกมีความแข็งแรงปราดเปรียว จึงไม่ควรเลี้ยงให้น้องหมาพันธุ์นี้อ้วนจนเกินไปเพราะอาจมีปัญหาสุขภาพได้ น้องหมาพันธุ์นี้สามารถพาไปเดินเล่นได้ เพราะมีนิสัยรักเจ้าของ เฝ้าระวังได้ดี  หรืออาจเลี้ยงเอาไว้เป็นพี่เลี้ยงเด็กก็สามารถทำได้ เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติครบในแบบของหมาในฝันเลยก็ว่าได้ แต่อย่าลืมนะครับห้ามเลี้ยงให้น้องอ้วนจนเกินไป นั่นเพราะสรีระร่างกายของน้องหมาพันธุ์นี้ไม่ควรได้รับน้ำหนักที่เยอะจนเกินไปเพราะจะทำให้มีปัญหาสุขภาพและข้อต่อในอนาคต

2. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์

ไม่ว่าจะเป็นลาบราดอร์หรือโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ต่างก็เป็นสุนัขเลี้ยงด้วยกันทั้งคู่ เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ติดเจ้าของงอมแงม สดใสร่าเริง พลังงานสูง เลี้ยงง่าย โดยเฉพาะพันธุ์ลาบราดอขึ้นชื่อเรื่องความซื่อสัตย์เป็นพิเศษ และด้วยความที่ให้ความจงรักภักดีและซื่อสัตย์เป็นอย่างมากกับเจ้าของ ในหลายๆครั้งการถูกเจ้าของเพิกเฉยหรือเมินเฉยต่อการกระทำของมัน จะทำให้น้องหมาพันธุ์นี้เจ็บปวดเป็นอย่างมาก
ความสุขสูงที่สุดของน้องหมาพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ คือการที่ได้อยู่เคียงข้าง คอยรับใช้ และเป็นเพื่อนรู้ใจให้กับเจ้าของ เรียกได้ว่าถ้ารับน้องหมาพันธุ์นี้มาเลี้ยงแล้ว โลกทั้งใบของน้องหมาจะหมุนรอบตัวเราแค่คนเดียวเท่านั้น การกระทำของเราแม้เพียงเล็กน้อยจะส่งผลต่อน้องหมาพันธุ์นี้อย่างมาก ถ้าเป็นการกระทำในเชิงลบอาจส่งผลให้น้องหมามีความเครียด เป็นโรคซึมเศร้า หรืออาจกลายเป็นสุนัขดุร้าย แต่หากการกระทำของเราเป็นการกระทำเชิงบวก จะทำให้น้องหมามีสุขภาพจิตที่ดี มีความสุข สดใสร่าเริง และพร้อมมอบชีวิตทั้งชีวิตของพวกมันให้กับเราเลยครับ

3. บีเกิ้ล

แม้จะเห็นว่าบีเกิ้ลเป็นน้องหมาที่ดื้อ ซน พลังงานสูง และควบคุมยากแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วน้องหมาพันธุ์บีเกิ้ลเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์น้องหมาที่แทบจะไม่สามารถเปลี่ยนเจ้าของได้เลยในช่วงชีวิต เพราะเมื่อไหร่ที่มันตกลงใจยอมเป็นน้องหมาของใครก็แล้วแต่ มันจะรักและซื่อสัตย์กับเจ้าของคนนั้นเพียงแค่คนเดียว

สำหรับตัวน้องหมาบีเกิ้ลแล้วการได้เล่นกับเจ้าของ ได้ประจบประแจง ได้อ้อนเจ้าของ ได้ทำตัวซุกซนตลก ๆ เรียกเสียงหัวเราะของเจ้าของได้ หรือการที่ได้เห่าเพื่อเฝ้าระวังภัย ก็จะนับเป็นความสุขและความภาคภูมิใจในชีวิตของบีเกิ้ล ที่มันสามารถทำหน้าที่ของมันในฐานะน้องหมาได้อย่างดี

นอกจากเรื่องการเฝ้าระวังและการทำตัวให้ตลกหรือน่ารักเพื่อให้เจ้าของมีความสุขแล้ว อีกหนึ่งวิธีในการแสดงออกถึงความซื่อสัตย์ของเจ้าบีเกิ้ลคือ การซื่อสัตย์ต่อครอบครัวเจ้าของทั้งหมดโดยเฉพาะหากครอบครัวนั้นมีเด็กเล็ก ๆ เจ้าบีเกิ้ลตัวน้อยก็จะทำตัวเป็นพี่เลี้ยงเด็กเพื่อเป็นการช่วยเหลือครอบครัวของเจ้าของอย่างสุดความสามารถ

4. อาเซเชี่ยน หรือ เยอรมันเชพเพิร์ด

ถ้าจะพูดถึงน้องหมาที่มีความซื่อสัตย์มาก ๆ ต่อมนุษย์ก็คงจะไม่สามารถมองข้ามน้องหมาสายพันธุ์นี้ไปได้ นั่นเพราะคาแรคเตอร์ภายนอกของน้องหมาพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักกันในรูปของน้องหมาตำรวจหรือทหาร ที่คอยรับใช้ชาติ รับใช้ประเทศ และรับใช้เจ้าของอย่างซื่อสัตย์มาโดยตลอด นั่นก็เพราะด้วยสรีระที่ค่อนข้างใหญ่ มีนิสัยรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเป็นอย่างมาก เชี่ยวชาญในการเฝ้าระวัง ไม่เชื่อใจคนแปลกหน้าง่าย ๆ และพร้อมจะตั้งฉากเห่าและกัดเสมอเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีความเฉลียวฉลาดในการฝึกฝน สามารถรับคำสั่งจากเจ้าของได้เป็นอย่างดี

เยอรมันเชพเพิร์ดเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่สามารถเลี้ยงกับเด็ก ๆ ได้ นั่นเพราะแม้เจ้าหมาพันธุ์นี้จะมีนิสัยเห่าเสมอและดุร้ายกับคนแปลกหน้าที่ท่าทางไม่น่าไว้ใจ แต่ถ้ากับบ้านของเจ้าของจะทำตัวเหมือนหมาเล็ก ชอบทำตัวซุกซนขี้เล่นขี้อ้อน บางครั้งก็ลืมไปเลยว่าตัวเองตัวใหญ่ขนาดไหน สามารถเป็นได้ทั้งการ์ดและพี่เลี้ยงให้กับเด็ก ๆ

5. อาคิตะ อินุ

ถ้าจะพูดถึงน้องหมาสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่โด่งดังระดับโลกก็คงหนีไม่พ้นน้องหมา พันธุ์อาคิตะอินุ ที่โด่งดังมาจากภาพยนตร์เรื่อง “ฮาชิ” ซึ่งเป็นเรื่องราวของน้องหมาพันธุ์อาคิตะอินุที่นั่งรอเจ้านายหลายปีอยู่ที่สถานีรถไฟ สุดท้ายมันก็ได้ตายลงพร้อมกับหัวใจที่ยังรอคอยเจ้าของอยู่ตลอดช่วงชีวิตของมัน เห็นแบบนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าน้องหมาสายพันธุ์นี้ขึ้นชื่อเรื่องความซื่อสัตย์จริง ๆ

ถ้าเยอรมันเชพเพิร์ดเป็นหมาทหารของฝั่งโลกตะวันตก ดินแดนอาทิตย์อุทัยอย่างประเทศญี่ปุ่นก็มีน้องหมาอาคิตะอินุนี่แหละครับเป็นหมาทหารของเหล่าซามูไร ที่ทำหน้าที่คอยอารักขาและเฝ้าระวังให้กับครอบครัวของซามูไร เรียกได้ว่าเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ จงรักภักดี พร้อมตายหรือสละชีวิตได้เพื่อเจ้าของสมชื่อซามูไร ใครที่ชอบในความเป็นหมาสายพันธุ์เอเชียและกำลังหาน้องหมาที่ซื่อสัตย์มาเลี้ยง อาคิตะอินุ นี่แหละครับคือคำตอบ

6. เซนต์เบอร์นาร์ด

ถ้าจะพูดถึงสุนัขอารักขาและเป็นพี่ใหญ่ใจดีแห่งวงการสุนัข ก็คงไม่สามารถมองข้ามน้องหมาพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดไปได้ โดยเมื่อก่อนเซนต์เบอร์นาร์ดทำหน้าที่เป็นน้องหมาเฝ้าระวังบนภูเขา สามารถช่วยเหลือและดูแลผู้คนได้อย่างดีเยี่ยม จนได้รับฉายาว่า เซนต์หรือนักบุญ นั่นเอง

นิสัยทั่วไปของเซนต์เบอร์นาร์ดแม้จะเป็นสุนัขที่ตัวใหญ่และดูน่ากลัวในบางครั้ง แต่แท้จริงแล้วเซนต์เบอร์นาร์ดเป็นสุนัขที่ใจดีและเข้ากับคนง่ายมาก ไม่มีสัญชาตญาณของการทำร้ายหรือจู่โจมก่อน สามารถเป็นได้ทั้งการ์ด ผู้เฝ้าระวัง แถมยังเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับบ้านที่มีเด็กเล็ก ๆ อีกด้วย แต่ถึงจะเห็นว่าน้องหมาพันธุ์นี้ใจดีและอ่อนโยนขนาดไหน แต่ถ้าเกิดมีอันตรายเข้ามาใกล้เจ้าของหรือคนรอบข้าง น้องหมาพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมาปกป้องทันที นั่นเพราะสำหรับเซนต์เบอร์นาร์ดครอบครัวจัดว่าเป็นชีวิตและหัวใจของเขาเลยก็ว่าได้

7. เกรทไพรีนีส

เกรทไพรีนีส เป็นน้องหมาที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ในการแบกของขึ้นภูเขาที่มีทางเดินยากลำบาก นอกจากนี้ยังคอยทำหน้าที่เป็นสุนัขกู้ภัยในเวลาที่เกิดภัยพิบัติเช่นเดียวกับเซนต์เบอร์นาร์ด นั่นจึงทำให้น้องหมาสายพันธุ์นี้เป็นน้องหมาที่ค่อนข้างหวงอาณาเขตดูแลทรัพย์สินให้กับเจ้านายเป็นอย่างดี ทำหน้าที่เฝ้าระวังได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ก็ยังสามารถเลี้ยงเด็กและเป็นพี่เลี้ยงเด็กได้เช่นกัน เพราะสำหรับน้องหมาพันธุ์นี้แล้วความปลอดภัยและความสุขของครอบครัวนับว่ามาเป็นอันดับที่ 1

จบไปแล้วนะครับกับ 7 สายพันธุ์น้องหมาที่น่าเลี้ยง น่ารัก เป็นน้องหมาที่มีความซื่อสัตย์มากที่สุดในโลก ซึ่งน้องหมาทุกสายพันธุ์ที่กล่าวมา ล้วนแล้วแต่เป็นน้องหมาที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาเพื่อให้เป็นมิตรต่อเจ้าของ สามารถเฝ้าระวังและปกป้องทรัพย์สินของเจ้าของได้เป็นอย่างดี ใครที่กำลังมองหาน้องหมาเพื่อมาเป็นเพื่อนเล่น ดูแลปกป้องครอบครัว บ้านและทรัพย์สินอื่น ๆ น้องหมาทั้ง 7 สายพันธุ์นี้จัดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยนะครับ

