ทำไมแมวถึงทำลายเฟอร์นิเจอร์

ฟันและกรงเล็บของแมวสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อโซฟา  เฟอร์นิเจอร์และผ้าม่าน ความจริงของเรื่องนี้ก็คือสิ่งนี้เป็นไปตามธรรมชาติของพวกเจ้าเหมียวและวิธีป้องกันและหลีกเลี่ยงก็คือการจัดหาทางเลือกที่เหมาะสมให้กับน้องแมว

คนเลี้ยงแมวส่วนใหญ่มักจะชอบเลี้ยงแมวในบ้านมากกว่าปล่อยน้องแมวไว้ข้างนอก  ปกติน้องแมวมีวิวัฒนาการมาชอบปีนป่ายและชอบออกไปข้างนอกล่าเหยืออยู่แล้ว  การที่เลี้ยงแมวอยู่ในบ้าน จึงต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ต้องการให้พวกเขา

แมวต้องการที่ที่สามารถปีนกระโดดและเดินเตร่ได้ ,พวกมันชอบความสูงเพราะช่วยให้มองเห็นและติดตามเหยื่อได้ เช่นกันเนื่องจากพวกมันสามารถตกเป็นเหยื่อของสัตว์ใหญ่ได้แมวจึงมักจะรู้สึกปลอดภัยกว่าเมื่ออยู่ในที่ซ่อนสูง

วิธีนี้ช่วยอธิบายนิสัยแปลก ๆ บางอย่างที่แมวของคุณมีได้ พวกมันทำตัวเหมือนนักล่าในบางครั้งและบางครั้งก็ล่าเหยื่อ เหมือนอยู่ในป่า

การปีนผ้าม่านของแมวโซฟา เป็นวิธีที่พวกเขาสร้างสิ่งนี้ขึ้นใหม่ในบ้านของเราหากพวกเขาไม่มีที่ให้ล่า

ทำให้แมวของคุณหยุดทำลายสิ่งของของคุณ

1.อย่าลงโทษพวกเขา
สิ่งแรกที่ควรจำไว้ก็คือสิ่งที่พวกเขากำลังทำนั้นไม่ได้ผิดโดยมันเป็นธรรมชาติของแมวอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่สมเหตุสมผลที่จะลงโทษพวกเขาเป็นสิ่งที่พวกเขาทำและต้องการมันในการใช้ชีวิต (การลงโทษแมวเพราะเป็นแมวอาจนำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าวในภายหลัง)

2. สร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับแมว
ดังที่เราได้กล่าวมาแล้วข้างต้นแมวต้องปีนป่ายเพื่อให้รู้สึกปลอดภัย พวกเขาต้องการเฝ้าดูเหยื่อและอยู่อย่างปลอดภัยจากนักล่า เราควรสร้างสภาพแวดล้อมนั้นด้วยการเพิ่มคอนโดแมว ตะกร้าแขวนที่ออกแบบมาเพื่อให้แมวแอบอยู่หรือนอนบนชั้นวางที่แข็งแรง (สิ่งนี้ให้สิ่งที่พวกเขาต้องการโดยน้องแมวอาจจะไม่ทำลายเฟอร์นิเจอร์เรา)

3. สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับกรงเล็บ
เหตุผลที่คอนโดแมวปูด้วยพรมก็คือมันเป็นจุดที่ปลอดภัยและเป็นที่ต้องการสำหรับแมวในการยืดอุ้งเท้าและลับคมกรงเล็บเราสามารถสร้างเองด้วยเศษไม้และนำพรมเพื่อให้น้องลับคมเล็บได้ เราสามารถฝึกแมวให้ใช้สิ่งนี้ในการลับคมแทนที่จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ของเรา

4. ฝึกแมวของไม่ให้กรงเล็บ – สำหรับลูกแมว
การฝึกแมวตั้งแต่เด็กๆ ให้พวกเขาเล่นและใช้ความอยากรู้อยากเห็นและสัมผัสถึงการสำรวจในพื้นที่ที่ออกแบบมาสำหรับพวกแมวเท่านั้น แมวชอบล่าสัตว์ ลองวางของเล่นไว้ในระดับที่สูงขึ้น  สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นให้พวกเขาเล่นที่นั่น หรือ อาจจะวางขนมไว้สำหรับให้น้องมาทานในพื้นที่ของเขาที่เราจัดเตรียมไว้ให้

5. ฝึกแมวของคุณไม่ให้กรงเล็บ – สำหรับผู้ใหญ่
สามารถฝึกแมวโตได้ในลักษณะเดียวกับลูกแมว  แมวที่มีอายุมากขึ้นก็จะยิ่งกระโดดปีนและกระโดดได้ยากขึ้น แมวที่โตเต็มวัยอาจจะไม่ชอบไปที่สูงมากนักเราควรทิ้งขนมไว้ตลอดทาง ที่ที่เราจะให้น้องแมวไปอยู่เพื่อให้เขาไปตำแหน่งที่เราต้องการ

