3 สายพันธุ์แมวที่เหมาะสำหรับการเลี้ยงในบ้านมากที่สุด

แมวเป็นสัตว์ที่มีความเป็นตัวเองสูงลิ่วอย่างที่เราก็ทราบกันดี เป็นสัตว์ที่รักความสันโดดครับ แต่กระนั้นแมวทุกสายพันธุ์ จะพันธุ์แท้ หรือพันธุ์ผสมก็สามารถเลี้ยงในบ้านได้เหมือนกันหมดถ้าหากเราสามารถดูแลเอาใจใส่พวกเขาอย่างดี แต่ก็มีครับสายพันธุ์ที่เป็นที่สุดของความเหมาะสมที่จะเลี้ยงในบ้าน คือ บริติช ช็อตแฮร์ แร็กดอล์ และ รัสเชี่ยน บลู ครับ

 

3 สายพันธุ์แมวที่เหมาะสำหรับการเลี้ยงในบ้านมากที่สุด

  1. สายพันธุ์ 3 บริติช ช็อตแฮร์ (British Shorthair)  เป็นแมวที่มีลักษณะเงียบ ๆ ขรึมหน่อย ๆ แต่ว่ามีความน่ารัก เป็นมิตรกับทุกคน แถมยังชอบการนั่งบนตักอีกด้วย  ในการนำมาเลี้ยงตอนแรก ๆ อาจจะเป็นแมวที่นิสัยไม่ค่อยสุงสิงกับใครแต่พอนานไปก็เริ่มที่จะเล่นบ้าง มีเป็นแมวที่รักเจ้าของมากเลยนะ ใครที่ลองเลี้ยงครั้งแรกสายพัน British Shorthair ก็ดีจะเหมาะสุดแล้วสำหรับการเลี้ยงในบ้านครับ

2.  สายพันธุ์แร็กดอล์ (regdall) เป็นแมวที่ขี้เล่น แต่ก็ไม่เยอะไม่วุ่นวาย มีขนสวย นุ่มแววตาเป็นประกาย เป็นแมวไฮโซทีเดียว แถมยังมีเสียงร้องที่เบามากเมื่อเทียบกับแมวสายพันธุ์อื่น มันจึงจัดว่าเป็นแมวที่เหมาะกับการเลี้ยงในบ้านครับ

3.  สายพันธุ์รัสเชี่ยน บลู (Russian Blue ) เป็นแมวที่มีความเป็นตัวเองสูงมากเป็นพิเศษ อาจจะไม่ค่อยชอบสุงสิงเท่าไหร่ ใครที่รักแมวอยากเลี้ยงแมวในบ้านแต่งานก็ยุ่ง มีเวลาให้แมวไม่เยอะ เลี้ยง Russian Blue  ก็ดูจะเหมาะสุดนะครับ แต่แม้ว่าเจ้านี่มันจะอินดี้แต่ก็รักเจ้าของและต้องการความเอาใจใส่เหมือนกันนะครับ และเรื่องขนของแมวพันธุ์นี้เราอาจจะต้องคอยดูแลพิเศษหน่อยนะ ต้องสะอาด ต้องเรียบร้อย นะครับ

แม้ว่า 3 สายพันธุ์นี้จะเหมาะสุดในการเลี้ยงในบ้านแล้วเราจะเลี้ยงแมวแบบอื่นไม่ได้นะครับ แมวสายพันธุ์อื่นก็เลี้ยงได้เหมือนเดิม แต่ว่าความที่สุดอาจจะต้องยกให้ 3 ชนิดนี้ ใครอยากจะเลี้ยงแมวตัวไหนสายพันธุ์อะไรก็เอาที่ชอบ ที่สบายใจครับ แมวแต่ละตัวมีความน่ารักเหมือนกัน รักเจ้าของเหมือนกันครับ แต่ความดื้อ ความซน อาจจะต่างกันบ้าง ซึ่งเราอาจจะต้องฝึกนั่นเองครับ

ขอบคุณภาพแรกและข้อมูลจาก Whiskas Thailand

เจ้าตูบแสนดี ทำหน้าที่คาบหนังสือพิมพ์ จนวาระสุดท้าย เพื่อเจ้านายที่มันรัก

อีกหนึ่งเรื่องราวความน่าประทับใจของสุนัขครับ เป็นสุนัขสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์  ชื่อว่า คูวา หน้าที่ของมันที่ทำเป็นประจำคือ คาบหนังสือพิมพ์มาให้เจ้าของทุกวัน ทุกวัน เป็นเวลา 10 ปี จนลมหายใจสุดท้าย สุนัขแสนรู้ตัวนี้เป็นของ เบรนต์ คูเปอร์ ชายอายุ 55 ปี  เขาได้แชร์เรื่องราวความน่าประทับใจนี้มาให้รู้จักกันครับ

เจ้าคูวาทำหน้าที่คาบหนังสือพิมพ์อยู่แบบนี้เสมอ เนื่องจากว่าบ้านของเจ้าของมันนั้นอยู่ในชนบท คนส่งหนังสือพิมพ์เข้าไม่ถึง เวลามาส่งจะทิ้งหนังสือพิมพ์ไว้ที่ทางเข้าบ้านซึ่งห่างไปกว่า 50 เมตร เจ้าคูวาจะคาบมันเข้ามาวางไว้ให้ทุกวัน ๆ  มันจะวางหนังสือพิมพ์ไว้ที่หน้าระเบียงไว้ให้เจ้าของ

เมื่อเวลาผ่านไปอายุของเจ้าคูวาก็มากขึ้น และได้จากไปอย่างสงบ ความทรงจำที่น่าประทับใจสำหรับเจ้าของอย่างคูเปอร์ที่มีต่อมันมิเคยจางไป เจ้าคูวาเริ่มคาบหนังสือพิมพ์มาส่งให้ตั้งแต่อายุได้ 4 ปี หลังจากนั้นมันก็ทำแบบนั้นมาตลอดทุกวัน จนลมหายใจสุดท้าย ฝน ตก แดดออก ลมแรงแค่ไหน คูเปอร์ก็ยังเห็นหนังสือพิมพ์มาวางอยู่ที่ระเบียงให้เหมือนเดิม จึงรู้ว่าเป็นฝีมือของเจ้าคูวาแน่นอน

หนึ่งวันก่อนที่เจ้าคูวาจะจากไป มันยังคงทำหน้าที่คาบหนังสือพิมพ์มาไว้ให้ มันอายุได้ 15 ปี แล้ว ความเร็วในการคาบมันจึงลดลง แต่ทว่าวันนั้นคูเปอร์สังเกตเห็นว่าคูวามันเซและได้ล้มลงไป ในระหว่างที่มันกำลังคาบหนังสือพิมพ์อยู่ และได้พาตัวมันไปพบสัตวแพทย์แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้เจ้าคูวาได้เวลาต้องพักผ่อนยาวนาน เหลือไว้แต่ความทรงจำที่ดีตลอดไปกับครอบครัวนี้   ครับ

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  Brent Cooper

น่าสงสารปนน่ารักเมื่อเจ้าสุนัขตัวน้อยไปดวลกับงูเขียวมา หน้าบวมฉึ่ง

มาเสิร์ฟข่าวแนวสุนัขน่ารัก ๆ กันบ้างครับหลายคนอาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว สำหรับการเปิดศึกดวลกันระหว่าง 3 ทหารเสือตูบน้อยปะทะงูเขียวเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 60 ที่ผ่านมานี่เองโดยเรื่องราวน่ารักเหล่านี้นำเสนอโดยเจ้าของเฟซบุ๊ก ชลภัทร สีสา ได้โพสภาพความน่ารักพร้อมกับข้าวความว่า

” เจ้าหมาน้อยได้เล่นกับงูเขียวจนโดนฉก แต่ว่าทุกตัวสบายดี วิ่งได้ กินข้าวได้ และที่ตนใจเย็นเพราะไปหาหมอก็ได้แต่ดูอาการเฉย ๆ รับรองว่าเจ้าตูบน้อยไม่ตายแน่นอน” 

งานนี้บาดของนักรบก็แสดงออกมาบนใบหน้าของเจ้าตัวเล็ก เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ปนความน่ารักไปในตัวครับ มาดูภาพความบวมเบ่งและน่ารักของเจ้าตัวเล็กกันเลย

เมื่อชาวเน็ตได้เห็นข่าวนี้ก็มาแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ มากมาย สร้างความฮือฮาให้กับคนรักหมาที่ดูแล้วจะต้องยิ้มตาม แอบขำเบา ๆ เลยครับ