 

10 อันดับ สายพันธุ์สุนัขน่าเลี้ยง 2022

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสุนัขหรือน้องหมาเป็นอีกหนึ่งเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ที่อยู่กับมนุษย์เรามายาวนาน แต่ก็เชื่อว่าหลายคนก็คงอยากจะมีน้องหมาสักตัวนึงมาเป็นเพื่อนเอาไว้เลี้ยงแก้เหงา วันนี้ผมเลยเอา 10 สายพันธุ์สุนัขน่าเลี้ยง ที่ผู้คนนิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายมาฝาก จะมีสายพันธุ์อะไรบ้างมาดูกันเลย

10 สายพันธุ์สุนัขน่าเลี้ยง 2022

(Photo:https://www.petsblog.it/)

1.ชิวาวา

ชิวาวาเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ตาโต มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก ชิวาวาโดยทั่วไปมีความสูงไม่เกิน 5 นิ้ว แบ่งเป็น 2 สายพันธุ์หลักๆคือสายพันธุ์ขนเรียบและสายพันธุ์ขนยาว น้ำหนักเฉลี่ย 0.9-2.7 Kg. จัดว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ มีทั้งสีขาว สีน้ำตาลอ่อน สีทราย สีดำ หน้าผากต้องกลมโค้งคล้ายลูกแอปเปิ้ล หูตั้งปากสั้นแหลม ถ้ามีขนยาวขนจะไม่หยิบม้วน
เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ถูกเลี้ยงอย่างแพร่หลาย มีนิสัยซุกซนพลังงานสูงเฝ้าระวังได้ดี อีกครั้งถ้าใครมีพื้นที่เล็กๆอยากจะเลี้ยงสุนัข ชิวาวาก็เป็นอีกหนึ่งน้องหมาพันธุ์เล็กที่เป็นตัวเลือกที่ดีเลยครับ

(Photo:https://wallpaperaccess.com/)

2. บีเกิ้ล

ในอดีตบีเกิ้ลถูกใช้เป็นสุนัขล่าเนื้อ มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอังกฤษ มีนิสัยรักความสงบ รักสันติและรักเด็ก แต่ต้องขอบอกก่อนว่าใครที่อยากจะมีหมาสักตัวนึงไว้เฝ้าบ้านบีเกิ้ลอาจจะไม่ใช่คำตอบ เพราะบีเกิ้ลเป็นสุนัขที่ชอบในการเข้าสังคม ดังนั้นควรจะเลี้ยงเอาไว้เพื่อผูกมิตรและเชื่อมสัมพันธ์คนในบ้านจะดีกว่า แต่อยากจะบอกว่าใครเลี้ยงบีเกิ้ลต้องทำใจหน่อยนะ เพราะเป็นสุนัขที่เห่าเก่งมาก และ เป็นสุนัขที่ชอบทำลายข้าวของเป็นว่าเล่นเลย เนื่องจากเป็นสุนัขที่ชอบเล่นตลอดเวลา เพราะพลังเยอะมาก


(Photo:https://www.yourpuppyluv.com/)

3. ชิสุห์

ถิ่นกำเนิดของเจ้าหนูน้อยชิสุห์มาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่เห็นตัวเล็กแบบนี้อย่าดูถูกเชียวเพราะฉายาของเจ้าน้องคือ ราชสีห์ เหตุก็เพราะว่าชิสุห์มีขนแผงคอที่คล้ายกับสิงโต เวลาเดินจะเดินตรงเชิดหน้าคอเหยียด ทำให้ดูสง่างามคล้ายกับสิงโต

มีรูปร่างค่อนข้างเล็กแต่มีขนยาวตรงหนาและมีขน 2 ชั้น จึงทำให้สุนัขพันธุ์นี้มีความต้องการในการแปรงขนทุกวัน เพราะฉะนั้นเจ้าของต้องมีเวลาในการแปรงขนให้น้องอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง ตัวน้องมีนิสัยเป็นมิตรมาก ฉลาด ไม่เจ้าอารมณ์ หรือใครชอบไว้ขนยาวๆให้น้องหมัดจุกตัดแต่งขนให้น้องมีหลายสไตล์หลายแบบให้เลือกเลยแหละ


(Photo:https://www.sentangsedtee.com/)

4.ไซบีเรียนฮัสกี้

ไซบีเรียนฮัสกี้เป็นสุนัขลากเลื่อนที่สง่างาม ถิ่นกำเนิดอยู่ที่เอเชียทางตอนเหนือ นี่เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่พอพูดคำว่า “เลี้ยงหมา” หลายคนก็จะมีหน้าของฮัสกี้โผล่ขึ้นมาเป็นหน้าแรกๆ ไซบีเรียนฮัสกี้เป็นสุนัขที่มีขนสองชั้นทำให้ค่อนข้างขี้ร้อน เป็นสุนัขพลังงานสูงตลอดเวลาจำเป็นจะต้องพาไปออกกำลังกายบ่อยๆ แต่มีนิสัยรักเจ้าของ รักครอบครัว และติดเจ้าของมาก เหมาะกับบ้านที่มีเวลาพาน้องหมาไปออกกำลังกายและเหมาะกับบ้านที่ชอบทำกิจกรรม Active นอกบ้าน


(Photo:https://cottagelife.com/)

5. โกลเด้นรีทรีฟเวอร์

ถิ่นกำเนิดของพี่ใหญ่ใจดีตัวนี้มาจากประเทศอังกฤษ ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มามากกว่า 200 ปี จัดเป็นสุนัขขนาดกลาง มีขน 2 แบบคือแบบเรียบกับแบบเป็นลอนปกมาด้านข้าง ขนดกสวยงามออกไปทางสีครีมและเข้าจนถึงสีน้ำตาลแดง ฉายาของพี่ใหญ่ตัวนี้คือ ” หมาใจดี” ในอินเตอร์เน็ตก็มักจะมีภาพคลิปวีดีโอสั้นๆของความรักความผูกพันระหว่างที่ใหญ่โกลเด้นกับเด็กทารกออกมาให้เห็นอยู่เสมอ
จัดเป็นสุนัขเลี้ยงง่าย เหมาะกับการเลี้ยงสุนัขครั้งแรก ที่สำคัญคือร่าเริง สดใส และรักเจ้าของมากๆ นั่นก็เพราะมีนิสัยเป็นมิตร มีความสุภาพ ฉลาดฝึกง่าย มีความจำเป็นเลิศ ใครที่อยากเลี้ยงสุนัขครั้งแรกและอยากได้สายพันธุ์ที่เลี้ยงง่ายเอาอยู่ลองเริ่มจากสายพันธุ์นี้ก็ได้ครับ

(Photo:https://bestfriends.com.cy/)

6.ปอมเมอเรเนียน

ปอมเมอเรเนียนเป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมันนี เรียกได้ว่าเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เรียงความตัวเล็กกะทัดรัด ขนฟูสวยงาม พกพาง่าย ทำให้หลายคนหลงใหลในความน่ารักของมัน มีนิสัยร่าเริง สดใส พลังงานสูงมาก และด้วยความน่ารัก ความ Alert และความขี้ประจบ ของเจ้าป้อมนี่เองก็เลยทำให้หลายคนต้องกลายเป็นทาสของเจ้าหมาตัวเล็กโดยไม่รู้ตัว


(Photo:https://dogtime.com/)

7.Welsh corgi (เวลช์ คอร์กี้)

Cor(คอร์) หมายถึงแคระ Gi (กี้) หมายถึงสุนัข
น้องหมาคอร์กี้ เป็นสุนัขที่มีความสูงอยู่ที่ 10 – 12 นิ้ว น้ำหนักตัวเต็มวัยอยู่ที่ 12 – 13 กิโลกรัม
โดยพื้นฐานแล้วนั้น คอร์กี้เป็นสุนัขที่ มีความรัก ซื่อสัตย์ และจงรักภักดีกับเจ้าของมาก ด้วยนิสัยขี้ประจบจึงทำให้เจ้าของ หลงไหลในความขี้อ้อน
และท่าเดินที่ต้วมเตี้ยม น่ารักๆ ทำให้คนหลายคนหลงรักเวลช์ คอร์กี้

 

(Photo:animals.net)

8.เฟรนช์ บูลด็อก

เฟรนช์บุลล์ด็อกเป็นสุนัขที่ต้องการการเอาใจใส่ เหมาะสำหรับคนที่อยู่คนเดียว สุนัขพันธุ์นี้ไม่ค่อยเห่า จะเห่าก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์ตื่นเต้น
เป็นพันธุ์ที่ไม่ต้องการการออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวมากนัก ชอบการนอนอยู่กับบ้าน
เป็นหมาขี้เล่น ฉลาด และมักจะสร้างเสียงหัวเราะให้คนในครอบครัว มีความน่ารักเฉพาะตัว และต้องการความสนใจ ทำให้การเลี้ยงไม่ยาก
แต่ เฟรนช์ บูลด็อก ก็มีโรคค่อนข้างจะเยอะ เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ภาวะอุดตันทางเดินหายใจ พบเห็นได้บ่อย ๆ ในน้องหมาหน้าสั้น โรคเกี่ยวกับตา

(Photo:https://www.westend61.de/)

9.คาวาเลียร์ คิง ชาลส์ สแปเนียล

คาวาเลียร์ คิง ชาลส์ สแปเนียลเป็นสุนัขที่ฉลาด ขี้เล่น มีเสน่ห์ สอนง่าย ร่าเริง สนุกสนาน สุนัขปรับตัวเก่งและเข้ากันได้ดีกับบ้านที่มีครอบครัว
แต่สุนัขพันธุ์นี้ไม่เหมาะกับการเลี้ยงเฝ้าบ้าน เพราะเป็นหมาที่เห่าแทบไม่เป็น
โรคที่เจอบ่อย คือ ปัญหาเรื่องหูปรกพับ อาจมีกลิ่นอับและเปื้อนได้ง่าย ปัญหาด้านผิวหนัง


(Photo:https://klkfavorit.ru/)

10. ไทยบางแก้ว

ตัวสุดท้ายน่าจะเป็นน้องหมาที่หลาย ๆ คนคุ้นชื่อ คุ้นหน้า คุ้นตากันเป็นอย่างดี นี่ก็คือไทยบางแก้ว หมาไทยแท้แต่หน้าตาอิมพอร์ทอย่างกับหมาเมืองหนาว ปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าน้องหมาไทยบางแก้วไม่เคยตกเทรนด์หมายอดฮิตในบ้านเราเลย โดยเฉพาะการเลี้ยงไว้เพื่อการเฝ้าบ้าน เนื่องจากเป็นน้องหมาที่มีนิสัยดุดัน หวงอาณาเขต อีกทั้งยังรักและซื่อสัตย์กับเจ้าของเป็นอย่างมาก เรียกว่าถ้าเลี้ยงอย่างถูกวิธีน้องหมาไทยบางแก้วสามารถตายแทนเราได้เลย

โดยสิ่งที่มาพร้อมกับชื่อเสียงของไทยบางแก้วนั่นคือความดุนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากเจ้าของสามารถเลี้ยงด้วยความรัก การดูแลที่ถูกวิธี ให้เวลากับการฝึก น้องหมาบางแก้วจะกลายเป็นหมาที่น่ารัก ขี้เล่น ขี้อ้อน ไม่แพ้น้องหมาพันธุ์อื่น ๆ เลย แต่หากเลี้ยงผิดวิธีแล้วทำให้น้องหมาเกิดความเครียดมาก ๆ ก็จะกลายเป็นหมาที่ซึมเศร้าและกลายเป็นดุร้ายไปในที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรู้ ความเข้าใจ และการดูแลของเจ้าของทั้งสิ้น