เครดิตข้อมูล
bickfordvet.com/

 

แชร์เทคนิคการอึ ฉี่ ของน้องสุนัข

#ทริปดีๆจากทางบ้าน
แชร์เทคนิคการ อึ ฉี่ ของน้องสุนัข จากคุณ อังคณา สุขธงไชยสกุล  ที่มาเล่าและแชร์เทคนิคดีๆ การทำให้น้องอึ ฉี่ เป็นที่ ที่ใครๆก็สามารถทำตามได้เลย

เทคนิคง่ายๆ คือ ถ้ามีถาดฉี่แบบสำเร็จก็ใช้ได้เลย แต่เวลาล้าง เราฉีดล้างแค่น้ำเปล่าและตากแดดหรือลมพอ ไม่ต้องล้างด้วยน้ำยานะ เพื่อให้ยังมีกลิ่นอยู่ และเช็ดบริเวณอื่นด้วยน้ำยาให้หมดกลิ่น ที่บ้านใช้น้ำยาถูพื้นของเมจิกคลีนอยู่ค่ะ ใช้ได้ไม่แพ้ ให้เหลือกลิ่นแค่ที่ฉาดฉี่ เค้าจะได้รู้ว่าตรงนี้คือห้องน้ำของเค้าค่ะ
ถ้าใครไม่มีถาดฉี่สำเร็จ ก็สามารถซื้อถาดรองกรงมาใช้ได้ค่ะ มีขายตามร้านขายกรงร้านใหญ่ๆ เค้าจะมีถาดแยกขายต่างหาก ถาดละประมาณ 100 นึง แล้วใช้แผ่นรองฉี่วางอีกทีค่ะ การที่มีถาดจะทำให้เค้าอึฉี่เป็นที่ค่ะ เพราะยังมีกลิ่นติดถาด ถ้าใช้แผ่นวางอย่างเดียวโดยไม่มีถาด เวลาเปลี่ยนแผ่นใหม่ มันจะหมดกลิ่นไป และทำให้เค้าไม่อึฉี่ที่เดิมค่ะ หาซื้อถาดใหญ่หน่อย จะได้มีพื้นที่เดินหมุนวนเวลาจะอึค่ะ เพราะกว่าจะได้ที่อึพวกนางจะวนอยู่พักนึงค่ะ 5555 และใช้ได้ยันโตเลยค่ะ

 

 

ข้อมูลจากเพจ FRENCH BULLDOG CLUB OF THAILAND
” วันนี้เอาทริคดีๆมาฝากค่ะ
เห็นมีโพสถามกันบ่อยๆเรื่องฝึกเด็กๆอึฉี่ให้เป็นที่ เลยเอามาฝากเผื่อจะมีประโยชน์ค่ะ เด็กๆที่บ้านจะขับถ่ายบนถาดฉี่เป็นทุกตัวทุกรุ่น โดยที่ไม่เคยสอนเลยค่ะ คงเพราะมีกลิ่นของแม่เค้าอยู่ เทคนิคง่ายๆคือ ถ้ามีถาดฉี่แบบสำเร็จก็ใช้ได้เลยค่ะ แต่เวลาล้าง เราฉีดล้างแค่น้ำเปล่าและตากแดดหรือลมพอ ไม่ต้องล้างด้วยน้ำยานะคะ เพื่อให้ยังมีกลิ่นอยู่ และเช็ดบริเวณอื่นด้วยน้ำยาให้หมดกลิ่น ที่บ้านใช้น้ำยาถูพื้นของเมจิกคลีนอยู่ค่ะ ใช้ได้ไม่แพ้ ให้เหลือกลิ่นแค่ที่ฉาดฉี่ เค้าจะได้รู้ว่าตรงนี้คือห้องน้ำของเค้าค่ะ
ถ้าใครไม่มีถาดฉี่สำเร็จ ก็สามารถซื้อถาดรองกรงมาใช้ได้ค่ะ มีขายตามร้านขายกรงร้านใหญ่ๆ เค้าจะมีถาดแยกขายต่างหาก ถาดละประมาณ 100 นึง แล้วใช้แผ่นรองฉี่วางอีกทีค่ะ การที่มีถาดจะทำให้เค้าอึฉี่เป็นที่ค่ะ เพราะยังมีกลิ่นติดถาด ถ้าใช้แผ่นวางอย่างเดียวโดยไม่มีถาด เวลาเปลี่ยนแผ่นใหม่ มันจะหมดกลิ่นไป และทำให้เค้าไม่อึฉี่ที่เดิมค่ะ หาซื้อถาดใหญ่หน่อย จะได้มีพื้นที่เดินหมุนวนเวลาจะอึค่ะ เพราะกว่าจะได้ที่อึพวกนางจะวนอยู่พักนึงค่ะ 5555 และใช้ได้ยันโตเลยค่ะ 😊