ปัจจุบันน้องหมา อาการหารดีแล้วครับ น่ารักมากเลยทีเดียว

แม้ข่าวนี้จะสร้างรอยยิ้มได้แต่ก็อดสงสารไม่ได้เหมือนกันครับ แต่มันเป็นเรืื่องราวที่กำลังบอกเราว่าควรจะดูแลเจ้าตัวเล็กอย่างดีครับ ระมัดระวังอย่าให้ไปเจอกับอันตราย เพราะบางอย่างอาจจะมีพิษร้ายแรงก็ได้นะครับผม สำหรับข่าวนี้ก็ยินดีใจเจ้าของและเจ้าตูบน้อยด้วยที่บาดเเผลแห่งนักรบได้หายดีแล้วครับ

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ชลภัทร สีสา

 

 

การเสียสละชีวิตแทนเจ้าของ เรื่องราวสุดซึ้งของเจ้าตูบ “แรมโบ้” หมาผู้มีใจรักยิ่งใหญ่

สวัสดีครับ วันนี้เสิร์ฟข่าวแบบชวนซึ้งกันบ้าง เป็นเรื่องราวของนักผจญภัยหนุ่มกับเจ้าตูบแสนรัก ที่ต้องเผชิญเรื่องดีและร้ายไปด้วยกัน ข่าวนี้อาจจะน่าเศร้าสักหน่อยแต่ก็เป็นเรื่องที่มองแล้วอบอุ่นในอีกมุมนะครับผม มาเข้าเรื่องกันเลยครับ โจนาธาน ฮาร์ดแมน คือนักผจญภัยจากเมืองเบรกเคนริดจ์ รัฐโคโลราโด สหรัฐฯ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็มักจะมีคู่หู 4 ขา อย่างเจ้าแรมโบ้ไปด้วยเสมอ และครั้งนี้เขาจะเจ้าแรมโบ้ก็ได้ออกไปปีนเขา เบียร์สตัดท์ โดยแน่นอนว่าทุกครั้งจะมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่ได้เตรียมใจว่ามันจะเป็นการผจญภัยครั้งสุดท้ายของทั้งคู่ที่จะได้ร่วมทางกัน

โดยทางไลฟ์บัซ เว็บไซต์ ได้นำเสนอเรื่องราวนี้อย่างสุดซึ้ง ว่าในขณะที่ โจนาธาน ฮาร์ดแมน เจ้าแรมโบ้ และกลุ่มเพื่อนนักปีนเขาได้เผชิญกับสถาการณ์ที่คาดว่าจะเป็นอันตราย มีเมฆฝนลอยมาและฟ้าคะนองอย่างหนัก ณ จุดนั้น ทำให้พวกเขาตัดสินใจลงจากบนของภูเขาเบียร์สตัดท์ อย่างรวดเร็ว แต่ทว่าในขณะที่ โจนาธาน  กับแรมโบ้กำลังลงจากเขานั้นเกิดกระแสฟ้าผ่า เปรี้ยง!! ลงมาอย่างแรง โจนาธาน เขารู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่กับพื้นและได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก ส่วนเจ้าแรมโบ้นั้นมันนอนแน่นิ่งอยู่ข้างกายเขา แล้วมันก็ได้จากเขาไปโดยไม่ทันไม่ร่ำลาเลย

หลังจากนั้น โจนาธาน ฮาร์ดแมน ถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลและเขาก็ได้ทราบจากหมอว่า โชคดีมากที่มีเจ้า 4 ขา สุนัขแสนรักของเขานั้นช่วยชีวิตเอาไว้ เพราะถ้าไม่มีมันป่านนี้ โจนาธาน ฮาร์ดแมน เองก็คงจะไม่อยู่มาจนถึงตอนนี้ เนื่องจากว่าเจ้าแรมโบ้รับเอากระแสไฟฟ้าไปมากกว่าเขา ทำให้มันสละชีพไปแทนเขานั่นเอง

ด้วยความรักและคิดถึงเจ้าแรมโบของโจนาธาน ทำให้เขาย้อนไปดูภาพการผจญภัยของเขากับเจ้าแรมโบ้บนยอดเขานั้น และนำเสนอเรื่องราวผ่านเฟสบุ๊ค กล่าวถึงกาลเสียสละชีวิตของแรมโบ้และบอกคิดถึงมันมากเลยนะ เมื่อเรื่องราวนี้ถูกนำเสนอบนอินเตอร์เน็ตก็มีชาวเน็ตมาให้กำลังใจโจนาธานและยกย่องเจ้าแรมโบ้ให้เป็นหมาผู้ที่รักและซื่อสัตว์ต่อนายอย่างมาก  เรื่องราวชวนซึ้งมากครับเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทุกวันนี้เราก็ดูแลเจ้าตูบที่บ้านให้ดีนะครับผม

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก  Jonathan Tyler และ thedodo.com

[มีคำถาม] ทำไมแมวชอบเอาตัวมาคลอเครียขามนุษย์ ?

แมวเป็นสัตว์ที่มีต่อมกลิ่นเฉพาะตัวของมันแทบจะทั่วร่างกายเลย และเวลามันต้องการจะแสดงความเป็นเจ้าของกับอะไรสักอย่าง แมวจะเริ่มเลีย คลอเครีย เข้าใกล้อย่างมากเลย เราจึงเห็นบ่อย ๆ ที่เเมวมักจะเอาตัวของมันหรือสีข้างมาถู ๆ ไถ ๆ ขาของเรานั่นเองครับ

ต่อมกลิ่นของแมวมีส่วนไหนบ้าง ?

อย่างที่เกริ่นไปในตอนต้นว่ามีแทบจะทั่วตัวเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น สีข้าง หาง ริมฝีปาก หน้าผาก ของแมว ไม่ว่ามันจะเอาส่วนไหนมาสัมผัสก็มีกลิ่นของมันติดมาด้วยแน่นอน แมวมันก็มีความเป็นส่วนตัวและต้องการแสดงความเป็นเจ้าของกับหลาย ๆ อย่างเหมือนกันนะครับเพียงแต่การแสดงออกของมันนั้นอาจจะเป็นเหมือนลูกอ้อนมาก ๆ ก็ตาม

ถ้าหากว่าแมวที่เป็นคุณหรือมีแมวที่ไหนกำลังเอาตัวมาถู ๆ คลอเครียขาคุณอยู่ แสดงว่ามันสนใจคุณมาก ๆ หากเป็นแมวที่เลี้ยงเองก็แปลได้ว่ามันรักคุณมากมายเลย และมันกำลังแสดงความเป็นเจ้าของกับคุณอยู่ จงดีใจไว้เลยว่าแมวก็ไม่ได้เมินมนุษย์เสมอไปนะ มีมุกที่แมวเองก็เรียกร้องความสนใจเหมือนกัน (จะไม่บางอารมณ์ของแมวแต่ละตัวก็ตามที) เราควรจะดีใจนะครับที่แมวมาคลอเครียร์ใกล้ ๆ แสดงว่าชนะใจแมวได้แล้วล่ะครับ

อย่างไรก็ตามไม่ว่าแมวจะทำอะไรอยู่แบบไหน ในฐานะเจ้าของและทาสเเมวโดยสมบูรณ์อย่าลืมให้ความสำคัญกับมันด้วยนะครับ หากเรารักมันมาก ๆ มันเองก็คงจะรักเราไม่ต่างกันครับผม

ทำไมแมวใช้เวลาหมดไปกับการนอน 17 ชั่วโมงต่อวัน

เคยสังเกตไหมครับในแต่ละวัน หนึ่งวันบรรดาแมว ๆ ทั้งหลายใช้เวลาไปกับอะไรบ้าง ส่วนใหญ่เราจะเห็นเหล่าแมวตัวป่วนทั้งหลายนิ่งสนิทหลับ เคลิ้มอยู่ ณ ส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ขอบหน้าต่าง ขอบกำลังแพง เก้าอี้ โซฟา เตียงนอน คอนโดแมว โต๊ะอาหาร หลังตู้เย็น หลังคาบ้าน และอื่น ๆ ทุกที่เป็นที่นอนได้หมดเลยสำหรับแมว ส่วนใหญ่มักจะเป็นที่สูง ๆ เสียด้วย ทำไมกันนะแมวถึงชอบนอนอะไรมากขนาดนี้

ทำไมแมวชอบนอน ?