เป็นยังไงกันบ้างครับกับ 10 สายพันธุ์สุนัขที่น่าเลี้ยง ซึ่งที่ผมจัดมาผมก็เลือกน้องหมาที่นิสัยแตกต่างหลากหลายมาให้เลือก สำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาสุนัขสักตัวนึงเอามาเลี้ยงเป็นเพื่อน สุนัขทั้ง 10 สายพันธุ์นี้ต่างก็เลี้ยงง่ายด้วยกันทั้งนั้นเพราะฉะนั้นลองเลือกกันดูนะครับ

 

7 ข้อควรรู้ก่อนทำอาหารบาร์ฟให้สุนัข

หนึ่งในสิ่งที่กำลังมาแรงและเป็นกระแสที่ผู้เลี้ยงน้องหมาหลาย ๆ ท่านกำลังให้ความสนใจนั่นก็คือ การทำอาหารบาร์ฟ หรือการให้น้องหมากินอาหารแบบสด ๆ ดิบ ๆ ซึ่งการทำอาหารบาร์ฟหรือการให้อาหารสดนั้นเป็นการเลี้ยงน้องหมาโดยการเลียนแบบวิธีการกินอาหารตามธรรมชาติของน้อง ซึ่งหมาหรือสุนัขก็เป็นสัตว์กินเนื้อและตามธรรมชาติเนื้อที่สัตว์เหล่านี้กินก็เป็นเนื้อสด ๆ นี้จึงเป็นแนวคิดและที่มาของการทำบาร์ฟ

แต่อย่างไรก็ดีแม้การทำบาร์ฟจะเป็นการพาน้องหมากลับไปสู่ธรรมชาติดั้งเดิม แต่ในฐานะเจ้าของก็จำเป็นจะต้องใส่ใจรายละเอียดในการทำบาร์ฟ เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อสุขภาพของน้องหมาในอนาคต ในบทความนี้จึงอยากจะมาแบ่งปัน


(Photo:https://topdogtips.com/)

7 ข้อที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำบาร์ฟให้น้องหมา

เพื่อให้น้องหมามีภูมิต้านทานที่แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำบาร์ฟ

1. ควรรู้ส่วนผสมทุกอย่างในการทำบาร์ฟแต่ละมื้อ

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการทำบาร์ฟคือการให้อาหารสดกับน้องหมา ซึ่งปกติแล้วก่อนจะทำบาร์ฟโดยทั่วไปเจ้าของก็มักจะให้อาหารสำเร็จรูปมาก่อนตั้งแต่เล็ก พอมีการเปลี่ยนรูปแบบของอาหารก็จำเป็นจะต้องติดตามผลลัพธ์อย่างใกล้ชิด ดังนั้นควรจะต้องจดหรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องจำให้ได้ว่าการทำบาร์ฟแต่ละมื้อน้องกินอะไรเข้าไปบ้าง เผื่อมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นเวลาพาน้องไปหาหมอจะได้คุยกับคุณหมอได้ว่าวันนี้หรือมื้อที่ผ่านมากินอะไรเข้าไป เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องจากนั้นจะได้เลี่ยงวัตถุดิบนั้น ๆ แล้วเปลี่ยนไปให้อย่างอื่นแทน


(Photo:https://aperrados.com/)

2. ดูแลปริมาณอาหารให้เหมาะสมในการทำบาร์ฟแต่ละมื้อ

สำหรับเจ้าของน้องหมาที่ได้ทดลองทำบาร์ฟมาซักระยะจะพบว่า เมื่อเวลาผ่านไปการทำบาร์ฟจะช่วยให้น้องหมามีร่างกายที่แข็งแรง มีกล้ามเนื้อที่ค่อนข้างแน่น แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญและจำเป็นจะต้องควบคุมนั่นก็คือปริมาณของอาหารเช่นเดียวกับการให้อาหารเม็ดหรืออาหารสำเร็จรูปทั่วไป เพราะแม้จะเป็นการทำบาร์ฟแต่ถ้าเกิดให้อาหารมากเกินไปก็มีโอกาสทำให้น้องหมาอ้วนได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องคำนวณปริมาณของอาหารในแต่ละมื้อของการทำบาร์ฟให้ดี ซึ่งน้องหมาในแต่ละช่วงวัยแต่ละขนาดตัวก็จะมีความเหมาะสมในการให้อาหารแตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่ควรให้มากหรือให้น้อยจนเกินไป

3. วางแผนในการทำบาร์ฟให้สมดุลในแต่ละเดือน

ลองจินตนาการภาพว่าถ้าวันนี้ท่านต้องกินกะเพราหมูกรอบไข่ดาวทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน ท่านจะเบื่อไหม เช่นกัน ในการทำบาร์ฟให้กับน้องหมาเราก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนสัดส่วนหรือเปลี่ยนสูตรอาหารหมุนเวียน เพื่อให้ทุก ๆ มื้อน้องหมาไม่เบื่อและที่สำคัญการเปลี่ยนส่วนผสมเพื่อให้สารอาหารครบถ้วนก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะการให้แต่อาหารสูตรเดิม ๆ ก็ไม่ต่างจากการให้น้องหมากินอาหารสำเร็จรูปแบบเดิม ๆ ดังนั้นควรมีการสับเปลี่ยนสูตรอาหารในแต่ละสัปดาห์ ยกตัวอย่างเช่น สัปดาห์แรกอาจจะเป็นสูตรของเนื้อไก่ สัปดาห์ต่อมาเป็นสูตรเนื้อปลา การหมุนเวียนสูตรอาหารจะช่วยให้น้องหมาไม่เบื่อและยังช่วยให้น้องหมาได้รับคุณค่าทางอาหารอย่างครบถ้วนอีกด้วย

4. อย่าลืมเสริมสร้างความแข็งแรงด้วยวิตามินและแร่ธาตุ

ร่างกายของน้องสุนัขก็ไม่ต่างจากร่างกายมนุษย์นอกจากสารอาหารจำพวกโปรตีน สิ่งที่สำคัญก็คือวิตามินและแร่ธาตุ เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรค ดังนั้นท่านจึงจำเป็นจะต้องเสริมวิตามินและแร่ธาตุเข้าไปในอาหารบางมื้อ เช่น วิตามิน C,B,E แล้วเพิ่มสมุนไพรที่มีแคลเซียมเข้าไปด้วย ทั้งหมดนี้จะช่วยเป็นการรับประกันว่าน้องหมาจะมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงตามที่ท่านต้องการ


(Photo:www.bausocial.it/)

5. อย่าเพิ่งเร่งรัดให้เวลาน้องหมาได้ปรับตัว

ในช่วงต้นของการปรับเปลี่ยนสูตรอาหารจากอาหารธรรมดามาเป็นการทำบาร์ฟ อาจจะมีการต่อต้านหรือมีการกินอาหารน้อยลงของน้องหมาเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งหมาแต่ละตัวก็มีความแข็งแรงของระบบย่อยอาหารไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับอายุและสายพันธุ์ บางตัวกินได้เลยทันทีบางตัวต้องใช้เวลาในการปรับตัว ดังนั้นผู้เลี้ยงจะต้องอดทนในช่วงแรกสักระยะหนึ่ง ไม่ใช่ว่าทำบาร์ฟไปแล้วเห็นน้องหมาอาเจียนหรือท้องเสียแค่ครั้งหรือสองครั้งก็เลิกทำในทันทีแล้วโทษว่าการทำบาร์ฟเป็นสิ่งไม่ดี จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นจะต้องตื่นตูมขนาดนั้นเพียงแค่พาไปพบแพทย์เพื่อให้มั่นใจว่านี่เป็นแค่ผลข้างเคียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากนั้นน้องหมาจะค่อย ๆ ปรับตัวให้เข้ากับการทำบาร์ฟขึ้นเอง

6. สุนัขแต่ละตัวมีความต้องการอาหารแต่ละชนิดแตกต่างกัน

ในการทำบาร์ฟที่ดีเจ้าของควรจะต้องรู้ว่าสุขภาพของหมาของตัวเองเป็นอย่างไร แล้วหาอาหารหรือสูตรอาหารที่เหมาะสมหรืออุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยในเรื่องปัญหานั้น ๆ ของหมาของตัวเอง ทั้งนี้อาจจะปรึกษากับสัตวแพทย์ที่พาน้องหมาไปหาอยู่เป็นประจำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับน้องหมาในการทำบาร์ฟ

7. ความสะอาดในทุกขั้นตอนเป็นสิ่งสำคัญ

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าการทำบาร์ฟเป็นการให้อาหารสดกับน้องหมา ดังนั้นจึงต้องระวังเรื่องเชื้อโรคและพยาธิที่อาจปะปนมากับอาหารจึงควรใส่ใจ 3 ขั้นตอนนี้ให้ดี ได้แก่ แหล่งที่มาของวัตถุดิบ ขั้นตอนการจัดเก็บ และเวลาของการเข้าครัวลงมือทำ เพื่อให้แน่ใจในเรื่องของความสะอาดและความปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลายครั้งที่เจ้าของหมาไม่รู้ในสิ่งเหล่านี้แล้วโทษว่าการทำบาร์ฟทำให้สุนัขของตนเองป่วย แต่แท้จริงแล้วตัวเจ้าของเองนั่นแหละที่ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดในการทำบาร์ฟให้กับน้องหมาของตัวเอง

ทั้ง 7 ข้อนี้คือสิ่งที่ต้องรู้และต้องคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลาในการทำบาร์ฟให้กับน้องหมา การเลี้ยงหมาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การให้อาหารด้วยการทำบาร์ฟก็ยิ่งละเอียดอ่อนเข้าไปอีก แต่มันก็แลกมาด้วยสุขภาพของน้องหมาที่ดีขึ้น มีปัญหาสุขภาพน้อยลง แล้วทำให้น้องหมาได้อยู่กับเรานานขึ้นกว่าเดิม

สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงหมาด้วยการทำบาร์ฟหรือการให้อาหารตามปกติ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใส่ใจรายละเอียดของอาหารแต่ละอย่างที่ให้น้องหมากินเข้าไป เมื่อเราใส่ใจรายละเอียดทั้งหมดก็จะทำให้น้องหมาใช้ชีวิตกับเราได้อย่างมีความสุข แล้วตัวเราเองเราจะมีความสุขกับการได้ดูสัตว์เลี้ยงที่เรารัก เติบโตและร่าเริงแข็งแรง อยู่เป็นเพื่อนที่แสนดีกับเราได้อีกนานครับ

 

5 หมาพันธุ์เล็ก เลี้ยงได้ในคอนโด

มีใครที่กำลังเจอปัญหาอยากเลี้ยงน้องหมา อยากมีน้องหมาสักตัวนึงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาเวลาเครียดหรือเวลาเหนื่อย แต่กลับไม่มีพื้นที่มากพอจะเลี้ยงหมาสักตัวนึงที่มีขนาดใหญ่ มีใครกำลังเจอปัญหานี้อยู่บ้างไหมครับ