คุณพ่อคุณแม่ในกลุ่มลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ😊 “

เครดิตข้อมูล
อังคณา สุขธงไชยสกุล
FRENCH BULLDOG CLUB OF THAILAND

 

ทำไมสุนัขถึงเห่า และจะแก้ปัญหาได้อย่างไร

คุณทราบหรือไม่ว่าผู้ที่ทำให้สุนัขในธรรมชาติซึ่งปกติไม่เห่า กลายมาเป็นสุนัขบ้านจอมเห่าก็ไม่ใช่ใคร ก็คือมุนษย์เรานี้เอง ดังนั้นการที่เราจะรู้สึกไม่ชอบสุนัขที่บ้านเห่าก็ดูจะไม่ถูกต้องนัก

ก่อนอืนจะขอเสนอเกี่ยวกับว่า

ทำไมสุนัขถึงเห่า และจะแก้ปัญหาได้อย่างไร

1.การเห่าในสุนัขของการเฝ้าระวัง (เพื่อรักษาพื้นที่ของตัวเอง)

สุน้ขนั้นมีจิตสำนึกในการรัษาพื้นที่ของตนสูงมาก อย่างเช่น  คนที่เดินผ่าน หรือบุรษไปรษณีย์ อาจจะเดินผ่านโดยไม่เกี่ยวกับเสียงเห่าของสุนัขเลยก็ได้แต่สำหรับสุนัขแล้วจะคิดว่าเพราะว่าเค้าเห่าพวกคนร้ายเลยหนีไป ซึ่งเป็นการเพิ่มความเข้มแข็งให้ตัวเอง สำหรับรอตไวเลอร์ โดเบอร์แมน เวสท์ไฮแลนด์ไวท์เทอเรีย มินเชา ชเนาเชอร์ จะมีจิตสำนึกในส่วนนี้ค่อนข้างจะสูงมาก โดยเฉพาะสามพันธุ์แรกนั้นเลี้ยงไว้สำหรับเป็นสุนัขเฝ้าบ้านโดยเฉพาะ ซึ่งหน้าที่ของสุนัขเฝ้าบ้านอันดับแรกๆก็คือการเห่าเพื่อปกป้องพื้นที่อยู่แล้ว

2.การเห่าอย่างไม่มีความหมายในระหว่างที่ไม่มีใครอยู่บ้าน

คนไทยส่วนใหญ่คงคิดว่าน้องเห็นสิ่งลึกลับ….แต่เปล่าเลย สุนัขที่เห่าอย่างไร้ความหมายมากๆ ได้แก่ ยอร์คเชียเทอเรีย มินิเชา ชเนาเซอร์ เวสท์ไฮแลนด์ไวท์เทอเรีย เป็นต้น

3.เห่าเพื่อเรียกร้อง

สุนัขเมื่อเห่าออกมาเพราะจงใจหรือเห่าแบบนานๆที่ก็ตาม เมื่อเจ้าของให้สิ่งที่เค้าต้องการแล้ว จะทำให้ต่อไปเวลาเค้าอยากจะได้อะไรก็เห่า เพื่อเรียกร้อง แม้แต่ สุนัขในข้อ 1-2 ซึ่งเห่าตามสัญชาตญาณอยู่แล้วก็อาจเห่าในลักษณะนี้ได้ สุนัขที่มีปัญหาลักษณะนี้ ส่วนใหญ่ คือ ลาบราดอร์  โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ แต่ตามปกติสุนัขกลุ่มนี้จะมีจุดเด่นที่ความสงบเสงี่ยมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงคิดว่าจ่าจะเป็นปัญหาในการฝึกสุนัขมากกว่า

จะทำอย่างไรให้สุนัขเลิกเห่า

1. เลือกพันธุ์ที่เหมาะสม

ก่อนอื่นหากคิดว่าสุนัขของเราจะก่อปัญหาให้คนที่เดินผ่านไปมาหน้าบ้านได้ ก็ให้เลือกพันธุ์ที่ไม่ค่อยเห่า รวมทั้งตรวจสอบไปถึงลักษณะของแม่สุนัขด้วย การที่สุนัขจะเห่านั้นจะอยู่ที่พันธุ์สุนัขสายเลือดและแม่สุนัขด้วย

2.ให้สุนัขได้รู้จักสังคมอย่างเพียงพอ

จุดนี้อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับ การเห่าเพื่อเรียกร้องก็ตามแต่จะเกี่ยวกับการเห่าเพื่อปกป้องพื้นที่และการเห่าแบบไร้ความหมาย พูดง่ายๆการที่ให้สุนัขได้ออกไปรับฟังเสียงและแหล่งที่กำเนิดเสียงต่างๆ ให้ชินเสียตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข หากเริ่มตั้งแต่สองสามวันแรกที่พาสุนัขมาบ้านให้เกิดความเคยชินก็จะทำให้รู้สึกว่าเสียงรอบๆ ตัวไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมแต่อย่างใดก็จะช่วลดความตื่นตระหนกในจิตใจของสุนัขลงไปได้