ขนาดมนุษย์เรายังบอกว่าการนอนหลับคือการพักผ่อนที่ดีที่สุดเลยจริงไหมครับ ถ้าเช่นนั้นแมวก็โคตรได้พักผ่อน หลับสบาย สุด ๆ เลย 1 วัน แมวนอนยาวรวมกว่า 17 ชั่วโมง โอ้โห้ จะนอนกินประเทศกันเลยหรอ ? ห้ามไม่ได้นะครับก็ในเมื่อการนอนเป็นกิจวัตรประจำที่น้องแมวชอบทำอยู่แล้วนั่นเอง อาจจะอารมณ์ประมาณว่า ถ้าไม่นอนจะให้แมวทำอะไร

นิสัยการนอนของแมวนั้นคงติดมาจากบรรพบุรุษแมวที่เป็นแมวป่ามาก่อน แต่ไม่ชอบการออกหาล่าเหยื่อ ยกเว้นเวลาหิวเลยเอาเวลาที่เหลือ ๆ นี้มาหมดไปกับการนอนแล้วก็นอนนั่นเองครับ กินอิ่มแล้วก็ต้องนอน เล่นเสร็จแล้วก็หาที่นอน เบื่อการเล่นกับมนุษย์แล้วก็นอน แมวตัวไหน ๆ ก็ชื่นชอบการนอนเป็นชีวิตจิตใจ มันจึงกลายเป็นเรื่องปกติของบรรดาแมวทั้งหลายที่เป็นแมวขี้เซากันทุกตัวเลยครับ

เวลาแมวหลับมันก็น่ารักดีนะครับ เหมือนโลกกับมาสู่ความสงบสุขอีกครั้ง แต่เวลาแมวตื่นคุณจะต้องมาสนใจแมวนะครับผม เพราะมันจะต้องการเรียกร้องความสนใจอย่างมากเลยทีเดียว  บ้านไหนที่เลี้ยงแมวก็อย่าลืมจัดหาสถานที่และที่นอนแมวไว้ให้พร้อมนะครับ เพราะการนอนคือสิ่งสำคัญมากสำหรับน้องแมวเลยครับ

เห็นลายบนตัวข้ามั้ยเจ้ามนุษย์ ข้าเป็น “เสือ” ในร่างแมวรู้ไว้ซะ

วันนี้มีความลายเสือมาฝากครับ มีท่านใดเคยเห็นแมวที่ลายเหมือนเสือ หน้าตาดูผ่าน ๆ นี่มันเสือชัด ๆ แต่เป็นเสือฉบับมินิมอลมากเลย เพราะคงเป็นเสือตัวเท่าแมว วันนี้ผมมีเจ้าแมวลายเสือสายพันธุ์เบงกอลมาฝากครั้ง เป็นเน็ตไอดอลเเมวอีกตัวที่มีคนพูดถึงค่อนข้างเยอะเหมือนกัน เจ้านี่ชื่อ  Thor  ครับ เป็นแมวจากประเทศเบลเยี่ยมมาดูความน่ารักของมันกันดีกว่า

มองข้าทำไมเจ้ามนุษย์ ไม่เคยเห็นเสือหรอ ?

มีอะไรกินมั่ง เอามาซิมนุษย์ อย่าให้ข้าต้องคำราม

คิดการใหญ่ต้องใจนิ่ง

เขี้ยวเล็บต้องหมั่นฝึก(ฝน) เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งาน

ยอมอ่อนข้อเพื่อล่อเหยื่อ โฮ่ ๆ

อย่าเข้ามานะ ดูเขี้ยว ซะก่อน เหอะ ๆ

ของีบสักแป๊ปนะ

เคยเห็นเสือในสารคดีนอนแบบนี้บ่อย ๆ (เอามั่ง)

บริหารร่างกายสักหน่อย อึ๊บ ๆ

แล้วก็นอน สิ!!

แค่กรงเล็บกับสายตา ใครผ่านมาจำต้องสยบ

เป็นไงครับสำหรับเสือน้อยตัวนี้ สายพันธุ์นี้นะครับเป็นแมวที่ถูกพัฒนามาอีกทีจาก Egyptian Mau มาผสมกับแมวดาว Asian Leopard Cat จนออกมาเป็นเจ้าเสือน้อยลายนี้ ชื่อสายพันธุ์เบงกอลนี่เอง  ใครอยากจะตามไปดูความน่ารักของเจ้า Thor ก็ไปตามต่อที่ไอจี  bengalthor นะครับผม

ขอบคุณภาพจาก : IG: bengalthor

ต้องเป็นแมวที่ ป่วย และ แก่ เธอคนนี้ถึงจะเลี้ยง มาติดตามเรื่องราวความแปลกนี้กัน

การรับเลี้ยงแมวสำหรับคนทั่วไปอาจจะอยากได้ตัวที่น่ารัก ๆ เชื่อง ๆ เลี้ยงง่าย ดูแลง่าย แต่สำหรับเธอคนนี้ Dominique Weiser มันต้องไม่ธรรมดาในการรับเลี้ยงแมว เธอเป็นหญิงสาวชาวนครเบอร์ลิน เงื่อนไขในการรับเลี้ยงแมวของเธอที่แจ้งแก่สถานพักพิงนั้นจะต้องแก่ หรือไม่สบาย คือจะต้องเป็นแมวที่ต้องได้รับการดูแลแบบพิเศษ ๆ นั่นเอง นับถือใจเธอแล้วล่ะครับ

เธอได้แมวตัวไหนมาเลี้ยง ?

โชคชะตาฟ้ากำหนด หรือแมวกำหนดไม่รู้ครับในระหว่างที่เธอกำลังเดินอยู่ในศูนย์พักพิงนั้น มีแมวตัวหนึ่งที่พยายามเรียกร้องความสนใจและพยายามเอาหัวมันกระแทกกับกรงเพื่อให้ได้ออกไปหาเธอ มันคือเจ้า Noodle และเจ้าหน้าที่ก็เปิดกรงออก มันวิ่งตรงเข้าไปหา Dominique Weiser และนั่งบนตักเธอ อีกทั้งยังเรียกร้องความสนใจเต็มที่ คลอเคียร์ เลียมือ ทำนองกับบอกว่าช่วยรับมันไปเลี้ยงด้วย

เจ้าแมว Noodle อ้อนสำเร็จทำให้เธอรับมันไปเลี้ยงด้วย และมันก็ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นข้ออักเสบและต้องยาไปตลอดชีวิตของมันเลย แถมยังแก่แล้วอายุตั้ง 10 ปี แต่มันก็มีความน่ารักในแบบของมัน เจ้าหน้าบอกว่าพบมันมันถูกทิ้งมานาน 4 เดือนแล้วในสถานที่น่ากลัว ๆ  และเธอยังบอกอีกว่าจะเลี้ยงเจ้า Noodle ให้ดีที่สุดเหมือนกับแมวตัวอื่น ๆ มันก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวของเธอ

แล้วตอนนี้เธอกับเจ้า Noodle ก็อยู่ด้วยกันมา 3 ปีแล้ว มันกินดีอยู่ดี อ้วยเป็นหมีกันแล้ว มันชอบนอนหลับใต้ผ้าห่มและหลับไปพร้อมกัน ทั้งเธอและแมวมีความสุขกันทั้งคู่ เธอรู้สึกขอบคุณมันที่ยอมให้เธอเป็นเจ้าของด้วย และเชื่อว่ามันเองก็คงจะรู้สึกขอบคุณเธอเช่นกันครับ

ช่างเป็นแมวที่โชคดีจริง ๆ เลย เชื่อครับว่ามันคงจะมีความสุขกับครอบครัวนี้ไปตลอดกาล

เรื่องราวความน่ารักของคนกับแมวที่เคยจร ตอนนี้มีเจ้าของมันช่างอบอุ่นใจอย่างยิ่งว่าไหมครับ ขอให้ทุกคนเลี้ยงแมวก็รักแมวด้วยนะครับ อย่าเอาเขาไปทอดทิ้งเลยแม้บางทีเขาจะดื้อบ้าง ซนบ้าง ก็ค่อย ๆ เอาน้ำเข้าลูบนะครับ แมวต้องการคนเอาใจมาก ๆ ครับผม

ขอบคุณข้อมูลจาก lovemeow

 

[มีคำถาม] ทำไมเวลาเราหิ้วคอแมว มันถึงนิ่งสนิท ไม่ร้อง ไม่ดิ้นเลย ?

เคยเห็นเวลาแม่แมวมันคาบลูกแมวไหมครับ ? มันจะคาบตรงส่วนไหน สังเกตว่ามันจะคาบที่ส่วนคอนั่นเอง เวลาคนเราจะหิ้วแมวเล่นบริเวณคอก็เหมือนกัน แมวมันจะนิ่ง แต่ไม่หลับแค่มันไม่ขยับเท่านั้นเอง มันจะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้แมวนิ่งแบบนั้นได้ แต่เราก็อาจจะเห็นพฤติกรรมหิ้วคอแล้วนิ่งนี้กับสัตว์ 4 ขา เลี้ยงลูกด้วยนมอีกหลายชนิดเลย สุนัข สิงโต เสือ ทำนองนี้ก็ล้วนแต่หิ้วคอลูก ๆ กันทั้งนั้นครับ มาเราทำความเข้าใจกันดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจ

หลังคอแมวเป็นอย่างไร ?