ผมเลยอยากจะมาแก้ปัญหาคนที่อยากเลี้ยงน้องหมาแต่ไม่มีเนื้อที่ หรืออยู่คอนโดเลยไม่สามารถเลี้ยงหมาพันธุ์ใหญ่ได้ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาผมจึงนำ 5 น้องหมาพันธุ์เล็ก ที่สามารถเลี้ยงได้แม้ในที่ที่ไม่ค่อยมีพื้นที่ อย่างคอนโด ห้องเช่า หรือบ้านที่ไม่ได้มีสนามหญ้าหรือเนื้อที่มากนัก

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจเลี้ยงน้องหมา

อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่าบทความนี้จะมาช่วยแก้ปัญหาให้กับใครก็ตามที่ต้องการเลี้ยงน้องหมาแต่ไม่มีเนื้อที่พอจะเลี้ยงหมาใหญ่ แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจว่าจะเลือกตั้งหมาพันธุ์ไหนไปอยู่ในบ้านเป็นครอบครัวเดียวกัน ผมอยากจะให้อ่านตรงนี้สักนิดจะได้รู้ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

อย่างแรกอยากให้ถามตัวเองให้ดีก่อนว่าต้องการเลี้ยงน้องหมาจริงใช่ไหม เพราะมีหลายครั้งมากที่เจ้าของหมารู้สึกว่าตัวเองเหงาเลยอยากได้หมาเป็นเพื่อน แต่พอนำไปเลี้ยงแล้วกลับไม่ตอบโจทย์วิถีชีวิต สุดท้ายก็เอาน้องหมาไปปล่อยให้กลายเป็นหมาจรจัด หรือบางคนก็ฝืนเลี้ยงต่อแต่ก็เลี้ยงได้ไม่ดี กลายเป็นว่าหมามาเพิ่มภาระให้กับชีวิต เพราะฉะนั้นถามตัวเองให้ดีก่อนว่าต้องการจะเลี้ยงน้องหมาจริง ๆ ใช่ไหม พร้อมที่จะรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิตที่จะมาอยู่กับเราหรือเปล่า

อย่างที่ 2 ที่อยากให้รู้ก็คือ ถึงจะบอกว่าเป็นน้องหมาสายพันธุ์เล็กที่สามารถเลี้ยงได้ในพื้นที่ในน้อย ๆ แต่ไม่ว่ายังไงน้องหมาก็ยังเป็นสัตว์ที่ชอบที่จะออกมาวิ่งเล่นหรือเดินเล่นสูดอากาศธรรมชาติอยู่ดี เพราะฉะนั้นต้องแน่ใจว่าสามารถจัดเวลาเพื่อพาน้องหมาออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านบ้างสักอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็ยังดี เมื่อเตรียมความพร้อมกันแล้วงั้นเราก็มาดูกันเลยว่า

5 สายพันธุ์หมาที่สามารถเลี้ยงได้ไหมในพื้นที่น้อยจะมีพันธุ์อะไรกันบ้าง

 


เครดิตรูปภาพ;https://cutewallpaper.org/

1. ปั๊ก

ปั๊กจัดว่าเป็นหมาสายพันธุ์เล็กที่เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่ที่เล็ก ๆ เป็นอย่างมาก นั่นเพราะปกติหมาพันธุ์นี้จะชอบการนอน ไม่วุ่นวาย ไม่ต้องการพื้นที่มาก ๆ ในการวิ่งเล่น แถมยังเป็นสายพันธุ์ที่มีความแข็งแกร่งในตัวเอง มีความกล้าหาญ ที่สำคัญคือหมาพันธุ์นี้ไม่ค่อยมีการผลัดขนสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาขนร่วงหรือความสกปรก

โดยปกติแล้วปั๊กจะเป็นน้องหมาที่ค่อนข้างขี้เกียจ ไม่ควรปล่อยให้อยู่ลำพังโดยที่ไม่ฝึกหรือไม่พาไปเดินเล่นเลย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจัดเวลาเพื่อเล่นกับน้องแล้วก็พาน้องไปฝึกบ้าง หรือยังน้อยที่สุดพาไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะบ้างก็ยังดี แต่ก็มีข้อควรระวังในเรื่องของการเล่นกับน้องหรือการออกกำลังกายของน้องหมาพันธุ์นี้ เนื่องจากปั๊กเป็นน้องหมาที่มีลักษณะหน้าสั้น ทำให้มีโอกาสที่จะมีปัญหาด้านการหายใจ ท่าออกกำลังกายหนักเกินไปก็มีโอกาสให้หายใจติดขัดหายใจไม่ทัน และเกิดอาการฮีทสโตรกได้ เพราะฉะนั้นจุดนี้ผู้เป็นเจ้าของต้องพึงระวังเอาไว้


เครดิตรูปภาพ;https://www.vetbasket.com/

2. ชิสุห์

ชิสุห์จัดว่าเป็นหนึ่งในหมาพันธุ์เล็กที่มีโครงสร้างและธรรมชาติของร่างกายที่ค่อนข้างแข็งแรง มีนิสัยร่าเริง กระตือรือร้น บรรพบุรุษของหมาสายพันธุ์นี้เป็นหมาสายพันธุ์ชนชั้นสูงของประเทศจีน ทำให้น้องหมาพันธุ์นี้ที่มีลักษณะดี โครงสร้างสวยงาม ลำตัวเชิดตรง ปลายหางชี้มาที่กลางหลัง ถึงแม้จะมีขนาดแตกต่างกันไปบ้างในสายพันธุ์นี้ แต่ชิสุห์ปกติจะมีลักษณะที่เป็นน้องหมาตัวเล็ก แต่ก็ไม่ใช่จะบอบบางนะครับ

โดยในการเลือกน้องหมาชิสุห์สักตัวนึงมาเลี้ยงเป็นเพื่อนจำเป็นจะต้องเลือกที่มีโครงสร้างดี ฟอร์มสวย เพื่อป้องกันปัญหาด้านสุขภาพหรือกระดูกที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

แม้ชื่อชิสุห์จะไม่ใช่น้องหมาที่ต้องการพื้นที่ในการเลี้ยงดูมากนักแต่ก็จำเป็นจะต้องพาน้องหมาไปเดินเล่นอยู่เป็นประจำ เนื่องจากเป็นหนึ่งในน้องมาสายพันธุ์ที่พลังงานสูง ชิสุห์มีนิสัยอ่อนโยน แม้บางครั้งจะตื่นตระหนกง่ายกับคนแปลกหน้า แต่ถ้าได้ทำความรู้จักก็สามารถเข้ากันได้กับคนทุกคนครับ และที่สำคัญก็คือน้องหมาพันธุ์ชิสุห์ชอบการกอดการสัมผัสเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นหมั่นลูบหัวหมั่นเล่นกับน้องด้วยการสัมผัสบ่อย ๆ จะทำให้น้องหมาพันธุ์นี้มีความสุขที่ได้อยู่กับคุณ


เครดิตรูปภาพ;https://www.buys1080.xyz/

3. ชิวาวา

ถ้าพูดถึงน้องหมาสายพันธุ์เล็กที่สามารถเลี้ยงได้ในพื้นที่เล็ก ๆ แคบ ๆ ชิวาวาก็เป็นอีกหนึ่งในสายพันธุ์น้องหมาที่เป็นตัวเลือกที่ดีเลยครับ ด้วยความที่เป็นน้องหมาพันธุ์เล็กที่มีรูปร่างค่อนข้างกระทัดรัด มีความจงรักภักดี รักเจ้าของมาก เหมาะมากที่จะเลี้ยงเอาไว้เฝ้าบ้านหรือเตือนภัยเวลามีเหตุฉุกเฉิน เพราะด้วยนิสัยของชอบหมาพันธุ์นี้ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมันจะเห่าไม่หยุดจนกว่าคุณจะไปหามัน

น้องหมาชิวาวาจัดว่าเป็นหนึ่งในน้องหมาอพาร์ทเม้นท์ชั้นเลิศ ด้วยความที่ใช้พื้นที่ไม่มาก ไม่ต้องการการออกกำลังกายที่มากนัก แล้วยังสามารถทำความรู้จักกับคนหรือสัตว์ชนิดอื่นได้ง่ายดาย แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณก็จำเป็นจะต้องดูแลและใส่ใจในเรื่องของการออกกำลังกายอยู่ดี หรือคุณสามารถปล่อยให้น้องไปวิ่งเล่นเพื่อออกกำลังกายด้วยตัวเองในห้องหรือในสวนสาธารณะที่อยู่ในสายตาคุณได้เลย ไม่จำเป็นจะต้องใช้สายจูงเพื่อพาวิ่งหรือพาเดินตลอดเวลา โดยกิจกรรมที่แนะนำคือการเล่นคาบของ ด้วยการโยนของไปไม่ไกลมากนักคุณไม่จำเป็นต้องลุกจากที่นั่งเลย

 


เครดิตรูปภาพ;guiaanimal.net

4. บิชองฟริเซ่

บิชองฟริเซ่เป็นหนึ่งในน้องหมาที่มีนิสัยร่าเริง สดใส มีความสุขและมองโลกในแง่ดี นิสัยตามสายพันธุ์แล้วเป็นหมาที่สุภาพอ่อนโยน ขี้เล่นเข้ากับคนได้ง่าย ต่อให้คุณจะพาเพื่อนหรือคนแปลกหน้าเข้ามาทำความรู้จักกับน้องในห้องหรือในคอนโดน้องก็จะไม่ดุแน่นอน ยกเว้นว่าคุณจะเลี้ยงน้องหมาผิดวิธีจนน้องหมาเครียด

บิชองฟริเซ่ก็พอที่จะเป็นน้องหมาเฝ้าบ้านหรือเฝ้าระวังได้ในระดับหนึ่ง โดยธรรมชาติเป็นน้องหมาที่รักเด็กมาก ในเรื่องของการทำความสะอาดน้องหมาพันธุ์นี้จำเป็นจะต้องใช้แชมพูสำหรับผิวน้องหมาที่แพ้ง่ายเท่านั้น เพราะผิวและขนของน้องหมาพันธุ์นี้แพ้ง่ายมาก ๆ อ่านถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนอาจจะแซวว่าเป็นหมาผู้ดี ก็ช่วยไม่ได้นะครับดูจากหน้าตาน้องแล้วก็เหมาะสมที่จะเรียกว่าหมาผู้ดีนะครับ
ของน้องหมาบิชองฟริเซ่จำเป็นจะต้องมีการแปรงขนทุกวัน ต้องคอยตัดแต่งเล็มปลายขนเพื่อไม่ให้ขนเกาะติดกันเป็นสังกะตัง


เครดิตรูปภาพ;https://www.hunsa.com/

5. เฟรนช์บูลด็อก

ตัวสุดท้ายในการจัดอันดับครั้งนี้ซึ่งนี่ก็คือเจ้าเฟรนช์บูลด็อกนั่นเองครับ เฟรนช์บูลด็อกเป็นน้องหมาที่มีนิสัยเห่าน้อย น่ารัก เป็นมิตร เข้ากับคนง่าย มีนิสัยร่าเริงแจ่มใส และต้องการการออกกำลังกายน้อยกว่าพันธุ์อื่น ๆ มีนิสัยขี้เล่น เข้ากันได้ดีกับคนแปลกหน้าและคนทั่วไปโดยเฉพาะเด็ก ๆ

