หลายท่านอาจจะเคยประสบปัญหาน้องหมาที่บ้านไปไล่งับคางคกจนกลับมาหน้าตาบวมฉึ่ง แต่อย่าได้นิ่งนอนใจไปนะ เพราะพิษจากสัตว์เหล่านี้ ความจริงแล้วอันตรายที่แฝงไว้มีมากว่าที่เราคิด
พิษจากคางคก
นอกจากจะทำให้บริเวณที่สัมผัสพิษเกิดอาการแพ้และบวมแล้ว สารพิษจากคางคกยังมีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ นอกจากนี้ยังสามารถทำให้สัตว์เลี้ยงมีอาการมึนงง เดินเซ คลื่นไส้อาเจียน ตาบอดเฉียบพลัน หรืออาจถึงขั้นชักและเสียชีวิตได้เลย ดังนั้น การถูกพิษจากคางคกจึงไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ ที่เราจะนิ่งนอนใจได้ การพาน้องหมาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์หลังถูกพิษจึงเป็นการดีที่สุด
พิษจากงูเห่า
พิษของงูเห่าจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทเป็นหลัก โดยไม่ว่างูเห่าตัวเล็กหรือตัวใหญ่ ปริมาณพิษก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย และแม้ไม่เห็นรอยเขี้ยวที่ถูกกัด แต่ถ้าสัตว์เลี้ยงแสดงอาการน้ำลายฟูมปาก คลื่นไส้อาเจียน อ่อนแรง มึนงง เดินเซ ก็ให้แน่ใจได้เลยว่าอาจถูกกัดเข้าให้แล้ว ให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อฉีดเซรุ่มแก้พิษด่วนๆ มิเช่นนั้นอาจรุนแรงถึงขั้นกล้ามเนื้อเป็นอัมพาต และหากกล้ามเนื้อกระบังลมเป็นอัมพาต ก็คือสัตว์สามารถหยุดหายใจและเสียชีวิตได้เลยนะ
พิษจากงูเขียวหางไหม้
แตกต่างจากงูเห่า ก็คือพิษของเจ้างูเขียวหางไหม้จะออกฤทธิ์ต่อระบบเลือดเป็นหลัก คือจะไปมีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดแข็งตัวช้า หรือเกิดภาวะเลือดหยุดยากนั่นเอง ในกรณีสัตว์เลี้ยงถูกงูเขียวหางไหม้กัด หากมีอาการไม่ฉุกเฉินมากอาจไม่จำเป็นต้องให้เซรุ่ม แต่ยังคงจำเป็นต้องได้รับการรักษาแลดูอาการที่โรงพยาบาลเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยเสียก่อนจึงให้กลับบ้านได้
ดังนั้น จึงอยากฝากไว้ว่าปัญหาสัตว์เลี้ยงถูกสัตว์มีพิษกัดถือเป็นหนึ่งในเรื่องฉุกเฉิน เจ้าของจึงควรพาน้องหมาน้องแมวมาพบสัตวแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่าละเอียดและจะได้ช่วยกันรักษาอย่างทันท่วงที จะได้ไม่มีเรื่องเสียใจตามมาภายหลังไงล่ะ
เครดิตข้อมูล;โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ
เครดิตรูปภาพ;pixabay.com