เมื่อแมวปล่อยให้แม่แมว และคนหิ้วได้อย่างอิสระแบบนั้นแสดงว่าต้องมีอะไรพิเศษกว่าสัตว์หลายประเภทแน่นอน ถูกต้องแล้วครับ หลังคอแมวจะมีหนังที่ยืดออกมาได้เยอะมาก ก็เป็นส่วนที่เหมือนถูกออกแบบมาเพื่อให้โดนหิ้วได้ง่าย ๆ นั้นเอง  เหมือนเป็นปุ่ม Stop เอากดเพื่อหยุดแมวโดยเฉพาะ 555+ ถ้ามันดิ้น ร้องโวยวายเวลาโดนหิ้วมันอาจจะได้รับบาดเจ็บก็ได้ เลยจำใจต้องยอมให้หิ้วได้อย่างนั้นครับ

สัญญาติญาณแมว ๆ ของความเป็นแมวโดนหิ้ว

แมวทุกตัวล้วนแต่เคยผ่านประสบการณ์ในการโดนหิ้วมาด้วยกันทั้งนั้น  เมื่อแมวโดนหิ้วมันจะมีสัญญาติญาณของแมวว่ามันจะต้องอยู่นิ่ง ๆ เพื่อไม่ให้เจ็บตัว มันจะรู้สึกว่าเหมือนกำลังโดนบังคบให้ทำอะไรสักอย่างโดนขัดขืนไม่ได้ เช่น เมื่อแม่แมวหิ้วคอลูกแมว เจ้าแมวน้อยก็จะนิ่งและยอมให้หิ้วตามใจแม่

ใครที่อยากรู้ว่า เวลาแมวโดนหิ้วคอมันจะนิ่งจะยอมให้หิ้วจริงไหม ลองหิ้วเล่น ๆ แมวที่บ้านดูได้นะครับ แล้วมาแบ่งเรื่องราวกันได้ว่ามันเป็นอย่างไรบ้างเมื่อเจ้าจอมซมที่บ้านคุณโดนหิ้ว

 

Savannah หมาท่องโลกกับ Tom เจ้านายแสนรักของมัน

เรื่องราวความน่ารัก น่าประทับใจบนโลกใบนี้เกิดขึ้นมากมาย จะคนหรือสัตว์ต่างก็เป็นมิตรสหายกันได้ทั้งนั้นครับ สำหรับเรื่องนี้ผมจะนำเสนอเรื่องคน “คน กับ หมา” ที่พากันออกไปท่องโลก และแน่นอนคนพาไปคือคนนั่นเอง เขาคนนั้นเป็นชายหนุ่มที่เคยมองโลกในมุมปกติแต่แล้ววันหนึ่ง ความคิดเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อได้สูญเสียเพื่อนไป เขาจึงออกเดินทาง เขาคือ Tom Turcich  มาติดตามเรื่องของเขากันเถอะ

ชายหนุ่ม Tom Turcich เริ่มออกเดินทางในช่วงอายุ 25 ปีโดยตัวคนเดียว และเขาวางแผนมาก่อนแล้วถึง 8 ปี ในการเดินทางของเขา มีไอเดียต่าง ๆ นำเสนอสปอร์นเซอร์ เพื่อให้มีเงิน มีอาหารตลอดการเดินทางด้วย  และเขาได้ออกเดินทางจุดแรกจากบ้านเกิดของเชาเองเมือง New Jersey  นั่นเอง การเดินทางของเขามีเพื่อการกุศลด้วยโดยทางบริษัท Philadelphia Sign ที่เป็นสปอร์นเซอร์ของเขาจะจ่ายให้องศ์กรการกุศลทุก ๆ ไมล์ที่ทอมได้เดินทางไปเพื่อเป็นการอุทิศให้แก่เพื่อนสนิทของทอมที่จากไป

แล้ววันหนึ่ง Tom  ต้องนอนสะดุ้งตื่นกลางดึกและบ่อยครั้งที่เป็นแบบนั้นเขาจึงคิดว่าคงต้องมีเพื่อนร่วมทางสักหน่อย วันนี้เองที่ทำให้มีเจ้า   Savannah สุนัขนักท่องโลกเคียงคู่เขามา 1 ตัว ที่รับมาจากสถานรับเลี้ยงในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส แต่ว่าในการเดินทางของเจ้า 4 ขา ช่วงแรกอาจจะยังไม่ชินมันเลยต้องมีตะกร้าส่วนตัวสำหรับนอนพักในบางเวลาด้วย

การเดินทางของ 1 คน กับอีก 1 ตัว ดำเนินไปเรื่อย ๆ ในหลายต่อหลายประเทศ ซึ่งสร้างประสบการณ์ การเรียนรู้ ความตื่นเต้นให้แก่เขา ปัจจุบัน Tom Turcich อายุ 28 แล้วเก็บมาได้หลายประเทศมาก ๆ แล้วเขาก็พบความโหดร้ายของสภาพภูมิประเทศทะทรายในเปรู ร้อนเสียจนทนแทบไม่ได้เจ้า 4 ขา Savannah เองมันก็ต้องมีแว่นกันแดดนเลยทีเดียว

จากนั้นก็ไปเผชิญความเหน็บหนาวกันต่อที่ทวีปแอนตาร์กติกา ยากลำบากเอาการแต่ว่าพวกเขาทั้งสองก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี  ทอมมีความตั้งใจไว้ว่าเป้าหมายของเขาจะต้องไปให้ได้ครบ 7 ทวีปพร้อมเจ้า 4 ขาของเขาภายใน 5 ปี ก็หวังว่าเขาจะทำสำเร็จ  เป็นกำลังใจให้พวกเขากันครับ

เรื่องราวความน่าตื่นเต้นและภาพสวย ๆ ของทั้งสองมีให้ดูเรื่อย ๆ ผ่านอินสตาแกรม์ของทอมที่ Tom Turcich และเผื่อใครสนใจอยากจะร่วมบริจาคสมทบทุนการเดินทางของเขาไปได้ที่ Patreon ของพวกเขาได้เองเลยนะครับ การเดินทางมันแสนวิเศษเสมอ กับคนหรือสัตว์เราก็สามารถเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีต่อกันได้ ผมก็หวังว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะได้ยินข้าวดีของทั้งสองว่าไปเยือนมาครบทั้ง 7 ทวีปแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ครับผม

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก www.ladbible.com

เรื่องของแมวเศร้าเดินเหงา ๆ อยู่ตัวเดียว

มีข่าวรายงานความคืบหน้าเรื่องของแมวตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นแมวอ้วนที่คาดว่าน่าจะเคยมีเจ้าของมาก่อน แต่อาจจะหลงทางหาทางกลับบ้านไม่เจอหรือไม่มันก็ “ถูกทิ้ง” อย่าใจร้าย มีคนพบแมวอ้วนตัวนี้ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สายตามันเศร้า และ เหงา มาก ๆ เหมือนมันไม่ได้ขาดแค่ที่อยู่อาศัยและอาหารแต่ยังขาดซึ่งความรัก อีกด้วย

มีเจ้าหน้าที่ของห้างมาพบเข้าและส่งตัวเจ้าแมวให้กับศูนย์พักพิง Here Kitty Kitty Rescue ในเมือง Elkhart รัฐ Indiana มองสายตามันสิครับ เห็นแล้วเศร้าตามเลย ไม่มีใครรู้ว่ามันถูกทิ้งหรือหลงทาง เพราะไม่มีอะไรบ่งบอกถึงเจ้าของและที่มาของตัวมันเลย แล้วมันก็ถูกตั้งชื่อว่า Ryanne  มันเป็นแมวน่ารัก ชอบให้คนสนใจและชอบให้ลูบตัวมาก ๆ เจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงกล่าว

เจ้าแมวหน้าเศร้า Ryanne  อยู่ในศูนย์พักพิงได้ประมาน 1 สัปดาห์ ก็มีคนมารับตัวมันไปเลี้ยง โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งมากับครอบครัวของเธอเจ้าแมว Ryanne  ก็เดินเข้าไปหา ไปเล่นด้วยทันที เหมือนกันกำลังพยายามบอกว่าให้มันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วยเถอะนะ

แล้วมันก็สมหวังครอบครัวนี้ต้อนรับมันอย่างอบอุ่น

เจ้าแมว Ryanne  ใช้เวลาสักพักในการปรับตัวสำหรับบ้านใหม่ เจ้าของคนใหม่ แรก ๆ อาจจะไม่ชินแต่พอนานไป มันก็เริ่มที่จะหายเศร้า หายซึม กลับมาเป็นแมวร่าเริง เล่นกับเจ้าของต้องการให้เอาใจและทำตัวน่ารัก ๆ อย่างที่แมวทั่วไปเป็นกัน พร้อมกับอยู่กับครอบครัวใหม่นี้อย่างมีความสุข ครับ [จบแล้วเรื่องแมวหน้าเศร้า]