ปกติน้องหมาพันธุ์นี้เป็นน้องหมาที่ชอบนอนเป็นชีวิตจิตใจจึงต้องการพื้นที่ใช้สอยในการเลี้ยงดูน้อยมาก น้องหมาพันธุ์นี้ค่อนข้างชอบอากาศเย็นสบาย ทนไม่ค่อยได้กับอากาศร้อน ๆ ถ้าเลี้ยงในพื้นที่น้อยก็ควรจะดูแลเรื่องของการระบายอากาศ หรือถ้าจะให้ดีที่สุดต้องเลี้ยงในห้องแอร์

จบไปแล้วนะครับ 5 น้องหมาสายพันธุ์เล็ก ที่เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่เล็ก ๆ แคบ ๆ อย่างคอนโดหรือห้องเช่าอพาร์ทเม้นท์ ถ้าใครที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโดและกำลังมองหาน้องหมาสักตัวมาอยู่เป็นเพื่อน ก็ลองเลือกน้องหมาจาก 5 อันดับนี้ดูก็ได้นะครับ

 

วิธีบอกรักหมาแมว

การแสดงความรักเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการแม้กระทั่งน้องหมาน้องแมว เมื่อเราแสดงความรักต่อน้องหมาน้องแมว ก็จะทำให้น้องหมาน้องแมวเรารู้สึกดีขึ้นไม่อารมณ์โมโหง่าย การแสดงความรักนั้นมีหลายรูปแบบ  บ้านไหนมีวิธีบอกรักแบบไหนบ้างมาแชร์กันได้เลย

การสัมผัส
การลูบสุนัข เป็นการสื่อสารภาษากายที่ใช้บอกรักได้เป็นอย่างดี การ สัมผัสจากเราจะสร้างความอบอุ่นให้กับสุนัข ยิ่งได้ใช้เวลาด้วยกันมากเท่าไร จะยิ่งทําให้สุนัขผูกพันและรับรู้ถึงความรักที่เรามีต่อเขามากขึ้น

เกาให้ถูกจุด
ทาสแมวคงจะรู้ดีว่าแมวชอบให้เกา แต่รู้หรือเปล่าว่ามันชอบให้เกาตรง ไหนมากที่สุด จากการศึกษาพบว่า แมวจะมีการตอบสนองที่ดีที่สุดเมื่อถูกเกา บริเวณหน้าผากและข้างแก้ม ส่วนจุดที่มันหวงมากที่สุดก็คือบริเวณหาง อย่าได้ไปยุ่งเชียว

การพูดคุยด้วยเสียงสอง
สุนัขไม่สามารถพูดได้ก็จริง แต่พวกเขาสามารถฟังและเรียนรู้จาก พฤติกรรมได้ ลองสังเกตได้เวลาที่เราดุ น้องหมาจะเงียบ แต่เมื่อเราใช้เสียง สองหรือเสียงเล็กๆ เขาจะกระดิกหางทันที เพราะฉะนั้นการพูดคุยกับสุนัข โดยใช้เสียงสองไม่ได้เป็นเรื่องบ้าบอเลย แต่กลับช่วยให้สุนัขรับรู้ได้ว่าเรารักเขา

สบตาแล้วกระพริบตาช้าๆ
การสบตาแล้วกระพริบตาช้าๆ เป็นการส่งผ่านความปลอดภัย ความ ผ่อนคลาย และความรัก ถ้าน้องเหมียวกระพริบตาช้าๆ กลับมาก็เป็นการตอบ กลับเราว่า “เราก็รักทาสนะ” แต่ก็ต้องระวังกันสักนิด เพราะการสบตาแมวนานๆ น้องอาจตีความได้ว่าเป็นการคุกคาม

จ้องมองด้วยความรัก
ดวงตาของสุนัขมีส่วนช่วยในการสื่อสารมาก เมื่อสุนัขสบตากับเราเป็น เวลานานมันเป็นวิธีการพูดว่า “ฉันรักคุณ” เราสามารถสื่อสารกลับโดยใช้ภาษา ตาเดียวกันด้วยการจ้องกลับด้วยความอ่อนโยนเพื่อบอกว่า “ฉันก็รักแกนะเจ้าหมา”

ชวนเล่น
การเล่นกับแมวเป็นวิธีการบอกรักที่ง่ายที่สุด น้องแมวจะชอบเล่นของเล่น ที่ปลุกสัญชาติญาณนักล่าของมัน เช่น ไม้ตกแมวที่ทําให้มันได้วิ่งไล่จับ ตะครุบ เหยื่อ รับรองว่าน้องแมวจะต้องหลงรักเราแน่ๆ

 

เครดิตข้อมูล
นิตยสาร Pet Hipster

ท่าทางบอกรัก ของน้องหมา

โดยปกติแล้วเวลาน้อง หมาต้องการจะสื่อสารกับเรา มักจะใช้การสื่อสารด้วยภาษากาย เป็นหลัก เช่น การเขี่ยขา เพราะ ต้องการขนมหรือการกระดิกหาง รัวๆ เมื่อดีใจเป็นต้น แล้วมีภาษา กายอะไรบ้างนะที่น้องหมาแสดง ออกเพื่อบอกรักเรา ไปทําความ เข้าใจกับภาษาบอกรักของน้อง หมากันเถอะ

1.นอนหงายพุง
ท่าแรกเรามักจะเห็นน้อง หมาทําบ่อยๆ นั้นก็คือ การนอน หงายโชว์พุงอ้วนๆ นั่นเอง บริเวณพุงของน้องหมาเป็นส่วนที่เปราะบาง มากที่สุด ดังนั้น การนอนหงายของ น้องหมาจึงเป็นการแสดงออกถึงความ ไว้ใจเชื่อใจและรู้สึกปลอดภัย และ ยังเป็นการบอกเป็นนัยๆ อีกด้วยว่า “มาเกาพุงของฉันสิมนุษย์”

2.เลียจนปียก
ทาสหมาหลายคน คงต้องเคยโดยน้องหมาของตัวเองเลีย ทั้งเลียหน้า เลียตัว เพราะการเลียเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย การเอาใจใส่ของ น้องหมา เหมือนกับที่แม่สุนัขเลียลูกสุนัขนั้นแหละ บางครั้งสุนัขติดนิสัยเหล่านี้ มาใช้กับมนุษย์ เพื่อแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย และ ความจงรักภักดีนั้นเอง

3.หาวตามเวลาที่คุณหาว
ว่ากันว่าเราสามารถรู้ได้ว่า ใครแอบชอบเราด้วยการหาว ใคร หาวตามก็คนนั้นแหละที่แอบมองเรา อยู่ เพราะการหาวเป็นเหมือนโรค ติดต่อ เห็นใครหาวเป็นต้องอยากหาว ตามทุกที สําหรับน้องหมา การหาว ตามเกิดจากการเรียนรู้พฤติกรรม ของเจ้าของและทําตาม และเกิดจาก สายสัมพันธ์จึงมักจะพบว่าน้องหมา จะหาวตามเจ้าของมากกว่าหาวตามคนแปลกหน้า

4.จ้องตา
น้องหมาของใครชอบจ้องหน้าบ้าง บางตัวจ้องจนเราเกร็งกันเลย ทีเดียว การจ้องหน้าของน้องหมาเป็น การเรียกร้องความสนใจ อยากให้ เราเล่นหรือมอบความรักให้กับมัน หรืออีกอย่างก็เพื่อบอกเราว่า “รักนะครับเจ้าทาส” ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง สุนัขบอกว่าเมื่อสุนัขจ้องตาคุณ ก็เหมือนการกอดด้วยสายตานั้นเอง

5.นําของเล่นชิ้นโปรดมาให้
หากสุนัขคาบของเล่นชิ้นโปรดมาให้ ไม่ได้หมายถึงว่าต้องการชวนเสน อย่างเดียว แต่น้องหมาคิดว่าเราคือหัวหน้าและต้องการที่จะเอาใจโดยการมอบ ที่ดีที่สุดให้นั้นก็คือของเล่นชิ้นโปรดนั้นเอง

เครดิตข้อมูล
นิตยสาร Pet Hipster

สุนัขท้องโตเกิดจากอะไร

น้องหมาบ้านไหนพุงป่องบ้าง โดยเฉพาะน้องหมาเด็กๆ คุณคงคิดว่าเป็นแค่พยาธิล่ะซิ ซื้อยาถ่ายพยาธิมาให้น้องทานเดี๋ยวพุงก็คงหายป่องใช่ไหม
อยากจะบอกว่าน้องหมาพุงป่องบ้างครั้งก็ไม่ได้เกี่ยวกับการเป็นพยาธินะ เคสนี้ เพจคลินิคพอเพียงรักษาสัตว์ คุณหมอได้นำมาแชร์ให้ทุกคนได้รับรู้กันว่าน้องหมาพุงป่อง อย่าคิดว่าเป็นแค่เรื่องพยาธิ

น้องหมาตัวนี้มาด้วยอาการพุงป่องประหนึ่งบอลลูนกำลังจะแตก แต่ยังสามารถกินได้ปกติดีทุกอย่าง เจ้าของเชื่อว่ามีพยาธิเลยซื้อยาให้กินจากนั้น 1เดือนพุงก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆประหนึ่งกำลังจะคลอด

ภาวะดังกล่าวเราเรียกว่า ascites หรือภาวะท้องมาน พบมากในสุนัขจรจัด หรือสุนัขทั่วไปก็เป็นได้  อาการท้องมาน คือการที่มีของเหลวสะสมอยู่ภายในช่องท้องมากกว่าปกติ ซึ่งสาเหตุมากมาย เช่น
1. ภาวะที่ร่างกายมีโปรตีนอัลบูมินต่ำ อัลบูมิน
2. โรคตับที่รุนแรง
3. โรคหัวใจ
4. เนื้องอกในช่องท้อง
5. ช่องท้องอักเสบ
6. ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด
7. โรคที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง
8. เส้นเลือดอุดตัน โดยเฉพาะเส้นเลือดจากตับ ที่ไหลกลับไปสู่หัวใจ

การรักษา
แนะนำให้พามาหาคุณหมอเพื่อวินิจฉัยอาการได้อย่างถูกต้อง อย่าให้ยาถ่ายพยาธิเอง  เมื่อคุณหมอทำการวินิจฉัยเรียบร้อย ในการรักษาเบื้องต้นกรณีช่องท้องขยายใหญ่ เพราะมีน้ำในช่องท้องมาก จนทำให้สุนัขไม่สบายตัว หายใจลำบาก ก็จำเป็นจะต้องเจาะระบายน้ำในช่องท้องออก ร่วมกับการให้ยาขับน้ำ โดยที่ต้องไม่ระบายน้ำออกมาจนมาเกินไป เพราะอาจทำให้สุนัขช็อกได้

เครดิตข้อมูลภาพ
คลินิคพอเพียงรักษาสัตว์ – นิยม

สุนัขและแมวชักต้องทำอย่างไร

อาการชักที่เกิดขึ้นกับหมาและแมว มักทำให้เจ้าของตกใจทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะช่วยน้องอย่างไร จนบางครั้งทำให้น้องหมาน้องแมวจากไป ทีม PETSAYHI ขอนำบทความคำถามเกี่ยวอาการชักจาก คุณหมอ โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน มาแชร์ให้ทุกคนได้รู้และได้อ่านกัน