3.การไม่ยอมรับการเป็นผู้นำของเจ้าของ

การเลี้ยงสุนัขที่สำคัญที่สุดคือ การทำให้สุนัขเข้าใจว่าตังเองอยู่ในฐานะที่ต่ำที่สุดในบ้าน หากสุนัขเข้าใจตรงนั้นได้ก็จะยอมรับในสิทธิความเป็นผู้นำของเจ้าของไม่แสดงพฤติกรรมต่อต้านใดๆ

 

 

เครดิตข้อมูล
คู่มือฝึกสุนัขสำหรับมือใหม่

น้องหมาขับถ่ายไม่เป็นที่ ควรทำอย่างไร

การขับถ่ายไม่เป็นที่ของสุนัขนั้น เราสามารถแก้ไขได้โดยการฝึกให้สุนัขขับถ่ายให้เป็นที่ โดยทั่วไปเรื่องของการฝึกการขับถ่าย สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ในลูกสุนัขอายุ 1-2 เดือน หากอายุมากกว่านั้น หรือว่าไม่เคยฝึกมาก่อน เราก็สามารถฝึกได้ เนื่องจากสุนัขค่อนข้างฉลาด สามารถเรียนรู้ได้ การฝึกการขับถ่ายให้เป็นที่นั้น ไม่ว่าจะให้ขับถ่ายนอกบ้าน หรือขับถ่ายลงบนสิ่งปูรอง ก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการฝึก และอาศัยความอดทนของเจ้าของด้วย

โดยทั่วไปสุนัขจะขับถ่ายหลังตื่นนอนทันที หลังเล่นเสร็จ หรือ หลังกินอาหาร15-30 นาที ลูกสุนัขจะขับถ่ายบ่อย เนื่องจากยังมีกระเพาะปัสสาวะเล็ก และการควบคุมยังทำได้ไม่ดี การฝึกให้ขับถ่ายนอกบ้านนั้น ขั้นแรกต้องฝึกให้รู้จักเวลาและสถานที่ในการทำธุระส่วนตัว ให้สุนัขได้ดมและสำรวจพื้นที่สำหรับขับถ่ายเสียก่อน และควรนำไปขับถ่ายสถานที่เดิมซ้ำๆกันเป็นประจำ กลิ่นที่เคยขับถ่ายเอาไว้ครั้งก่อนๆจะช่วยกระตุ้นให้ขับถ่ายได้ แต่ไม่ควรเล่นกับสุนัขระหว่างขับถ่าย จนกว่าจะขับถ่ายเสร็จ ขณะที่กำลังขับถ่ายอาจพูดวลีสั้นๆ ซ้ำๆ หรือให้รางวัลด้วยคำชม เมื่อขับถ่ายเสร็จ แล้วสุนัขจะเรียนรู้(แบบมีเงื่อนไข) ว่าเมื่อได้ยินวลีนี้ มันจะต้องขับถ่าย หลีกเลี่ยงการใช้วลีที่ใช้พูดคุยกับมันบ่อยๆในช่วงที่ไม่ได้ขับถ่าย การสอนให้สุนัขขับถ่ายลงบนวัสดุที่เตรียมให้พิเศษ เป็นอีกวิธีที่ควรฝึกให้เรียนรู้เหมือนกัน เพราะจะทำให้เจ้าของสะดวกมากขึ้น เวลาที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน อากาศข้างนอกเปลี่ยนแปลง หรือกรณีที่ต้องเก็บตัวอย่างอุจจาระหรือปัสสาวะส่งตรวจ

การทำโทษเมื่อสุนัขทำบ้านสกปรกต้องลงโทษทันทีอย่างเหมาะสม โดยการใช้เสียงให้เกรงกลัว เช่น เรียก หรือห้ามดังๆ ซึ่งจะทำให้ตกใจและไม่แสดงพฤติกรรมที่เจ้าของไม่ต้องการออกมา หลังจากนั้นให้รีบพาสุนัขไปในบริเวณที่ที่จะขับถ่าย หากทำโทษไม่เหมาะสมจะทำให้สุนัขกลัวเจ้าของหรือสถานที่นั้นๆ หรือเกิดความก้าวร้าวที่เกิดจากการปกป้องตัวเองได้

 

เครดิต รูปภาพ
http://thaimisc.pukpik.com/

[มีคำถาม] ทำไมเวลาเราหิ้วคอแมว มันถึงนิ่งสนิท ไม่ร้อง ไม่ดิ้นเลย ?