ขอบคุณข้อมูลLovemeow

“ภาษากาย” ของน้องเหมียวที่เจ้าของต้องรู้

แมวไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกตัวเองผ่านเสียงร้องอย่างเดียว แต่ยังมีภาษากายหลายอย่างที่กำลังสะท้อนบอกให้เจ้าของรับรู้ว่ามันกำลังรู้สึกอะไรอยู่ในขณะนั้น วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับภาษากายของแมวกันแบบง่าย ๆ ที่เจ้าของหลายคนก็ยังมองข้ามกันได้อีกนะครับจะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย

ภาษากายน้องเหมียว

  1. การสะบัดหาง หมายถึง น้องเเมวกำลังไม่พอใจอยู่กับอะไรบางอย่างในขณะนั้น แต่ว่าการสะบัดหากก็แปลว่ารู้สึกดีได้เหมือนกัน ในส่วนนี้เราจะต้องดูสถานการณ์และสถานที่ด้วยจะได้เข้าใจอารมณ์ของน้องแมวได้ถูก
  2.  หางตั้งตรงขนชี้ฟู มีเสียงขู่ ตาเบิกโพรง หมายถึง น้องเหมียวกำลังกลัว
  3. หางขดอยู่ใต้หว่างขา ตาโตและขู่ หมายถึง กำลังกลัวอยู่เช่นกัน
  4. หางตั้งขึ้นปลายหาเอนมาข้างหน้า หูตั้งและเอนมาข้างหน้า หมายถึง กำลังมีความสุข กำลังรู้สึกดี
  5.   หลบหน้า หนี หาย หมายถึง แมวกำลังเจ็บป่วยอยู่ เพราะเวลาแมวป่วยจะชอบหลบไม่อยากให้ใครเห็น (ไม่อยากให้เห็นตอนที่กำลังอยู่ในสภาพไม่สวยแน่ ๆ )

ภาษากายเป็นสิ่งที่น้องแมวแสดงออกง่ายที่สุด เราจะต้องทำความเข้าใจโดยเฉพาะเวลาที่น้องแมวหายไป หลบ และเบื่ออาหารแสดงว่าท่าไม่ดีแน่นอนควรพาไปพบแพทย์โดยเร็วจะได้รักษาและดูอาการของน้องแมวได้ทันนะครับ

การสำรวจโลกภายนอกครั้งแรกของน้องเหมียว เริ่มต้นอย่างไร

ต้อนรับมิตรรักแฟนแมวทั้งหลายครับ การเลี้ยงแมวไม่ใช่จะต้องคอยให้อยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว เพราะว่าแมวต้องการที่จะอยากออกไปผจญภัยข้างนอกเหมือนกัน แต่ทำสำคัญ “อย่าลืมทำหมัน” นะครับ เรามาดูกันหน่อยว่าเมื่อไหร่คือช่วงเวลาอันสมควรที่จะปล่อยให้แมวนั้นรู้จักภายนอกได้

สถานที่เรียนรู้ครั้งแรกสำหรับน้องเหมียว

ครั้งแรกย่อมตื่นเต้นเสมอสำหรับน้องเหมียวแล้วอิสระคือความสุขมากที่สุด แต่การจะออกไปเผชิญโลกกว้างนั้นมันจะต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป วันเวลาที่เหมาะสุดในการออกมานอกบ้านเปิดโลกของการสำรวจขึ้นต้องเป็นวันที่อากาศดี ๆ บรรยากาศแห้ง ๆ และต้องมั่นใจว่าปลอดภัยสำหรับน้องแมวด้วย ครั้งแรกนี้ให้เป็นสนามหน้าในบริเวณบ้านตัวเองดีที่สุด เพราะว่าปลอดภัยมากกว่าที่อื่นอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่จะปล่อยให้แมวออกมาได้เองเลยมันต้องมีขั้นตอน

ครั้งแรกของการผจญภัยสำหรับแมว

น้องแมวที่จะได้รับอนุญาติให้ออกมาเล่นข้างนอกได้นั้นต้องมีอายุประมาณ 13 สัปดาห์และหลังจากได้รับวัคซีนในครั้งที่ 2 แล้วเท่านั้น เล็กกว่านี้ไม่แนะนำเพราะอาจจะมีอันตรายได้ โดยในครั้งแรกนี้เจ้าของจะต้องเป็นคนอุ้มพาออกไปเดินเล่นก่อนให้น้องแมวได้มองเห็น สิ่งต่าง ๆ รอบข้าง คิด คำนวนเรียนรู้ และค่อย ๆ สัมผัสไปทีละน้อย มีเริ่มมีแผนที่ของตัวเองสำหรับเส้นทางการเดินสำรวจโลกของแมว

ในช่วงแรกนี้น้องแมวจะค่อนข้างตื่นเต้นมากเวลาที่จะได้ออกสำรวจโลก เจ้าของควรจะต้องใช้สายจูงและพาไปด้วย เพื่อความปลอดภัยของน้องเหมียว เพราะครั้งแรก ๆ อาจจะทำให้เกิดความประมาทและตื่นเต้นกับโลกจนไม่ทันได้ระวังตัวเอง แมวมีความอยากรู้อยากเห็น อยากลอง ไปเสียหมด และในบ้านจะต้องมีประตูแมวไว้ด้วย และจะฝึกให้เจ้าเหมียวเข้าออกโดยใช้ประตูแมวให้เป็น ในอนาคตเจ้าเหมียวก็ออกไปสำรวจโลกได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีเจ้าของพาไปได้แล้ว

สายจูงจะไม่ต้องใช้ก็ต่อเมื่อแมวน้อยได้รับการทำหมันแล้ว หรือไม่ก็อายุได้ประมาณ  5 – 6 เดือน โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วนั่นเอง และเมื่อถึงเวลานั้นน้องแมวก็คงจะผ่านการฝึกเข้าออกบ้านโดยการใช้ประตูแมวได้อย่างดีแล้ว และรู้เส้นทางในการกลับบ้านด้วยตัวเอง

บ้านไหนกำลังเลี้ยงน้องเหมียวน้อยอยู่ หากโตพอที่จะพาออกสำรวจโลกแล้วอย่าลืมเตรียมสถานที่ให้พร้อม และนำไปฉีดวัคซีนให้ครบ ทำหมัน และฝึกการเดินเข้าออกผ่านประตูแมวให้เป็น น้องแมวจะค่อย ๆ เรียนรู้และสำรวจโลกกว้างอย่างมีความสุขและตื่นเต้นพร้อมทั้งกลับมาบ้านอย่างปลอดภัยครับ

การฝึกขับถ่าย ให้น้องเหมียวแสนง่ายทำยังไงมาดูกัน

สวัสดีครับทุกท่านวันนี้มาเรียนรู้เรื่องที่หลาย ๆ คนคงจะรู้กันอยู่แล้วคือ การหาห้องน้ำให้น้องแมวและการฝึกขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง ซึ่งการจะทำห้องน้ำให้น้องแมวนั้นเพียงแค่ไปหากระบะทรายมา ทรายแมวหาซื้อไม่ยากตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงมีพร้อม อยากจะได้สีอะไร ขนาดแค่ไหน ราคาเท่าไหร่ปรึกษาคนขายได้เลยครับ เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องการฝึกขับถ่ายสำหรับเจ้าแมวกันเลยดีกว่า

ปกติแล้วแมวจะได้รับการสอนจากแม่แมวให้รู้จักการขับถ่ายตั้งแต่อายุได้ 8 เดือนเลย มันจะรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ และพอโตมามันก็ต้องรู้จักที่จะขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง เจ้าของควรจะจัดหาห้องน้ำแมวมาไว้ให้พร้อมสำหรับแมวทุกตัวภายในบ้าน

การจัดหาห้องแมวจะต้องทำดังนี้

  1.   หากระบะมาใส่ทรายแมวให้เรียบร้อยและถ้าจะให้ดีควรแยกกระบะส่วนตัวของใครของมันสำหรับแมวแต่ละตัว
  2. นำไปวางไว้ให้ไกลจากที่ทานอาหารทั้งแมวและคน
  3. นำไปวางในที่ที่สงบที่สุด และไม่มีอะไรมารบกวนเวลาขับถ่ายของแมวได้
  4. จะต้องทำความสะอาดทุกวัน

การฝึกขับถ่ายสำหรับน้องแมว

ในการฝึกน้องแมวให้ขับถ่ายเป็นที่นั้นไม่ยากแต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย ทำได้ง่าย ๆ หลักจากที่เราได้เตรียมห้องน้ำส่วนตัวแมวไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะต้องอุ้มน้องแมวไปวางที่กระบะทรายเป็นประจำทุกวันในช่วงเช้า หลังอาหาร และก่อนนอน จนน้องแมวเข้าใจได้ว่าตรงนั้นคือห้องน้ำสำหรับการขับถ่าย หากน้องแมวทำได้แล้วอย่าลืมให้รางวัลเป็นของขวัญ ขนมอร่อย ๆ ด้วย แต่ถ้าหากน้องแมวยังทำไม่ได้ก็ห้ามทำโทษและให้อดทน รอ และฝึกเขาต่อไป เชื่อว่าไม่นานแมวทุกตัวก็จะทำได้และขับถ่ายถูกที่เพราะว่าแมวเป็นสัตว์ที่ฉลาดอยู่แล้วครับ

