6 วิธีกำจัดเห็นหมัดในสุนัขตัวโปรดของคุณอย่างง่ายทำได้ด้วยตัวเอง

มีหมาก็ต้องมีหมัดไม่รู้ว่ามันเป็นสำนวนมาจากทางไหน แต่ดูแล้วก็เหมือนจะเป็นจริงอย่างนั้นเพราะว่าเห็นหมัดกับน้องหมานั้นมีอยู่ด้วยกันตลอดจริง ๆ บางทีเราว่าเราดูแลดีแล้วแต่ก็ยังไม่วายมีเห็บอยู่เหมือนเดิม สำหรับวันนี้เรานำ 6 วิธีกำจัดเห็นหมัดให้อยู่หมัดมาฝากกันครับ สามารถนำไปใช้ได้กับทุก ๆ บ้านเลยไม่หวง ๆ

6 วิธีกำจัดเห็บในสุนัข 

บอกเลยว่าในขั้นตอนที่เราจะแนะนำนี้ไม่มีอะไรยากเลย ทุกบ้านสามารถนำวิธีทั้งหมดไปใช้กับน้องหมาในบ้านตัวเองได้เลยครับ มีอะไรบ้างมาติดตามกันได้เลย

  1.  การตัดขน : เป็นขั้นแรกเลยสำหรับบ้านไหนที่เห็บหมัดเยอะ เมื่อตัดขนให้สั้นลงเราก็เหมือนกำจัดแหล่งสะสมของบรรดาเห็บไปได้ในระดับหนึ่ง แล้วยังทำให้เรามองเห็นผิวหนังของสุนัขได้ชัดเจนขึ้น หากเจอเห็บหมัดก็หยิบออกมาได้เลย แต่ถ้าขนยาวเราจะมองไม่ค่อยเห็น
  2. การใช้แชมพูกำจัดเห็บหมัด : จะเป็นยี่ห้อไหนสูตรอะไรก็ลองเลือกกันดูให้เหมาะสมกับสภาพผิวหนังของสุนัขเรามากที่สุด หากไม่แน่ใจในการเลือกซื้อแนะนำให้สอบถามผู้รู้หรือสัตวแพทย์ก่อน เราจะได้เลือกผลิตภัณฑ์แชมพูกำจัดเห็นหมัดได้ถูกตัว
  3.  การใช้แป้งกำจัดเห็นหมัด : หาซื้อได้ไม่ยากเช่นกัน แป้งจะใช้งานเพราะแค่นำมาโรยบนตัวของน้องหมาแล้วมันอาจจะคันหน่อย ๆ แต่ว่าได้ผลดีเห็บจะเเข็งและตายไปในที่สุด เช่นกันว่าจะต้องเลือกแป้งกำจัดเห็บหมัดให้เข้ากับช่วงอายุและสายพันธุ์ของน้องหมาด้วย
  4.  ยาหยอดกำจัดเห็บหมัด : เป็นยาใช้สำหรับหยอดลงบนคอหรือท้ายทอยของสุนัข ตัวนี้ไม่รู้ว่ามันออกฤทธิ์อย่างไรแต่ว่าได้ผลดีมากเลยทีเดียว สุนัขเด็ก ๆ ใช้แป้งก็ยังไม่ได้นั้น ขั้นตอนการหยอดจะปลอดภัยมากที่สุดเห็บจะไม่มาเกาะสักพักใหญ่ ๆ เลย
  5. สเปรย์กำจัดเห็บ : เป็นอีกตัวที่ใช้ในการพ่นลงบนตัวของสุนัข แต่ระวังอย่าให้เข้าปากเข้าตาได้ ค่อนข้างอันนตราย ใครจะใช้สเปรย์กำจัดเห็บนี้จะต้องอ่านคู่มือการใช้งานให้ดี นะครับ
  6. ปอกคอกำจัดเห็บหมัด : เป็นนวัฒตกรรมใหม่ของวงการจริง ๆ สำหรับการใช้ปอกคอกำจัดเห็บหมัด แต่ระวังเวลาสวมอย่าให้มีส่วนไหนของปอกคอโผล่ออกมาให้สุนัขแทะ กัด ถึงได้เพราะว่ามันมีสารเคมีอันตรายอยู่ในนั้นด้วยครับ

เพียงเท่านี้เราก็ได้วิธีในการกำจัดเห็บอย่างมากมายแล้ว ใครที่อยากจะนำไปใช้ก็เลือกได้เลย ส่วนใหญ่จะต้องมีการใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดเห็บหมัดต่าง ๆ เข้ามาช่วยอย่าลืมสอบถามข้อมูลจากทางสัตวแพทย์หรือคนขายให้ดีครับ เราจะได้เลือกของที่เหมาะกับน้องหมาชองเรา

 

Pallas แมวสายพันธุ์ที่ขนนุ่มที่สุด ชอบอาศัยอยู่ในถ้ำ [แมวหรือค้างคาวเนี่ย] มาดูกัน