เคยเห็นเวลาแม่แมวมันคาบลูกแมวไหมครับ ? มันจะคาบตรงส่วนไหน สังเกตว่ามันจะคาบที่ส่วนคอนั่นเอง เวลาคนเราจะหิ้วแมวเล่นบริเวณคอก็เหมือนกัน แมวมันจะนิ่ง แต่ไม่หลับแค่มันไม่ขยับเท่านั้นเอง มันจะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้แมวนิ่งแบบนั้นได้ แต่เราก็อาจจะเห็นพฤติกรรมหิ้วคอแล้วนิ่งนี้กับสัตว์ 4 ขา เลี้ยงลูกด้วยนมอีกหลายชนิดเลย สุนัข สิงโต เสือ ทำนองนี้ก็ล้วนแต่หิ้วคอลูก ๆ กันทั้งนั้นครับ มาเราทำความเข้าใจกันดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจ

หลังคอแมวเป็นอย่างไร ?

เมื่อแมวปล่อยให้แม่แมว และคนหิ้วได้อย่างอิสระแบบนั้นแสดงว่าต้องมีอะไรพิเศษกว่าสัตว์หลายประเภทแน่นอน ถูกต้องแล้วครับ หลังคอแมวจะมีหนังที่ยืดออกมาได้เยอะมาก ก็เป็นส่วนที่เหมือนถูกออกแบบมาเพื่อให้โดนหิ้วได้ง่าย ๆ นั้นเอง  เหมือนเป็นปุ่ม Stop เอากดเพื่อหยุดแมวโดยเฉพาะ 555+ ถ้ามันดิ้น ร้องโวยวายเวลาโดนหิ้วมันอาจจะได้รับบาดเจ็บก็ได้ เลยจำใจต้องยอมให้หิ้วได้อย่างนั้นครับ

สัญญาติญาณแมว ๆ ของความเป็นแมวโดนหิ้ว

แมวทุกตัวล้วนแต่เคยผ่านประสบการณ์ในการโดนหิ้วมาด้วยกันทั้งนั้น  เมื่อแมวโดนหิ้วมันจะมีสัญญาติญาณของแมวว่ามันจะต้องอยู่นิ่ง ๆ เพื่อไม่ให้เจ็บตัว มันจะรู้สึกว่าเหมือนกำลังโดนบังคบให้ทำอะไรสักอย่างโดนขัดขืนไม่ได้ เช่น เมื่อแม่แมวหิ้วคอลูกแมว เจ้าแมวน้อยก็จะนิ่งและยอมให้หิ้วตามใจแม่

ใครที่อยากรู้ว่า เวลาแมวโดนหิ้วคอมันจะนิ่งจะยอมให้หิ้วจริงไหม ลองหิ้วเล่น ๆ แมวที่บ้านดูได้นะครับ แล้วมาแบ่งเรื่องราวกันได้ว่ามันเป็นอย่างไรบ้างเมื่อเจ้าจอมซมที่บ้านคุณโดนหิ้ว

 

การสำรวจโลกภายนอกครั้งแรกของน้องเหมียว เริ่มต้นอย่างไร

ต้อนรับมิตรรักแฟนแมวทั้งหลายครับ การเลี้ยงแมวไม่ใช่จะต้องคอยให้อยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว เพราะว่าแมวต้องการที่จะอยากออกไปผจญภัยข้างนอกเหมือนกัน แต่ทำสำคัญ “อย่าลืมทำหมัน” นะครับ เรามาดูกันหน่อยว่าเมื่อไหร่คือช่วงเวลาอันสมควรที่จะปล่อยให้แมวนั้นรู้จักภายนอกได้

สถานที่เรียนรู้ครั้งแรกสำหรับน้องเหมียว

ครั้งแรกย่อมตื่นเต้นเสมอสำหรับน้องเหมียวแล้วอิสระคือความสุขมากที่สุด แต่การจะออกไปเผชิญโลกกว้างนั้นมันจะต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป วันเวลาที่เหมาะสุดในการออกมานอกบ้านเปิดโลกของการสำรวจขึ้นต้องเป็นวันที่อากาศดี ๆ บรรยากาศแห้ง ๆ และต้องมั่นใจว่าปลอดภัยสำหรับน้องแมวด้วย ครั้งแรกนี้ให้เป็นสนามหน้าในบริเวณบ้านตัวเองดีที่สุด เพราะว่าปลอดภัยมากกว่าที่อื่นอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่จะปล่อยให้แมวออกมาได้เองเลยมันต้องมีขั้นตอน