ทุกบ้านที่เลี้ยงแมวโดยเฉพาะในบริเวณบ้านที่ไม่มีพื้นที่โล่งว่าง สงบมากพอจะให้แมวหาห้องน้ำได้เอง การสร้างห้องน้ำให้น้องแมวเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ มองข้ามไม่ได้และเราจะต้องฝึกให้น้องแมวเรียนรู้ที่จะใช้มันด้วย ในอนาคตข้างหน้ามันจะได้ขับถ่ายอย่างเป็นที่เป็นทางง่ายต่อการทำความสะอาดสำหรับเจ้าของอีกด้วยครับ

อาหารสดแบบไหนที่เป็นของโปรดเจ้าเหมียว ควรเลือกอย่างไรให้เหมาะสมที่สุด

แมวเป็นสัตว์กระตูลกินเนื้อเหมือนกัน แต่มันก็แทบจะกินทุกอย่างที่อร่อยสำหรับแมว บางคนเลี้ยงแมวแต่ไม่เคยเปลี่ยนอาหารเลยให้แต่อาหารแบบเดิมซ้ำ ๆ แบบนั้นระวังนะครับน้องแมวอาจจะได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอก็ได้  วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของอาหารสดสำหรับน้องแมวกันว่ามีอะไรบ้างที่ทานได้ และนอกจากอาหารสดน้องแมวทานอาหารแบบไหนได้บ้างถึงจะมีประโยชน์

อาหารสดแมวประเภทปลา

ถ้าคิดถึงแมว กับ อาหาร ของที่หลายคนคิดถึงคงจะเป็น ปลา หรือ ปลาทู เกือบจะ 90 % กันเลย มันก็ไม่ผิดแมวกินปลาและชอบมาก ๆ ด้วย ถึงแม้ว่าการกินปลาสด ๆ จะไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับน้องแมวแต่ว่าแมวมันไม่ต้องหากินเองตามธรรมชาติแล้ว เพราะเป็นแมวเลี้ยงผู้เลี้ยงอย่างเรา ๆ ก็ควรจะใส่ใจในอาหารด้วย ตัวปลาสดเองก็ต้องเอามาปรุงให้สุกก่อน ความเป็นปลาที่ให้แมวนั้นในต่างประเทศจะเป็นปลากระป๋องมากกว่าปลาสดนะ แต่จะหาปลากระป๋องมาให้น้องเหมียวกินบ่อย ๆ ก็เสี่ยงที่จะได้รับสารอันตรายอย่างสารตะกั่วการแมกนีเซียมซึ่งจะเป็นภัยต่อแมวแน่นอน และปลาเองแบบไม่ต้องอยู่ในกระป๋องโดยเฉพาะปลาน้ำเค็มก็มีเกลือเยอะไปกินบ่อย ๆ ก็ไม่ดีต่อไตด้วยนะ สลับ ๆ อาหารจะเป็นการดีสุด

อาหารสดแมวชีล Cheese

อาหารที่แมวชอบกินอีกอย่างหนึ่งก็คือชีส เป็นว่าถือเป็นแหล่งโปรตีนสำหรับน้องเหมียวเลย แต่ก็ยังเป็นอาหารที่ไม่สามารถจะให้ได้ทุกวันอีกเช่นกัน และการทานนมก็เหมือนกันหากน้องแมวกินแล้วท้องเสีย ท้องอืดขึ้นมาชีสก็ให้ไม่ได้มันอันตรายต่อสุขภาพของน้องแมว แต่ว่าจะเลือกมาใช้เป็น Low Lactose Cheeses ลองหาซื้อดูตามร้านจำหน่ายอาหารสัตว์อาจจะมีบ้างหรือร้านสะดวกซื้อทั่วไปก็อาจจะมี

บล็อคโครี่สำหรับแมว

โปรตีนอาจจะจำเป็นต่อแมวจริงแต่จะกินแต่เพียงโปรตีนอย่างเดียวก็ไม่ได้นะ  หลายคนอาจจะเคยเห็นน้องแมวบางทีจะต้องเเทะต้นไม้ ผักใบไม้ หรือบางบ้านไม่มีต้นอะไรให้แทะไม้กวาดก็ยังโดน พฤติกรรมเหล่านี้แปลได้ว่าระบบทางเดินอาหารของเจ้าเหมียวกำลังมีปัญหาอยู่นะ ฉะนั้นควรจะมีหญ้าแมวไว้ในบ้านแด้วยและการจัดเตรียมอาหารให้แมวก็เลือกที่หลากหลายให้มีส่วนผสมของผักใบเขียวด้วยจะได้มีประโยชน์มากขึ้น

อาหารสดแมวประเภทเนื้อ Beef  

คำว่าเนื้อในที่นี้หลัก ๆ อาจจะหมายถึงเนื้อวัวแต่ว่า ก็รวมไปถึงเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลาด้วย เราให้น้องแมวทานในปริมาณที่เหมาะสมได้ อย่าให้ทานมากไประวังจะกลายเป็นแมวอ้วนเกินไป น้ำหนักตัวเกิน โรคร้ายอาจจะถามหาได้ง่าย ๆ เลยและตัวเนื้อต่าง ให้ตัดส่วนที่เป็นไขมันออกไปให้ส่วนที่เป็นเนื้อล้วน ๆ เท่านั้นจะดีกว่า และสิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าลืมนำไปปรุงให้สุกก่อนด้วยนะครับ

นอกจากอาหารสดที่กล่าวมาแล้วก็ยังมีอีกมากมายหลายอย่างที่น้องแมวทานได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอาหารแมวแบบไหนสิ่งที่ควรคิดถึงก็คือ ต้องมีประโยชน์ต่อร่างกาย ต้องปรุงสุกแล้ว สะอาด และควรให้ทานในปริมาณที่เหมาะสม พยายามอย่าให้อาหารแบบเดิมซ้ำ ๆ เปลี่ยนอาหารให้มีความหลากหลายด้วยน้องแมวจะได้ไม่เบื่ออาหารครับ

6 วิธีกำจัดเห็นหมัดในสุนัขตัวโปรดของคุณอย่างง่ายทำได้ด้วยตัวเอง

มีหมาก็ต้องมีหมัดไม่รู้ว่ามันเป็นสำนวนมาจากทางไหน แต่ดูแล้วก็เหมือนจะเป็นจริงอย่างนั้นเพราะว่าเห็นหมัดกับน้องหมานั้นมีอยู่ด้วยกันตลอดจริง ๆ บางทีเราว่าเราดูแลดีแล้วแต่ก็ยังไม่วายมีเห็บอยู่เหมือนเดิม สำหรับวันนี้เรานำ 6 วิธีกำจัดเห็นหมัดให้อยู่หมัดมาฝากกันครับ สามารถนำไปใช้ได้กับทุก ๆ บ้านเลยไม่หวง ๆ

6 วิธีกำจัดเห็บในสุนัข 

บอกเลยว่าในขั้นตอนที่เราจะแนะนำนี้ไม่มีอะไรยากเลย ทุกบ้านสามารถนำวิธีทั้งหมดไปใช้กับน้องหมาในบ้านตัวเองได้เลยครับ มีอะไรบ้างมาติดตามกันได้เลย