วันนี้ก็มีเรื่องแมว ๆ มาฝากกันครับ เป็นแมวสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าขนนุ่มที่สุดในบรรดาแมว ๆ นั่นเอง Pallas นั่นเอง เรามาทำความรู้จักกับแมวตัวนี้กันดีกว่า บอกเลยว่าจะต้องชอบและอยากเลี้ยงอย่างแน่นอน บางทีก็อาจจะสงสัยนะว่านี่มันแมวหรือค้างคาวหรือว่านกฮูกกันแน่ เชื่อเถอะว่าวันนี้จะต้องสงสัยตามผมแน่นอนครับเมื่อได้รู้จักกับเจ้าเหมียวสายพันธุ์ Pallas นี้แล้ว

ลักษณะทั่วไปของแมว Pallas

อาจจะมีขนฟูขนปุย ๆ ดูตัวใหญ่กว่าแมวสายพันธุ์อื่น ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ตัวใหญ่ครับ ตัวเท่า ๆ กับแมวพันธุ์อื่นเลยเพียงแค่ขนมันฟูและเยอะกว่าเท่านั้นเองแถมยังมีขนนุ่มมาก ๆ อีกด้วย  น้ำหนักของแมว 2.5 – 4.5 กิโลกรัม เท่านั้นเองก็เป็นน้ำหนักของแมวทั่วไปนั่นเอง  ขนของเจ้าพัลลัสนี้ไม่ได้มีไว้แค่ให้กอดอุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นเกราะป้องกันอันตรายให้กับตัวมันเองได้เป็นอย่างดีเลย ทำนองว่าหากจะไปสู้กับแมวอื่น ๆ โอกาสที่จะถูกกัดนั้นมีน้อยกว่าแมวทั่วไปด้วย มองโลกในแง่ดีจริง ๆ ใช่ไหมล่ะครับ

เจ้าแมวพันธุ์ Pallas นี้ยังได้ชื่อว่าเป็นแมวอ้วนมาก ๆ อีกด้วย  ถ้าไม่เชื่อลองดูจากภาพด้านบนก็ได้ครับ เป็นคำตอบได้อย่างดีเลย แม้ว่าในความจริงตัวมันจะไม่ได้อ้วนขนาดนี้เพียงแต่ว่าขนมันฟูมากเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง ใครที่เลี้ยงแมวพันธุ์นี้แค่เดิมผ่านเฉย ๆ แมวอื่นก็อาจจะวิ่งแล้วก็ได้ แต่ในประเทศไทยนั้นไม่ค่อยนิยมเลี้ยงกันสักเท่าไหร่ เจ้า Pallas นั้นชอบอาศัยอยู่ในถ้ำอีกทั้งยังชอบออกไปหากินตอนกลางคืนอีกด้วย ข้อนี้แหละทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่านี่แมวหรือค้างคาว หรือนกฮูกกันแน่ ดูหน้าตาบางทีมันก็คล้ายนกฮูกเหมือนกันนะ

นิสัยของแมว Pallas 

เป็นแมวที่รักความสันโดษเอามาก ๆ ดูจากลักษณะความเป็นอยู่ของมันที่ชอบอยู่ในถ้ำก็น่าจะตอบเรื่องนิสัยของ Pallas ได้ส่วนหนึ่ง รักอิสระด้วย แต่ในอีกมุมมันก็มีความน่ารักน่ากอด ขี้อ้อนเหมือนกันเพราะมันก็เป็นแมวนี่นา ถึงแม้บางครามมันจะเหมือนเสีอบ้าง บางทีมันก็เหมือนกฮูกก็ตาม Pallas นี้จะพบได้เยอะในประเทศอีหร่าน และทางทิศตะวันตกของประเทศจีนด้วย ใครอยากจะก็ลองไปหาเที่ยวอีหร่านดูนะครับ

เป็นแมวที่มีความน่าสนใจจริง ๆ ไม่ใช่แค่ความขนนุ่มขนฟูมากที่สุดอย่างเดียวนะครับ แต่ว่าดูหน้าตาของ Pallas สิ จะเห็นว่าตากวน….มาก ๆ เลยออกแนวแมวหน้าเหวี่ยงหน้าดุอีกตัวแล้ว แต่มันจะหน้าแบบนี้มันก็ยังเป็นแมวที่มีความน่ารักอยู่ดีว่าไหมครับ

 

ที่มาภาพจาก https://kknews.cc/news/xqpe9r.html

http://www.factzoo.com/mammals/pallas-cat-manul-thickest-fur-wild-mountain.html

 

แมวสายพันธุ์ไฮโซ Ashera ที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก

แมว ๆ ทั้งหลายจากทั่วโลกหลายตัวก็เป็นเซเลปแมวเป็นไฮโซแมวไปแล้ว ที่เวลาไปออกงานนั้นค่าตัวแพงมาก ๆ แต่ก็ยังมีคนจ้างเพราะว่าชื่อเสียงของแมวนั้นโด่งดังเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางเลย วันนี้เราจะพามาชมภาพความสวยงามของเซเลปแมวอย่าง Ashera ที่ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ค่าตัวแพงเป็นอันดับ 1 ของโลกเลยทีเดียวครับ เมื่อเห็นค่าตัวแล้วคุณอาจจะต้องสะตั้นไปสัก 10 วิ เหมือนผมแล้วแอบมีคำถามเล็กน้อยว่า จะแพงไปไหนนะ