ครั้งแรกของการผจญภัยสำหรับแมว

น้องแมวที่จะได้รับอนุญาติให้ออกมาเล่นข้างนอกได้นั้นต้องมีอายุประมาณ 13 สัปดาห์และหลังจากได้รับวัคซีนในครั้งที่ 2 แล้วเท่านั้น เล็กกว่านี้ไม่แนะนำเพราะอาจจะมีอันตรายได้ โดยในครั้งแรกนี้เจ้าของจะต้องเป็นคนอุ้มพาออกไปเดินเล่นก่อนให้น้องแมวได้มองเห็น สิ่งต่าง ๆ รอบข้าง คิด คำนวนเรียนรู้ และค่อย ๆ สัมผัสไปทีละน้อย มีเริ่มมีแผนที่ของตัวเองสำหรับเส้นทางการเดินสำรวจโลกของแมว

ในช่วงแรกนี้น้องแมวจะค่อนข้างตื่นเต้นมากเวลาที่จะได้ออกสำรวจโลก เจ้าของควรจะต้องใช้สายจูงและพาไปด้วย เพื่อความปลอดภัยของน้องเหมียว เพราะครั้งแรก ๆ อาจจะทำให้เกิดความประมาทและตื่นเต้นกับโลกจนไม่ทันได้ระวังตัวเอง แมวมีความอยากรู้อยากเห็น อยากลอง ไปเสียหมด และในบ้านจะต้องมีประตูแมวไว้ด้วย และจะฝึกให้เจ้าเหมียวเข้าออกโดยใช้ประตูแมวให้เป็น ในอนาคตเจ้าเหมียวก็ออกไปสำรวจโลกได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีเจ้าของพาไปได้แล้ว

สายจูงจะไม่ต้องใช้ก็ต่อเมื่อแมวน้อยได้รับการทำหมันแล้ว หรือไม่ก็อายุได้ประมาณ  5 – 6 เดือน โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วนั่นเอง และเมื่อถึงเวลานั้นน้องแมวก็คงจะผ่านการฝึกเข้าออกบ้านโดยการใช้ประตูแมวได้อย่างดีแล้ว และรู้เส้นทางในการกลับบ้านด้วยตัวเอง

บ้านไหนกำลังเลี้ยงน้องเหมียวน้อยอยู่ หากโตพอที่จะพาออกสำรวจโลกแล้วอย่าลืมเตรียมสถานที่ให้พร้อม และนำไปฉีดวัคซีนให้ครบ ทำหมัน และฝึกการเดินเข้าออกผ่านประตูแมวให้เป็น น้องแมวจะค่อย ๆ เรียนรู้และสำรวจโลกกว้างอย่างมีความสุขและตื่นเต้นพร้อมทั้งกลับมาบ้านอย่างปลอดภัยครับ

การฝึกขับถ่าย ให้น้องเหมียวแสนง่ายทำยังไงมาดูกัน

สวัสดีครับทุกท่านวันนี้มาเรียนรู้เรื่องที่หลาย ๆ คนคงจะรู้กันอยู่แล้วคือ การหาห้องน้ำให้น้องแมวและการฝึกขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง ซึ่งการจะทำห้องน้ำให้น้องแมวนั้นเพียงแค่ไปหากระบะทรายมา ทรายแมวหาซื้อไม่ยากตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงมีพร้อม อยากจะได้สีอะไร ขนาดแค่ไหน ราคาเท่าไหร่ปรึกษาคนขายได้เลยครับ เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องการฝึกขับถ่ายสำหรับเจ้าแมวกันเลยดีกว่า

ปกติแล้วแมวจะได้รับการสอนจากแม่แมวให้รู้จักการขับถ่ายตั้งแต่อายุได้ 8 เดือนเลย มันจะรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ และพอโตมามันก็ต้องรู้จักที่จะขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง เจ้าของควรจะจัดหาห้องน้ำแมวมาไว้ให้พร้อมสำหรับแมวทุกตัวภายในบ้าน

การจัดหาห้องแมวจะต้องทำดังนี้

  1.   หากระบะมาใส่ทรายแมวให้เรียบร้อยและถ้าจะให้ดีควรแยกกระบะส่วนตัวของใครของมันสำหรับแมวแต่ละตัว
  2. นำไปวางไว้ให้ไกลจากที่ทานอาหารทั้งแมวและคน
  3. นำไปวางในที่ที่สงบที่สุด และไม่มีอะไรมารบกวนเวลาขับถ่ายของแมวได้
  4. จะต้องทำความสะอาดทุกวัน