  1.  การตัดขน : เป็นขั้นแรกเลยสำหรับบ้านไหนที่เห็บหมัดเยอะ เมื่อตัดขนให้สั้นลงเราก็เหมือนกำจัดแหล่งสะสมของบรรดาเห็บไปได้ในระดับหนึ่ง แล้วยังทำให้เรามองเห็นผิวหนังของสุนัขได้ชัดเจนขึ้น หากเจอเห็บหมัดก็หยิบออกมาได้เลย แต่ถ้าขนยาวเราจะมองไม่ค่อยเห็น
  2. การใช้แชมพูกำจัดเห็บหมัด : จะเป็นยี่ห้อไหนสูตรอะไรก็ลองเลือกกันดูให้เหมาะสมกับสภาพผิวหนังของสุนัขเรามากที่สุด หากไม่แน่ใจในการเลือกซื้อแนะนำให้สอบถามผู้รู้หรือสัตวแพทย์ก่อน เราจะได้เลือกผลิตภัณฑ์แชมพูกำจัดเห็นหมัดได้ถูกตัว
  3.  การใช้แป้งกำจัดเห็นหมัด : หาซื้อได้ไม่ยากเช่นกัน แป้งจะใช้งานเพราะแค่นำมาโรยบนตัวของน้องหมาแล้วมันอาจจะคันหน่อย ๆ แต่ว่าได้ผลดีเห็บจะเเข็งและตายไปในที่สุด เช่นกันว่าจะต้องเลือกแป้งกำจัดเห็บหมัดให้เข้ากับช่วงอายุและสายพันธุ์ของน้องหมาด้วย
  4.  ยาหยอดกำจัดเห็บหมัด : เป็นยาใช้สำหรับหยอดลงบนคอหรือท้ายทอยของสุนัข ตัวนี้ไม่รู้ว่ามันออกฤทธิ์อย่างไรแต่ว่าได้ผลดีมากเลยทีเดียว สุนัขเด็ก ๆ ใช้แป้งก็ยังไม่ได้นั้น ขั้นตอนการหยอดจะปลอดภัยมากที่สุดเห็บจะไม่มาเกาะสักพักใหญ่ ๆ เลย
  5. สเปรย์กำจัดเห็บ : เป็นอีกตัวที่ใช้ในการพ่นลงบนตัวของสุนัข แต่ระวังอย่าให้เข้าปากเข้าตาได้ ค่อนข้างอันนตราย ใครจะใช้สเปรย์กำจัดเห็บนี้จะต้องอ่านคู่มือการใช้งานให้ดี นะครับ
  6. ปอกคอกำจัดเห็บหมัด : เป็นนวัฒตกรรมใหม่ของวงการจริง ๆ สำหรับการใช้ปอกคอกำจัดเห็บหมัด แต่ระวังเวลาสวมอย่าให้มีส่วนไหนของปอกคอโผล่ออกมาให้สุนัขแทะ กัด ถึงได้เพราะว่ามันมีสารเคมีอันตรายอยู่ในนั้นด้วยครับ

เพียงเท่านี้เราก็ได้วิธีในการกำจัดเห็บอย่างมากมายแล้ว ใครที่อยากจะนำไปใช้ก็เลือกได้เลย ส่วนใหญ่จะต้องมีการใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดเห็บหมัดต่าง ๆ เข้ามาช่วยอย่าลืมสอบถามข้อมูลจากทางสัตวแพทย์หรือคนขายให้ดีครับ เราจะได้เลือกของที่เหมาะกับน้องหมาชองเรา

 

Pallas แมวสายพันธุ์ที่ขนนุ่มที่สุด ชอบอาศัยอยู่ในถ้ำ [แมวหรือค้างคาวเนี่ย] มาดูกัน

วันนี้ก็มีเรื่องแมว ๆ มาฝากกันครับ เป็นแมวสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าขนนุ่มที่สุดในบรรดาแมว ๆ นั่นเอง Pallas นั่นเอง เรามาทำความรู้จักกับแมวตัวนี้กันดีกว่า บอกเลยว่าจะต้องชอบและอยากเลี้ยงอย่างแน่นอน บางทีก็อาจจะสงสัยนะว่านี่มันแมวหรือค้างคาวหรือว่านกฮูกกันแน่ เชื่อเถอะว่าวันนี้จะต้องสงสัยตามผมแน่นอนครับเมื่อได้รู้จักกับเจ้าเหมียวสายพันธุ์ Pallas นี้แล้ว

ลักษณะทั่วไปของแมว Pallas

อาจจะมีขนฟูขนปุย ๆ ดูตัวใหญ่กว่าแมวสายพันธุ์อื่น ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ตัวใหญ่ครับ ตัวเท่า ๆ กับแมวพันธุ์อื่นเลยเพียงแค่ขนมันฟูและเยอะกว่าเท่านั้นเองแถมยังมีขนนุ่มมาก ๆ อีกด้วย  น้ำหนักของแมว 2.5 – 4.5 กิโลกรัม เท่านั้นเองก็เป็นน้ำหนักของแมวทั่วไปนั่นเอง  ขนของเจ้าพัลลัสนี้ไม่ได้มีไว้แค่ให้กอดอุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นเกราะป้องกันอันตรายให้กับตัวมันเองได้เป็นอย่างดีเลย ทำนองว่าหากจะไปสู้กับแมวอื่น ๆ โอกาสที่จะถูกกัดนั้นมีน้อยกว่าแมวทั่วไปด้วย มองโลกในแง่ดีจริง ๆ ใช่ไหมล่ะครับ

เจ้าแมวพันธุ์ Pallas นี้ยังได้ชื่อว่าเป็นแมวอ้วนมาก ๆ อีกด้วย  ถ้าไม่เชื่อลองดูจากภาพด้านบนก็ได้ครับ เป็นคำตอบได้อย่างดีเลย แม้ว่าในความจริงตัวมันจะไม่ได้อ้วนขนาดนี้เพียงแต่ว่าขนมันฟูมากเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง ใครที่เลี้ยงแมวพันธุ์นี้แค่เดิมผ่านเฉย ๆ แมวอื่นก็อาจจะวิ่งแล้วก็ได้ แต่ในประเทศไทยนั้นไม่ค่อยนิยมเลี้ยงกันสักเท่าไหร่ เจ้า Pallas นั้นชอบอาศัยอยู่ในถ้ำอีกทั้งยังชอบออกไปหากินตอนกลางคืนอีกด้วย ข้อนี้แหละทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่านี่แมวหรือค้างคาว หรือนกฮูกกันแน่ ดูหน้าตาบางทีมันก็คล้ายนกฮูกเหมือนกันนะ

นิสัยของแมว Pallas 

เป็นแมวที่รักความสันโดษเอามาก ๆ ดูจากลักษณะความเป็นอยู่ของมันที่ชอบอยู่ในถ้ำก็น่าจะตอบเรื่องนิสัยของ Pallas ได้ส่วนหนึ่ง รักอิสระด้วย แต่ในอีกมุมมันก็มีความน่ารักน่ากอด ขี้อ้อนเหมือนกันเพราะมันก็เป็นแมวนี่นา ถึงแม้บางครามมันจะเหมือนเสีอบ้าง บางทีมันก็เหมือนกฮูกก็ตาม Pallas นี้จะพบได้เยอะในประเทศอีหร่าน และทางทิศตะวันตกของประเทศจีนด้วย ใครอยากจะก็ลองไปหาเที่ยวอีหร่านดูนะครับ

เป็นแมวที่มีความน่าสนใจจริง ๆ ไม่ใช่แค่ความขนนุ่มขนฟูมากที่สุดอย่างเดียวนะครับ แต่ว่าดูหน้าตาของ Pallas สิ จะเห็นว่าตากวน….มาก ๆ เลยออกแนวแมวหน้าเหวี่ยงหน้าดุอีกตัวแล้ว แต่มันจะหน้าแบบนี้มันก็ยังเป็นแมวที่มีความน่ารักอยู่ดีว่าไหมครับ

 

ที่มาภาพจาก https://kknews.cc/news/xqpe9r.html

http://www.factzoo.com/mammals/pallas-cat-manul-thickest-fur-wild-mountain.html

 

แมวสายพันธุ์ไฮโซ Ashera ที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก

แมว ๆ ทั้งหลายจากทั่วโลกหลายตัวก็เป็นเซเลปแมวเป็นไฮโซแมวไปแล้ว ที่เวลาไปออกงานนั้นค่าตัวแพงมาก ๆ แต่ก็ยังมีคนจ้างเพราะว่าชื่อเสียงของแมวนั้นโด่งดังเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางเลย วันนี้เราจะพามาชมภาพความสวยงามของเซเลปแมวอย่าง Ashera ที่ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ค่าตัวแพงเป็นอันดับ 1 ของโลกเลยทีเดียวครับ เมื่อเห็นค่าตัวแล้วคุณอาจจะต้องสะตั้นไปสัก 10 วิ เหมือนผมแล้วแอบมีคำถามเล็กน้อยว่า จะแพงไปไหนนะ

แมวสายพันธุ์ Ashera ค่าตัวแพงที่สุดในโลก

มันก็ไม่แปลกเลยที่บางทีเราอาจจะไม่คุ้นหูกับชื่อสายพันธุ์ Ashera แต่เมื่ออ่านบทความนี้จบคุณอาจจะจำชื่อสายพันธุ์นี้แบบไม่มีวันลืมเลยก็ได้ โดยสายพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นมาจากการคิดค้นของทางการผสมพันธุ์แมวโดย บริษัท แคลิฟอร์เนีย ไบโอเทค นั่นเอง โดยสายพันธุ์หลักของมันจะเป็น African Serval (แมวป่าแอฟริกัน) , Asian Leopard Cat (แมวเสือดาวเอเชีย) และแมวบ้าน 3 แบบกันเลยทีเดียว

 

แมวเเน่ ๆ ใช่มั้ย ??

เจ้าแมวสายพันธุ์ Ashera นั้นจะเป็นที่นิยมมากในสังคมไฮโซของอเมริกา (แล้วก็เลยกลายเป็นเซเลปไปด้วยเลย) น้ำหนักตัวนี่เหมือนเสือน้อยเลยครับ หนักที่ประมาณ 13.6 กิโลกรัม  อยากรู้ราคาการซื้อขายกันแล้วใช่ไหม บอกเลยก็แล้วกัน อยู่ที่ประมาณ 510,000–3.5 ล้านบาท เลยครับ ช็อคแปป!!