เครดิตข้อมูล สัตวแพทย์ประจำศูนย์ระบบประสาท โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน หมอหมวย หรือ สพ.ญ.ปิโยรส โพธิพงศธร

.
1. อาการชัก เป็นอย่างไร
เมื่อน้องหมาหรือแมวชัก จะมีอาการ เกร็ง ตาลอย เคี้ยวปาก น้ำลายไหล ชักปั่นจักรยาน ปัสสาวะและอุจจาระราด แต่ถ้าหาก น้องหมาแค่มีอาการที่คล้ายกัน เช่น เป็นลดหมดสติ อ่อนแรงเดินแล้วล้ม หรือปวดเกร็งจนเดินไม่ได้ แบบนี้ไม่เรียกว่าเป็นอาการชัก ดังนั้น หากเจ้าของเข้าใจอาการของน้องหมาหรือแมวอย่างถูกต้องก็จะให้ข้อมูลหมอได้ถูกต้องอันมีผลต่อการรักษาพยาบาล
.
2. การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อน้องหมาและแมว เกิดอาการชัก
กรณีที่ชักครั้งแรก ขอให้คุณตั้งสติ หาผ้าสะอาดมาเช็ดคราบน้ำลายเพื่อป้องกันการสำลัก และควรรีบพาส่งโรงพยาบาลสัตว์ที่ใกล้ที่สุดทันที
.
3. การให้ข้อมูลอาการของน้องหมาและแมว
เรื่องนี้สำคัญมาก เจ้าของควรลำดับเหตุการณ์ก่อนชักว่ามีอาการอย่างไร มีอาการแบบนี้บ้างไหม เช่น ไม่ทานข้าว หลบซ่อนตัว กระวนกระวาย หายใจหอบ ฯลฯ และควรเล่าประวัติเพิ่มเติมให้สัตวแพทย์ทราบ เช่น มีโรคประจำตัวอะไร ต้องกินยาอะไรอย่างต่อเนื่อง ช่วงที่มีอาการชัก มีอาการอย่างไร และกินเวลานานแค่ไหน
หากเป็นไปได้ถ้าเจ้าของถ่ายคลิปวีดีโอขณะที่น้องมีอาการมาประกอบให้คุณหมอได้ดูวินิจฉัยโรคด้วยจะเป็นเรื่องที่ดีมาก
.

4. วิธีการรักษา
เบื้องต้นสัตวแพทย์จะให้ยาลดอาการชัก หรือตรวจเลือดเพื่อหาความผิดปกติ ดูค่าตับ ค่าไต ดูระดับน้ำตาลในเลือดตรวจหาเชื้อ เพื่อหาความผิดปกติ ต่างๆ หากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะเช่นนี้ก็ทำให้น้องหมาและแมวชักได้ หรือหากติดเชื้อไข้หัด ก็ทำให้เกิดอาการชักได้เช่นกัน
หากน้องหมาแมวไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้อันเนื่องมาจากตับวาย หรือไตวาย ก็ทำให้เกิดอาการชักได้เช่นกัน ดังนั้นการตรวจเลือดดูค่าตับหรือไต จึงเป็นวิธีที่ดีสำหรับวินิจฉัยหาสาเหตุของโรคอีกวิธีหนึ่ง
.
5. อาการชักอันเนื่องจากโรคทางพันธุกรรม
ถ้าน้องหมาหรือแมวมีอาการชักในช่วงอายุ 6 เดือน – 6 ปี ก็สันนิษฐานว่าเป็นโรคลมชัก ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรม ไม่ควรให้น้องหมามีลูกต่อไปเราควรทำหมันน้องหมาหรือน้องแมวเพื่อยุติโรคนี้ แต่หากน้องหมาหรือแมวเกิดอาการชักในอายุที่มากกว่า 6 ปีไปแล้ว สันนิษฐานว่าอาจะเกิดจากเนื้องอกที่สมอง หรือเป็นมะเร็งที่สมอง ซึ่งอาจจะต้องเอ๊กซ์เรย์ หรืออัลตร้าซาวนด์ เพื่อตรวจดู
.
6. อาการอื่นๆที่คล้ายกับอาการชัก
ยังมีโรคที่เกิดจากระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ หรือการเจ็บปวดที่ร่างกาย ก็จะมีอาการคล้ายกับการชัก แต่ไม่ใช่เพราะมาจากระบบอื่นๆของร่างกายไม่ใช่เกิดมาจากระบบประสาท ดังนั้น เจ้าของสุนัขควรทำความเข้าใจกับอาการชักให้ถูกต้อง
.
7. อย่าเฉยเมยหรือนิ่งนอนใจกับอาการชัก
บางครั้งเมื่อหมาหรือแมวมีอาการชักและสามารถกลับมาเป็นปกติได้ อาจทำให้เจ้าของเคยชินและคิดเอาเองว่าเป็นแล้วเดี๋ยวก็หายเอง ซึ่งหมอไม่อยากให้เจ้าของคิดเช่นนี้
ในกรณีที่น้องหมามีอาการชักมากกว่า 1 ครั้ง สิ่งที่เจ้าของต้องหมั่นสังเกตคือ อาการชักเกิดถี่แค่ไหน เกิดแต่ละครั้ง นานแค่ไหน และเริ่มรบกวนการดำเนินชีวิตปกติหรือไม่ เจ้าของควรพาน้องหมามาตรวจหาสาเหตุเพื่อทำการรักษาที่ถูกต้อง ไม่ความปล่อยให้น้องหมาหรือแมวชักอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะการชักแต่ละครั้งสมองจะขาดออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง หากสมองขาดออกซิเจนนานเกิน 5 นาทีก็มีโอกาสที่น้องหมาหรือแมวจะเสียชีวิตหรือเป็นอัมพาตได้

ดังนั้นหากน้องหมาและแมวเกิดอาการชัก ก็ไม่ควรปล่อยไว้ ควรพาตรวจและรับคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ เพื่อเราจะได้ช่วยกันหาแนวทางการรักษา และให้น้องหมาและแมวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถอยู่กับเราได้ไปนานๆ

เครดิต ข้อมูล
โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน

3สัตว์มีพิษ ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตกับสุนัข

เหล่าทาสหมาทั้งหลายคงจะ เคยเห็นภาพน้องหมาหน้าบวมๆ อาจจะคิดว่าดูน่ารักดี แต่จริงๆ แล้ว รู้หรือไม่ว่า การบวมเป็นผลจากพิษ ของสัตว์ ซึ่งบางชนิดอาจเป็นอันตราย ถึงชีวิตเลยทีเดียว เราไปดูดีกว่าว่า มีสัตว์อะไรบ้าง และมีวิธีรับมืออย่างไร เมื่อน้องหมาโดนพิษของสัตว์เหล่านี้

คางคก
เพื่อนรักตัวแรกที่น้องหมาชอบไปแหย่เล่นมาก ๆ ก็คือ “คางคก” คางคกเป็นอันตรายต่อสุนัขมาก เนื่องจากมันมีต่อมพิษอยู่บริเวณผิวหนัง เป็นต่อมที่เก็บและขับสารพิษ เมื่อน้อง หมาไป กัด หรือคาบเล่น มันจะปล่อย พิษออกมา พิษจะถูกดูดซึมผ่านช่อง ปากและซึมเข้ากระแสเลือด ยิ่งถ้า บังเอิญกินเข้าไปพิษจะถูกดูดซึมผ่านทางเดินอาหาร อาจเสียชีวิตได้
อาการ
ผิวหนังบวมแดง น้ําลายไหลมาก กว่าปกติหายใจเร็ว เกาบริเวณปากและส่ง เสียงร้อง ถ้าโดนพิษมากจะมีฟองที่ปากและ
อาจมีอาการตากระตุกเดินไร้ทิศทาง คางคก อาเจียน หากรุนแรงจะมีอาการชักร่วมด้วย
วิธีรับมือเนื้องต้น
หากเพิ่งได้รับพิษสามารถล้างปาก โดยให้น้ําไหลผ่านออกมาจากปาก โดยทิศทางการไหลของน้ํานั้นห้ามไม่ให้ไหลเข้าจมูกหรือปาก และควรรีบพาไป พบสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด

แมงป่อง
แมงป่องจะใช้ปลายหางต่อย และปล่อยพิษที่มีฤทธิ์ต่อระบบ ประสาทและระบบเลือด แผลที่ถูกแมงป่องต่อยจะมี 1 รู และเจ็บปวดมาก
อาการ
น้ําลายฟูมปาก อาเจียน เลือดไหลไม่หยุด อ่อนแรง มีอาการหายใจลําบากร่วมด้วย ร้องแบบเจ็บปวด
วิธีรับมือเนื้องต้น
ให้โกนขนที่แผล ทําความสะอาดแผลด้วยน้ําสะอาดหรือน้ําเกลือ ล้างแผล บรรเทาอาหารบวมและปวดด้วยการประคบเย็นเนื่องจาก แมงป่องมีพิษร้ายแรง ควรนําตัวส่งสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด

ตะขาบ
ตะขาบก็เป็นเพื่อนรักอีกตัวที่น้องหมา ชอบเล่นด้วย พิษอาจไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต แต่ ก็ทําให้เจ็บปวดมากเหมือนกัน
อาการ
มีรอยเขี้ยว 1 – 2 แผล พิษจะทําให้เจ็บปวด แดง ร้อน ควรระวังการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งอันตรายกว่าพิษของตะขาบเสียอีก
วิธีรับมือเบื้องต้น
เช่นเดียวกับการโดนแมงป่องต่อย คือควร ทําความสะอาดแผลด้วยน้ําสะอาดหรือน้ําเกลือ ล้างแผล หากปวดบวมให้ประคบเย็นบริเวณที่ถูก กัดเพื่อลดปวด และรีบส่งให้ถึงมือสัตวแพทย์โดยเร็ว

 

เครดิตข้อมูล
MagazinePetHipster

หาบ้านที่ใช่ ให้สัตว์ไร้บ้าน

“หาบ้านที่ใช่ ให้สัตว์ไร้บ้าน”
.
‘’RightBaan’’ เว็บสื่อกลางรวบรวมสัตว์จรจัดจากสถานพักพิงต่างๆ ที่รอเจ้าของใหม่ใจบุญอย่างคุณมารับกลับบ้าน
ไอเดียจากนิสิตคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาสัตว์จรจัด และปัญหาการส่งต่อข่าวสารการอุปการะสัตว์จรจัดที่กระจัดกระจายอยู่หลายช่องทางในขณะนี้ จึงได้จัดทำสื่อกลางนี้ขึ้น เพื่อหวังว่าจะมีประโยชน์ต่อเจ้าสี่ขา และผู้ที่กำลังมองหาสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ให้ได้เจอกันง่ายขึ้น

สถานพักพิงสัตว์ที่เข้าร่วมโครงการ ณ ตอนนี้ ถึง 4 แห่ง ได้แก่ ชมรมสวัสดิภาพสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เพจ JohnJud), Soi dog Thailand, WVS Care For Dogs และโครงการหาบ้านใหม่ให้สุนัขจรจัด คณะเทคนิคสัตว์แพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
(เครดิต https://www.sanook.com)

*ในระยะเริ่มต้นนี้ แนะนำให้เปิดใช้งานผ่าน smart phone โดยสามารถใช้ได้ทั้ง ios และ android