การฝึกขับถ่ายสำหรับน้องแมว

ในการฝึกน้องแมวให้ขับถ่ายเป็นที่นั้นไม่ยากแต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย ทำได้ง่าย ๆ หลักจากที่เราได้เตรียมห้องน้ำส่วนตัวแมวไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะต้องอุ้มน้องแมวไปวางที่กระบะทรายเป็นประจำทุกวันในช่วงเช้า หลังอาหาร และก่อนนอน จนน้องแมวเข้าใจได้ว่าตรงนั้นคือห้องน้ำสำหรับการขับถ่าย หากน้องแมวทำได้แล้วอย่าลืมให้รางวัลเป็นของขวัญ ขนมอร่อย ๆ ด้วย แต่ถ้าหากน้องแมวยังทำไม่ได้ก็ห้ามทำโทษและให้อดทน รอ และฝึกเขาต่อไป เชื่อว่าไม่นานแมวทุกตัวก็จะทำได้และขับถ่ายถูกที่เพราะว่าแมวเป็นสัตว์ที่ฉลาดอยู่แล้วครับ

ทุกบ้านที่เลี้ยงแมวโดยเฉพาะในบริเวณบ้านที่ไม่มีพื้นที่โล่งว่าง สงบมากพอจะให้แมวหาห้องน้ำได้เอง การสร้างห้องน้ำให้น้องแมวเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ มองข้ามไม่ได้และเราจะต้องฝึกให้น้องแมวเรียนรู้ที่จะใช้มันด้วย ในอนาคตข้างหน้ามันจะได้ขับถ่ายอย่างเป็นที่เป็นทางง่ายต่อการทำความสะอาดสำหรับเจ้าของอีกด้วยครับ

การเห่าของสุนัขบอกอะไรเรา มาลองสังเกตกันเลย

บางทีเรามักจะเห็นสุนัขแสดงออกด้วยการ “เห่า” อยู่บ่อย ๆ แต่การเห่านั้นเราเองก็ไม่อาจจะเข้าใจได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น สุนัขต้องการจะบอกอะไรเราหรือเปล่า หรือเพียงแค่ต้องการจะเห่าลมเห่าแล้งไปเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป อย่าลืมว่าภาษาของสุนัขไม่เหมือนคนเราการจะบอก พูด เล่า เรียก ตะโกน การเห่าก็ถือเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งของเขาซึ่งเจ้าของอย่างเรา ๆ ควรจะต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้น วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจการเห่าของสุนัขว่าหมายความว่าอย่างไรบ้าง

การเห่าของสุนัขมีแบบไหนบ้างแต่ละแบบกำลังบอกถึงอะไร

มาเริ่มต้นเรียนรู้การเห่าของสุนัขเพื่อจะได้เข้าใจความต้องการและสิ่งที่สุนัขกำลังจะบอกเราได้มากขึ้น การเห่าบอกอะไรบ้างมีดังต่อไปนี้เลย

  1. การเห่าติดกันเป็นช่วงระยะประมาณ 3 – 4 ครั้งแล้วก็หยุด : แปลได้เลยว่าสุนัขกำลังเจออะไรบางอย่างที่น่าสนใจและอยากจะให้เจ้าของมาดูด้วย เป็นการเห่าเรียกเจ้าของนั่นเอง
  2.  การเห่าติดกันมาก ๆ โทนเสียงระดับกลาง : เป็นการเรียกให้เจ้าของรู้ตัวหรือบอกเพื่อนหมา ๆ ด้วยกันเองถึงบางอย่างที่อันตรายหรือไม่น่าไว้ใจ
  3. การเห่าเสียงต่ำ ๆ ช้า ๆ : สุนัขกำลังได้รับภัยอันตรายอะไรบางอย่าง อยากให้เราช่วย เพราะว่าอันตรายนั้นเข้ามาถึงตัวแล้วนั่นเอง
  4. การเห่า หยุด เห่า หยุด อยู่แบบนั้น : สุนัขกำลังเรียกร้องความสนใจจากใครสักคน จากเจ้าของมันต้องการความรัก อยากให้มีคนลูบหัว อยากมีคนเล่นด้วย
  5.  การเห่าสั้น ๆ ครั้งหนึ่ง ถึงสองครั้ง : เป็นการทักทาย “สวัสดีฮะ!” ประมาณนั้นครับ
  6.  การเห่าครั้งเดียว เมื่อถูกก่อกวน: หมายถึงว่าตอนนี้ต้องการเวลาส่วนตัวอย่ากวนได้ไหม
  7.  การเห่าติดต่อกัน : แปลว่ากำลังอยากจะให้เราเล่นด้วย ลูกสุนัขจะเห่าแบบนี้บ่อย
  8.  เห่าครั้งเดียวสั้น ๆ : เป็นการเรียกเจ้าของกำลังบอกอะไรบางอย่างเช่น “หิวแล้วนะ” หรือ “อยากออกไปเล่น”
  9.  เห่าด้วยโทนเสียงต่ำ ๆ ตามมาด้วยหูตั้ง ขนหลังชี้ หางชู เตรียมตัวสู้ : การเห่าแบบนี้คือ “อย่าเข้ามายุ่งกับฉันนะ”