 

ถ้าใครอยากจะเลี้ยงก็ลองหาซื้อมาได้นะครับผม ในประเทศไทยยังไม่ค่อยเห็นนิยมกันเท่าไหร่นัก จะเรียกว่ายังไม่มีใครเลี้ยงเลยอาจจะถูกนะครับ ใครที่เลี้ยงแล้วก็ถ่ายรูปมาอวดโฉมกันบ้างนะครับผม

 

เครดิตภาพ http://www.liveinternet.ru/users/5124649/post380568379/

การเลียแผลของสุนัข ทำให้แผลหายเร็ว จริงหรือ ?

มันเป็นความจริงไหมตามความเข้าใจของหลาย ๆ คนเลยที่บอกว่าเมื่อสุนัขได้รับบาดเจ็บมีแผลหากมันเลียแผลตัวเองจะทำให้แผลหายเร็วขึ้น วันนี้เราเอาความรู้มาฝากครับใครที่เลี้ยงหมาต้องอ่านเลย เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งมันก็ไม่ได้แปลว่าเป็นไปไม่ได้ในส่วนนี้เพราะว่ามีนักวิทยาศาสตร์หลายคนเลยที่ได้ทำการสังเกตว่า ทำไมกันนะแผลในปากถึงหายเร็วกว่าส่วนอื่น ๆ ในเรื่องกาย แล้วคุณคิดอย่างไร

ในน้ำลายสุนัขมีอะไรบ้าง 

ในน้ำลายของสุนัขสามารถทำลายแบคทีเรียได้แต่ว่าอ่อนมากโดยจะเป็นแบคทีเรีย Streptococcus canis และ E. coli แต่ว่าแม้น้ำลายของน้องหมาจะมีฤทธิ์ในการทำลายจริงแต่มันอ่อนมากจนไม่น่าจะมีผลต่อการรักษาแผลให้หายดีได้เลย ในน้ำลายสุนัขเป็นอะไรที่ค่อนข้างอันตรายจากแบคทีเรียหลายตัวเลย ซึ่งจะทำให้แผลติดเชื้อมากกว่าเดิมเสียอีกครับ โดยเฉพาะแบคทีเรียตัวร้ายอย่าง Gram negative anaerobic bacteria นั้นมันยังสร้างสาร  Endotoxins ที่ทำให้แผลของสุนัขถึงขั้นร้ายแรงอย่างการติดเชื้อในกระแสเลือดได้เลยทีเดียวเพราะสารตัวนี้มันทำลายเนื้อเยื่อได้  หากเจ้าของปล่อยให้น้องหมาเลียแผลตัวเองบ่อยเข้าจะกลายเป็นโรค  lick granuloma ได้เลยนะครับ

เมื่อสุนัขเป็นแผลควรทำอย่างไร

อย่างแรกเลยห้ามให้สุนัขเลียแผลตัวเองเด็ดขาดเพราะว่าอันตรายมากที่เเผลจะติดเชื้อตามที่กล่าวมาด้านบน เจ้าของควรจะทำแผลให้ดีบริเวณไหนเป็นแผลควรโกนขนสุนัขออกจากนั้น ทำความสะอาดแผล และทำแผลให้ดี พยายามหาทางป้องกันการเลีย การเกาของสุนัขด้วย สำหรับใครที่ทำแผลให้น้องหมาไม่ชำนาญควรพาไปพบสัตวแพทย์จะดีที่สุด

สรุผคือสุนัขเลียแผลไม่ได้ทำให้แผลหายเร็วขึ้นนะครับเพราะว่าฤทธิ์ในการรักษาจากน้ำลายมันอ่อนเกินไป ฉะนั้นอย่าให้สุนัขเลียแผลตัวเองเด็ดขาด ทำแผลให้เลยจะดีกว่าครับผมเพื่อความปลอดภัยและแผลจะได้หายเร็วขึ้นครับ

หมาที่ไม่เคยเห่า สายพันธุ์”บาเซนจิ” ใครเคยเลี้ยงบ้าง

เคยได้ยินไหมสายพันธุ์สุนัขที่ไม่เคยเห่าอย่างบาเซนจิ ในไทยเราอาจจะไม่ค่อยนิยมนัก ปกติแล้วเราก็จะชินกับสุนัขที่แทบจะทุกสายพันธุ์ที่เรารู้จักเลยคือ มันเห่าเป็นและชอบเห่าเพื่อแสดงอาการอะไรบางอย่างให้เจ้าของรู้ แต่อย่างเบาเซนจิมันไม่ใช่แบบนั้น วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักและเข้าใจหมาที่ไม่เคยเห่าสายพันธุ์นี้กันครับ

ทำไมสุนัขสายพันธุ์บาเซนจิถึงได้ชื่อว่าหมาที่ไม่เคยเห่า 

บาเซนจิก็เหมือนสุนัขทั่วไปปกติดี ไม่ใช่ว่ามันเห่าไม่เป็นมันก็เห่าได้ปกติเพียงแต่ว่ามันไม่ค่อยจะเห่าหรือเลือกที่จะไม่เห่าเลยนั่นเอง  บางตัวก็อาจจะมีเห่าบ้างเล็กน้อยแต่พองาม (เรียกว่าเห่าแบบหมาผู้ดีมั้ย)  บาเซนจิจะเห่าเป็นเสียงที่ไพเราะเหมือนเพลงเลย ไม่เหมือนกับหมาทั่วไป เวลามีความสุขมาก ๆ เท่านั้นที่มันจะแสดงอาการออกมาให้ได้เห็น แต่ถ้าหากเป็นเวลาที่มันมีความโกรธ รำคาญ ก็คำรามเบา ๆ สั้น ๆ อยู่ในลำคอ (แล้วใครจะรู้กับมันไหมนะ) แต่นั่นคือ บาเซนจิ มันก็เห่าแบบนี้ซึ่งนับว่าแปลกมากในบรรดาสายพันธุ์หมาทั่วโลก

ถิ่นกำเนิดของสุนัขสายพันธุ์บาเซนจิ

เป็นสุนัขสายพันธุ์ทางฝั่งแอฟริกา เชื่อว่ามีมานานแล้วก่อนที่จะมีพีระมิดเลยเป็นหมาในยุคฟาโรอะไรประมาณนั้นครับ แต่ว่ามันถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1985 นี่เอง แถวบองโกทางตะวันตกอาจจะดูเหมือนค้นพบสายพันธุ์ช้าแต่ก็ยังดีที่เจอ บาเซนจิเป็นสุนัขนักล่า ใช้สำหรับการล่าเนื้ออย่างดีเลยแถมยังเป็นเหมือนตัวช่วยชูเกียรติให้กับนักล่าด้วย คำว่า “บาเซนจิ ” นั้นเป็นภาษาสวาฮิลี มีความหมายว่า สิ่งที่อยู่ในพุ่มไหม ชื่อก็เหมาะกับเป็นหมานักล่าจริง ๆ แถมมันยังไม่ชอบเห่าอีกด้วย

ลักษณะทั่วไปและนิสัยบาเซนจิ

สุนัขบาเซนจิตัวไม่ใหญ่เหมือนกับสายพันธุ์ล่าเนื้อพันธุ์อื่น ๆ ลำตัวขนาดกลาง รูปร่างสง่ามากดูปราดเปรียว ว่องไว หน้าแหลม ๆ หูตั้ง ๆ หางยังม้วนเป็นวงกลมอีก ส่วนสูงประมาณ 40 ซม. น้ำหนักประมาณ 9.5 -11 กก.  ลักษณะสีจะเป็น น้ำตาล – ขาว หรือ น้ำตาล – แดง ครับ ส่วนความโดดเด่นของมันคือ “ไม่เห่า” และ “ไม่มีกลิ่นตัว” เป็นหมาที่แปลกจริง ๆ เลย ในส่วนของนิสัยของบาเซนจินั้น รักสะอาดมาก ๆ ฉลาด ร่าเริง ดูเป็นหมามีความรู้รอบตัวเยอะ รักอิสระมาก ๆ ๆ เป็นมิตร รักเด็ก  ฝึกง่ายด้วย

น่าสนใจว่าไหมครับสำหรับบาเซนจิ ในประเทศไทยไม่แน่ใจว่านิยมเลี้ยงกันบ้างไหม ใครที่คิดว่าอยากจะหามาเลี้ยงบ้างอย่าลืมหาข้อมูลก่อนนะครับ ทั้งเรื่องอาหารและความเป็นอยู่ รวมถึงเรื่องสุขภาพร่างกายของบาเซนจิด้วย แต่จะดีหรือครับหากเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน มันไม่เห่านะครับ พิจารณาดี ๆ