เครดิต
rightbaan.com

น้องหมากินโยเกิร์ตได้ไหม

น้องหมากับโยเกิร์ต

เจ้าของหลายท่านเวลารับประทานโยเกิร์ต น้องสุนัขจะมาขอรับประทานด้วย อาจจะสงสัยว่าน้องสุนัขสามารถรับประทานโยเกิร์ตได้หรือไม่

ปกติผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมวัว สุนัขอาจจะกินเข้าไปแล้วท้องเสีย เนื่องจากไม่มีเอนไซม์ไว้ย่อยแลคโตสที่อยู่ในน้ำนมครับ แต่โยเกิร์ตจะมีจุลินทรียืที่มีโปรไบโอติกประกอบอยู่ ทำให้สามารถย่อยแลคโตสได้ดีขึ้น จึงถูกดูดซึมได้ง่ายเมื่อสุนัขกินทำให้ลดอาการท้องเสียจากการกินนมได้ นอกจากนี้ในโยเกิร์ตก็ยังประกอบไปด้วยวิตามินแร่ธาตุต่างๆ ช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง แต่สำหรับน้องตัวไหนที่กินโยเกิร์ตและยังมีอาการถ่ายเหลวทุกครั้งที่กิน ก็แนะนำให้งดรับประทาน

 

เครดิตภาพ
https://www.seattletimes.com/

รู้ได้อย่างไรว่าสุนัขเป็นโรคหัวใจ

เจ้าของสุนัขหลายคนคงสงสัยไหมว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าสุนัขของเราเริ่มป่วยเป็น โรคหัวใจ จริงๆแล้วโรคหัวใจนั้นมีทั้งแบบที่ไม่แสดงอาการและแบบที่แสดงอาการ เราจะเริ่มสังเกตเห็นอาการก็ต่อเมื่อโรคหัวใจที่เป็นนั้นส่งผลต่ออวัยวะ อื่นๆแล้วถึงจะแสดงอาการให้เราเห็น

ปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อการเป็นโรคหัวใจ
อายุ แบ่งเป็น โรคหัวใจที่เป็นมาแต่กำเนิด ซึ่งมักพบในสุนัขที่มีอายุน้อยกว่า 1ปี และโรคหัวใจที่เป็นภายหลัง มักพบในสุนัขที่อายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป
สายพันธุ์ มักพบว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น Doberman pinscher , Boxer มักพบว่ามีปัญหาเป็นโรคหัวใจจากการขยายขนาดของห้องหัวใจ
ส่วนสุนัขพันธุ์ เล็ก เช่น Poodle, Pomeranian, Miniature schnauzers, Chihuahua, Shitzu เป็นต้น มักพบปัญหาของลิ้นหัวใจรั่วหรือปิดไม่สนิท
เพศ พบว่าไม่ว่าจะเป็นเพศผู้หรือเพศเมียก็มีโอกาสเป็นโรคหัวใจได้ไม่ต่างกัน

อาการที่พบในสุนัข

  • เหนื่อยง่าย
  • มีอาการไอ
  • หายใจลำบาก
  • เป็นลม หรือหมดสติ
  • ท้องมาน
  • มีภาวะบวมน้ำตามใต้ผิวหนังและอวัยวะส่วนปลาย
  • เยื่อเมือกทั่วร่างกายเป็นสีม่วง
  • การเจริญเติบโตช้าผิดปกติ
  • น้ำหนักตัวลดลง

น้องสุนัขใครมีอาการเหล่านี้แนะนำให้พาไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจวินิจฉัย ของโรคต่อไป

เครดิตข้อมูล
โรงพยาบาลสัตว์ สวนหลวงสัตวแพทย์ (SLV)

แชมพูคนใช้อาบน้ำสุนัขได้ไหม

เจ้าของสุนัขบางท่านอยากจะให้สุนัขมีกลิ่นหอมกลิ่นเหมือนเจ้าของ หรือแชมพูอาบน้ำสุนัขที่บ้านหมดพอดี เลยมีข้อสงสัยว่าสุนัขสามารถใช้แชมพูของคนมาอาบน้ำแทนได้หรือไม่

อธิบายข้อแตกต่างระหว่างแชมพูคนกับสุนัขและข้อควรระวังดังนี้

แชมพูคนจะมีค่าความเป็นกรดมากกว่าของสุนัข ค่าpH ของแชมพูคนจะอยู่ประมาณ5.5 ส่วนสุนัขจะ อยู่ที่ 6.5-7.5 และ ส่วนผสมต่างๆในแชมพูที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเมื่อนำแชมพูคนมาอาบน้ำให้สุนัขจากค่ากรดด่างที่แตกต่างกัน โครงสร้างผิวหนังแตกต่างกัน ผิวของน้องอาจจะแห้งมากขึ้นเมื่อใช้เป็นเวลานานๆ หรือผิวหนังอาจจะมีอาการแดงคันและแพ้หลังอาบน้ำ และทำให้เกิดโรคผิวหนังตามมา

ดังนั้นเราไม่ควรนำแชมพูของคนมาอาบน้ำให้น้องสุนัข ควรจะใช้แชมพูของสุนัขโดยตรงเพื่อป้องกันอาการแพ้หรือโรคผิวหนังต่างๆที่จะตามมา

หมาไล่กัดคน คนตีหมา ใครผิด

การเลี้ยงน้องหมาหรือสัตว์เลี้ยง ไม่ใช่เราแค่ให้ข้าวให้น้ำน้อง ความดูแลเราใจใส่สัตว์เลี้ยงด้วย ไม่ทำให้สัตว์เลี้ยงเราไปก่อกวน ไล่กัดคนอื่น เช่นการวิ่งไล่กัดรถ แบบนี้ทั้งน้องหมาและคนอื่นอาจจะได้รับอันตราย คนขับรถอาจทำให้รถล้มหรือน้องหมาอาจจะถูกรถชนเลยก็ได้

ภาพจากวงจรปิดจับภาพหมาไล่กัดคน ซึ่งถ้าเจ้าของสัตว์ปล่อยปะละเลย ให้สัตว์ออกมาเพ่นพ่านแล้วกัดผู้อื่น มีโทษจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 377 โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ถ้าถูกหมากัดแล้วตีหมา ไม่ผิดกฎหมายทารุณกรรมสัตว์ มาตรา 20 เพราะสามารถอ้างตามมาตรา 21 อนุ 6 การฆ่าสัตว์เพื่อความจำเป็นในการป้องกันชีวิต ร่างกายมนุษย์ หรือทรัพย์สิน สามารถทำได้ กฎหมายคุ้มครองคน รวมถึงเจ้าของหมาจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย

ยาคนให้สัตว์กินได้หรือไม่

ยาคนกับยาสัตว์ต่างกันอย่างไร ?

ยาคน หมายถึง ยาที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเพื่อใช้ในคน และ
ยาสัตว์ หมายถึง ยาที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเพื่อใช้ในสัตว์

  1. ในแง่ของการผลิตและการขอขึ้นทะเบียนนั้นเป็นเช่นเดียวกับยาที่ใช้ในคนและมีมาตรฐานการผลิตที่เป็นมาตรฐานเดียวกันแต่ความแตกต่างที่สำคัญ คือ จำนวนตัวอย่างที่ใช้ศึกษาผลทางคลินิกนั้นมีจำนวนตัวอย่างน้อยกว่ายาที่ใช้ในคน
  2. การศึกษาผลของยาและพิษวิทยาของยาที่ใช้ในคนนั้น แม้ว่ายาจะได้มีการทดลองในห้องทดลองโดยใช้สัตว์ทดลองมาก่อนก่อนที่จะนำมาทดลองทางคลินิกกับคนไข้เพื่อประกอบการขอขึ้นทะเบียนยา แต่บริษัทผู้ผลิตยาไม่มีสิทธิที่จะโฆษณาหรือประกาศว่า ยาชนิดนั้นใช้ในสัตว์ได้ จนกว่าจะมีการขอขึ้นทะเบียนเพื่อใช้เฉพาะในสัตว์ โดยต้องระบุชนิดของสัตว์ รวมทั้งขนาด และสรรพคุณอื่นๆ
  3. อย่างไรก็ตามสัตวแพทย์อาจสั่งใช้ยาของคนเพื่อมารักษาสัตว์ที่ตนดูแลได้ตามความจำเป็นและเห็นสมควร โดยทั่วไปสัตวแพทย์จะเลือกใช้ยาที่ขึ้นทะเบียนยาสัตว์ก่อน หากไม่ได้ผลหรือไม่อาจหายาสัตว์รักษาได้จึงจะคิดถึงการนำยาที่ใช้ในคนมาใช้ทดแทน ขนาดของยาที่จะนำมาใช้ทดแทนนั้นต้องเป็นไปตามที่นักวิจัยทางสัตวศาสตร์ได้ทดลองและตีพิมพ์ผลการศึกษานั้นในวารสารวิชาการทางสัตวศาสตร์ที่สามารถอ้างอิงได้ โดยจะมีการรวบรวมขนาดยาและสรรพคุณของยาสัตว์และยาคนที่ใช้ในสัตว์ไว้ในหนังสือคู่มือยาสัตว์เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์ใช้ในทางคลินิกต่อไป
  4. จำนวนชนิดของยาที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเพื่อใช้ในสัตว์นั้นมีจำนวนน้อยกว่ายาที่ใช้ในคน เนื่องจากตลาดเล็กกว่ามาก ดังนั้นจำนวนการผลิตจึงน้อยทำให้ต้นทุนมีราคาแพงกว่ายาที่ใช้ในคน การนำยาคนมาใช้ในสัตว์จึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของเจ้าของสัตว์เลี้ยงได้ในระดับหนึ่ง
  5. แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่สามารถที่จะนำยาคนทุกตัวมาใช้กับสัตว์ได้ เพราะถึงแม้ว่ายาทุกตัวจะมีฤทธิ์ต่อคนและสัตว์คล้ายกัน แต่การตอบสนองของร่างกายคนและสัตว์อาจแตกต่างกัน ยาบางชนิดมีพิษต่อคนต่ำแต่มีพิษต่อสัตว์สูง เจ้าของจึงไม่ควรนำยาคนมาใช้ในสัตว์ โดยไม่ได้รับความเห็นจากสัตวแพทย์ก่อน

ถาม: เมื่อสุนัขและแมวป่วยจะให้ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้แพ้ และยาลดน้ำมูกของคนได้หรือไม่ ?