เมื่อเข้าใจกันแล้วว่าการเห่าของน้องหมาในแต่ละแบบนั้น บ่งบอกถึงอะไรบ้าง สุนัขก็มีวิธีการสื่อสารในแบบของมันเหมือนกันลองไปสังเกตสุนัขที่บ้านของคุณดูว่าเห่าแบบไหนบ้างจะได้ตอบสนองความต้องการของเขาได้ตรงจุด และเข้าใจอารมณ์ของสุนัขมากขึ้น

น้องแมวฝึกอย่างไรให้เชื่อง ทาสเเมวต้องอ่าน

ทาสแมวทั้งหลายฟังทางนี้วันนี้เรามีวิธีการจัดการกับเจ้านายตัวแสบของเราให้เชื่องแล้ว การฝึกแมวอาจจะยากแต่ก็ไม่เสมอไป เพราะมีเพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น เมื่อเทียบกับการฝึกสุนัขการฝึกแมวง่ายกว่ากันเยอะ เรามาดูกันว่าจะฝึกแมวอย่างไรให้เชื่องและเชื่อฟังทาสอย่างเรา ๆ มาติดตามกันได้เลย

การฝึกแมวให้เชื่องมีวิธีดังต่อไปนี้

  1. การฝึกเรียกชื่อเรียกให้มาหา   เราจะฝึกโดยการเรียกบ่อย ๆ โดยใช้คำเดิม ๆ เพื่อให้แมวเกิดการจดจำ เช่นเรียกให้มาหาเราอาจจะใช้คำว่า มานี(ชื่อแมว) เเละเวลาเรียกแต่ละครั้งก็เรียกแบบเดิม แต่ว่าอย่าลืมให้รางวัลทุกครั้งที่ฝึกเรียกแล้วน้องแมวมาหา  แต่ถ้าฝึกมากไประวังน้องแมวรำคาญหากรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของแมวว่าไม่ดีแล้วให้หยุดก่อน ค่อยฝึกใหม่วันหลัง
  2. สอนให้แมวเข้าลัง  ทุกครั้งที่เราเรียกแล้วน้องแมวมาเข้าลังก็ชมและให้รางวัลเป็นของโปรดเขา จะทำให้เข้าใจว่าการเข้าไปในลังเป็นสิ่งที่จะต้องทำ เพราะทำแล้วจะได้ขนม แต่ถ้าหากแมวออกมานอกลังห้ามชม ห้ามให้ขนมเด็ดขาด พอแมวเริ่มเข้ารังแล้วก็พยายามฝึกให้อยู่นาน ค่อยให้ขนม เมื่อแมวชินจะเข้าใจว่าตรงนั้นเป็นบ้าน

   

3.  ฝึกให้แมวหมอบ  วิธีนี้จะต้องใช้ขนมล่อ สูงไว้จากนั้นค่อย ๆ เลื่อนขนมลงต่ำให้แมวเริ่มหมอบตามขนม จากนั้นก็ให้ค่อย ๆ ถอยห่างออกมาก่อน โดยยังไม่ให้ขนมเมื่อแมวหมอบแล้วเราก็ค่อยให้ แต่ในระหว่างการฝึกเราจะต้องพูดคำว่า “หมอบ” ไปพร้อมกันด้วยนะ

4.   ฝึกการคาบของ  ลองดูว่าแมวของเราชอบอะไรแบบไหนลองหาของเล่นหรือตุ๊กตามาให้ดู โยนให้แมวจากนั้นลองรอให้แมวคาบละเรียกมาหาเรา จากนั้นก็เอาขนมให้เพื่อเป็นของรางวัล หรือเอาขนมให้เพื่อแลกกับของก็ได้

5.  ฝึกขับถ่ายในกระบะทราย  แมวจะต้องรู้จักการเข้ากระบะทรายโดยในช่วงเเรกเราจะเรียกน้องแมวให้รู้จักกระบะทราย เราเรียกและเอามือขุดทรายเพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจก็ได้ จากนั้นเมื่อน้องแมวมาหาก็ให้รางวัล โดยจะต้องฝึกในช่วงหลังอาหาร หลังออกกำลังกาย หรือหลังตื่น ประมาณนี้แมวจะได้เข้าห้องน้ำเป็นเวลา แต่สิ่งที่ต้องทำควบกันด้วยคือ การให้อาหารเองก็ต้องเป็นเวลาด้วย

เราสามารถฝึกแมวให้เชื่องได้หากรู้วิธีการที่ถูกต้อง ใน 5 ขั้นตอนนี้สามารถนำไปใช้ได้ทุกคน  การฝึกแมวหาเริ่มเร็วก็จะดีกว่ารอให้แมวโตหรือมีอายุแล้วจะฝึกยากกว่าแมวที่กำลังโต แต่ก็ฝึกได้ทุกวัยเพียงแต่จะต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกที่แตกต่างกัน

ขอบคุณที่มาจาก http://www.catthailand.com/catnews.php?qno=351