ตอบ: ยาสามัญประจำบ้านหรือยาที่ใช้กันเป็นประจำเพื่อลดไข้บรรเทาปวดในคน เช่น ยาแอสไพริน หรือยาพาราเซตามอล รวมไปถึง ยาแก้แพ้และยาแก้คัดจมูกนั้น ไม่ได้ปลอดภัยหรือมีความเป็นพิษตํ่าในสุนัขและแมวเช่นเดียวกับคน แต่อาจทำให้เกิดความเป็นพิษหรือเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นไม่ควรป้อนยาให้สุนัขและแมวของท่านเองโดยไม่ได้ปรึกษาสัตวแพทย์ก่อน

  1. แอสไพรินแมว จะไวต่อพิษมากกว่าสุนัข เนื่องจากร่างกายของแมวจะเปลี่ยนแปลง และขับยาแอสไพรินออกไปได้อย่างช้าๆ สำหรับขนาดที่อันตรายสำหรับแมวอยู่ที่ 26 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวแมว 1 กิโลกรัม (ยาแอสไพริน 1 เม็ด ขนาดเท่ากับ 500 มิลลิกรัม) อาการแสดงความเป็นพิษ ได้แก่ ซึม อาเจียนจนถึงอาเจียนเป็นเลือด หายใจถี่ อุณหภูมิร่างกายสูง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปอดบวม สมองบวม โคม่า และเสียชีวิตได้สุนัข จะมีปัญหาเกี่ยวกับเอนไซม์ในการเปลี่ยนแปลงยาน้อยกว่าแมว แต่ปัญหาที่มักพบจากการได้รับยาแอสไพรินในสุนัข คือ การระคายเคืองทางเดินอาหาร มีเลือดออก และเกิดแผลหลุมในกระเพาะอาหาร ขนาดที่อันตรายคือ 55 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวสุนัข 1 กิโลกรัมเป็นต้นไป การดูแลขั้นต้นอาจทำให้อาเจียน ป้อนผงถ่าน (activated carbon) แล้วรีบส่งโรงพยาบาลสัตวทันที
  2. พาราเซตามอลแมว จะไวต่อความเป็นพิษของยาพาราเซตามอลได้มากกว่าสุนัข โดยขนาดยาเพียง 45-55 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ก็สามารถทำให้เกิดความเป็นพิษได้ จึงไม่แนะนำให้ใช้ยาตัวนี้ในแมว (พาราเซตามอล 1 เม็ด ขนาดเท่ากับ 500 มิลลิกรัม) เนื่องจากในแมวนั้นขาดเอนไซม์ที่ใช้เปลี่ยนแปลงยาทำให้ยาเกิดความเป็นพิษขึ้น โดยจะมีความเป็นพิษร้ายแรงต่อไต ตับ ระบบทางเดินอาหาร และระบบเลือด โดยเม็ดเลือดแดงของแมวนั้นไวต่อการถูกทำลาย ทำให้ไม่สามารถขนส่งออกซิเจน ส่งผลให้แมวเสียชีวิตได้ อาการที่แสดงความเป็นพิษจะเกิดขึ้นภายใน 4-12 ชั่วโมงหลังจากได้รับยา โดยอาการที่อาจพบได้ในระยะเริ่มแรก คือ น้ำลายฟูมปาก อาเจียน ซึม หายใจลำบาก เหงือกมีสีคล้ำ อุ้งมือบวม อุ้งเท้าบวม หน้าบวม และเบื่ออาหาร อาการทั้งหลายเหล่านี้จะแสดงหลังได้รับยาเพียง 1-2 ชั่วโมง หลังจากนั้นตับอาจเสียหาย เริ่มสังเกตเห็นอาการดีซ่าน ชัก โคม่า และเสียชีวิตได้ภายใน 18-36 ชั่วโมง
    สุนัข ขนาดของยาที่ทำให้เกิดความเป็นพิษจะสูงกว่าในแมว คือ 165-250 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมเป็นต้นไป ความเป็นพิษมักเกิดขึ้นกับตับ และไต ทำให้เกิดภาวะตับ และไตวายได้ อาการที่แสดงความพิษที่พบได้ คือ ซึม อาเจียน น้ำปัสสาวะสีน้ำตาลแดงคล้ำ และเสียชีวิตภายใน 2-5 วัน ดังนั้นเจ้าของสัตว์เลี้ยงจึงไม่ควรให้ยาพาราเซตามอลกับสุนัขและแมวด้วยตนเอง หากจำเป็นควรอยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์ การรักษาแมวที่ได้รับพิษมักไม่ได้ผล สำหรับสุนัขได้ผลดีกว่า ทั้งนี้ขึ้นกับขนาดยาที่ได้รับ อาจทำให้อาเจียน ป้อนผงถ่าน (activated carbon) แล้วรีบพาไปโรงพยาบาลสัตว์ทันที
  3. ยาแก้แพ้ เช่น ตัวที่เรารู้จักกันดีที่มีชื่อว่า CPM หรือคลอเฟนิรามีน ถึงแม้ยาตัวนี้จะมีการนำมาใช้รักษาในทางสัตวแพทย์ แต่หากได้รับเข้าไปเกินขนาดก็จะทำให้เกิดความเป็นพิษร้ายแรงต่อระบบประสาทส่วนกลาง อาจพบอาการตื่นเต้นไปจนถึงมีอาการชัก หรือ ซึมไปจนถึงโคม่า กดการหายใจ หายใจลำบาก และเสียชีวิตได้ การดูแลขั้นต้นอาจทำให้อาเจียน ป้อนผงถ่าน (activated carbon) แล้วรีบพาไปโรงพยาบาลสัตว์ทันที

เครดิตข้อมูล
https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/

โหดเกิน!! วางยาเบื่อแม่หมาท้องแก่ ตายพร้อมลูก 2 ตัว อีก 2 ตัวรอด

#เรื่องเล่าบนออนไลน์

facebook  “กิตติทัต จันต๊ะนาเขตร์”โพสต์เรื่องราวสะเทือนใจ แม่สุนัขท้องแก่ใกล้คลอด ถูกวางยาเบื่อ ทำให้แม่สุนัขตายพร้อมลูก 2 ตัว

 

สุนัขท้องใกล้คลอดแล้ว แต่โดนคนใจร้าย วางยา ดิ้นทุรนทุราย ก่อนตาย ได้คลอดลูกมาสี่ตัว ลูกรอด 2ตัว อีก2ตัวโดนพิษยาพร้อมกับแม่ เลยไม่รอด สงสารมากครับ ถ้าบ้านใครมีหมาที่พึ่งคลอดช่วงนี้ ผมรบกวนฝากเอาลูกหมา2ตัวนี้ให้ได้กินนมสัก20วัน แล้วผมจะนำกลับมาเลี้ยงครับตอนนี้ให้นมขวดไม่รู้ว่าจะรอดไหมครับ ถ้ากรุนณา 081-6731129.081-7830278อยู่ บ้านชียงคาน อำเภอเชียงคำ จ .พะเยาครับ

 

 

คุณกิตติทัต เล่าให้ทีมข่าว  siamrath.co.th

แม่หมาท้องแก่อายุ 2 ปี วิ่งเข้ามาหาตนเองด้วยท่าทางทุรนทุรายเหมือนจะมาขอความช่วยเหลือ มีน้ำลายฟูมปาก และเริ่มมีอาการเหมือนจะตกลูก  ลูกสาวและภรรยาจึงช่วยทำคลอดให้ และพยายามนำไข่ไก่มากรอกปากก่อนจะรีบนำส่งคลินิกสัตว์ ระหว่างทางเจ้าเฉาก๊วยก็ตกลูกออกมา 1 ตัว ทางคลินิกก็ได้ให้การช่วยเหลือและนำตัวมาพักดูอาการที่บ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็มีลูกสุนัขออกมาอีก 2 ตัว แต่ตายหมดและเจ้าเฉาก๊วยก็ขาดใจตายด้วยอาการทุรนทุรายอย่างทรมาน

 
เครดิต siamrath.co.th/

ตอนนี้มีลูกเฉาก๊วยรอด 2 ตัว คุณกิตติทัต ได้ทำการดูแลโดยให้นมแพะตามที่คุณหมอแนะนำ  ใครมีแม่หมาที่กำลังให้นมลูกแจ้งความประสงค์ได้ที่คุณกิตติทัต โทร. 081-6731129 หรือ 081-7830278
พิกัด บ้านชียงคาน อำเภอเชียงคำ จ .พะเยา

 

เครดิต
siamrath.co.th
facebook  “กิตติทัต จันต๊ะนาเขตร์”

น้องหมานอนกรนเกิดจาก..อะไร

ใครได้ยินเสียงเจ้าตูบที่นอนอยู่ข้าง ๆ กรนบ้างไหม?
สงสัยไหมว่าทำไมเวลาน้องหมานอนถึงได้มีเสียงกรน

น้องหมานอนกรน เกิดจากการที่มีบางสิ่งบางอย่างอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบนอยู่ หรือ เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างร่างกายบางอย่าง เช่น กะโหลกศีรษะ กระดูกใบหน้าหรือโครงสร้างของหลอดลม ทำให้มีภาวะหยุดหายใจไปชั่วขณะ นั่นคือการนอนกรนนั่นเอง
และสาเหตุต่างๆ ที่สามารถทำให้น้องหมานอนกรน

1. อ้วนเกินไป การที่น้องหมามีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
จะทำให้มีไขมันสะสมกระจาย อยู่ตามเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย เช่น สะโพก ท้อง ต้นขา และยังพบว่ามีเนื้อเยื่อไขมันกระจาย
อยู่รอบๆ ทางเดินหายใจช่วงบนมากขึ้นด้วย โดยไขมันที่พอกบริเวณคอนี้เองจะทำให้ช่องคอแคบลงได้ ร่วมกับการที่หน้าท้องมีไขมันเกาะอยู่มากทำให้กะบังลมทำงานได้ไม่เต็มที่ ความจุของปอดลดลง

2. แน่นจมูก  จมูกเป็นต้นทางของทางเดินหายใจ
ภาวะใดก็ตามที่ทำให้เกิดอาการแน่นจมูก เช่น น้องหมาเป็นหวัดมีน้ำมูก ภูมิแพ้ เยื่อบุจมูกอักเสบ ไซนัสอักเสบ หรือมีเนื้องอกในจมูก ย่อมทำให้เกิดอาการกรนขึ้นได้

3. หน้าแบน เช่น น้องหมาพันธุ์ ปักกิ่ง ปั๊ก ชิสุ บูลด็อก บอสตัน เทอร์เรียร์ เป็นต้น การที่มีหน้าตาแบนๆ จะทำให้มีพื้นที่ทางเดินหายใจช่วงบนแคบลงและเกิดการอุดตันได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเกิดการติดเชื้อ
ในทางเดินหายใจ จึงทำให้นอนกรน

4. การใช้ยาชาเฉพาะที่ เมื่อมีการใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อระงับอาการเจ็บปวดต่างๆ ในน้องหมาอาจ ส่งผลให้กล้ามเนื้อต่างๆ คลายตัวลงจึงทำให้เกิดการอุดตันทางเดินหายใจได้

5. อยู่ในที่ที่มีควันบุหรี่ การที่น้องหมาต้องอยู่ในที่ซึ่งมีควันบุหรี่หรือเจ้าของสูบบุหรี่ ก็จะทำให้น้องหมา ได้รับควันบุหรี่ไปด้วย ซึ่งควันบุหรี่นั้นจะทำให้ประสิทธิภาพของระบบทางเดินหายใจแย่ลง ทำให้คออักเสบจากการระคายเคือง มีการหนาบวมของเนื้อเยื่อ
ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง เกิดการอุดตันได้ง่าย และยังส่งผลเสียต่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอีกด้วย

ดังนั้นลองหาสาเหตุดูว่าน้องหมาของเราเข้าข่ายในข้อไหนบ้างหรือเปล่า เผื่อจะได้ใช้เป็นแนวทางในการลดอาการนอนกรนของเขาลงได้บ้าง
.

เครดิต
สพ.ญ.อรญา ประพันธ์พจน์
แผนกอายุรกรรม, แผนกศัลยกรรม, แผนกโรคหัวใจ
โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน

คร่อกๆๆ 💤 ครืดคราดๆๆ 💤.ใครได้ยินเสียงเจ้าตูบที่นอนอยู่ข้าง ๆ…

โพสต์โดย โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ 2020