แมวสายพันธุ์ Ashera ค่าตัวแพงที่สุดในโลก

มันก็ไม่แปลกเลยที่บางทีเราอาจจะไม่คุ้นหูกับชื่อสายพันธุ์ Ashera แต่เมื่ออ่านบทความนี้จบคุณอาจจะจำชื่อสายพันธุ์นี้แบบไม่มีวันลืมเลยก็ได้ โดยสายพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นมาจากการคิดค้นของทางการผสมพันธุ์แมวโดย บริษัท แคลิฟอร์เนีย ไบโอเทค นั่นเอง โดยสายพันธุ์หลักของมันจะเป็น African Serval (แมวป่าแอฟริกัน) , Asian Leopard Cat (แมวเสือดาวเอเชีย) และแมวบ้าน 3 แบบกันเลยทีเดียว

 

แมวเเน่ ๆ ใช่มั้ย ??

เจ้าแมวสายพันธุ์ Ashera นั้นจะเป็นที่นิยมมากในสังคมไฮโซของอเมริกา (แล้วก็เลยกลายเป็นเซเลปไปด้วยเลย) น้ำหนักตัวนี่เหมือนเสือน้อยเลยครับ หนักที่ประมาณ 13.6 กิโลกรัม  อยากรู้ราคาการซื้อขายกันแล้วใช่ไหม บอกเลยก็แล้วกัน อยู่ที่ประมาณ 510,000–3.5 ล้านบาท เลยครับ ช็อคแปป!!

 

ถ้าใครอยากจะเลี้ยงก็ลองหาซื้อมาได้นะครับผม ในประเทศไทยยังไม่ค่อยเห็นนิยมกันเท่าไหร่นัก จะเรียกว่ายังไม่มีใครเลี้ยงเลยอาจจะถูกนะครับ ใครที่เลี้ยงแล้วก็ถ่ายรูปมาอวดโฉมกันบ้างนะครับผม

 

เครดิตภาพ http://www.liveinternet.ru/users/5124649/post380568379/

การเลียแผลของสุนัข ทำให้แผลหายเร็ว จริงหรือ ?

มันเป็นความจริงไหมตามความเข้าใจของหลาย ๆ คนเลยที่บอกว่าเมื่อสุนัขได้รับบาดเจ็บมีแผลหากมันเลียแผลตัวเองจะทำให้แผลหายเร็วขึ้น วันนี้เราเอาความรู้มาฝากครับใครที่เลี้ยงหมาต้องอ่านเลย เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งมันก็ไม่ได้แปลว่าเป็นไปไม่ได้ในส่วนนี้เพราะว่ามีนักวิทยาศาสตร์หลายคนเลยที่ได้ทำการสังเกตว่า ทำไมกันนะแผลในปากถึงหายเร็วกว่าส่วนอื่น ๆ ในเรื่องกาย แล้วคุณคิดอย่างไร

ในน้ำลายสุนัขมีอะไรบ้าง 

ในน้ำลายของสุนัขสามารถทำลายแบคทีเรียได้แต่ว่าอ่อนมากโดยจะเป็นแบคทีเรีย Streptococcus canis และ E. coli แต่ว่าแม้น้ำลายของน้องหมาจะมีฤทธิ์ในการทำลายจริงแต่มันอ่อนมากจนไม่น่าจะมีผลต่อการรักษาแผลให้หายดีได้เลย ในน้ำลายสุนัขเป็นอะไรที่ค่อนข้างอันตรายจากแบคทีเรียหลายตัวเลย ซึ่งจะทำให้แผลติดเชื้อมากกว่าเดิมเสียอีกครับ โดยเฉพาะแบคทีเรียตัวร้ายอย่าง Gram negative anaerobic bacteria นั้นมันยังสร้างสาร  Endotoxins ที่ทำให้แผลของสุนัขถึงขั้นร้ายแรงอย่างการติดเชื้อในกระแสเลือดได้เลยทีเดียวเพราะสารตัวนี้มันทำลายเนื้อเยื่อได้  หากเจ้าของปล่อยให้น้องหมาเลียแผลตัวเองบ่อยเข้าจะกลายเป็นโรค  lick granuloma ได้เลยนะครับ

เมื่อสุนัขเป็นแผลควรทำอย่างไร

อย่างแรกเลยห้ามให้สุนัขเลียแผลตัวเองเด็ดขาดเพราะว่าอันตรายมากที่เเผลจะติดเชื้อตามที่กล่าวมาด้านบน เจ้าของควรจะทำแผลให้ดีบริเวณไหนเป็นแผลควรโกนขนสุนัขออกจากนั้น ทำความสะอาดแผล และทำแผลให้ดี พยายามหาทางป้องกันการเลีย การเกาของสุนัขด้วย สำหรับใครที่ทำแผลให้น้องหมาไม่ชำนาญควรพาไปพบสัตวแพทย์จะดีที่สุด

สรุผคือสุนัขเลียแผลไม่ได้ทำให้แผลหายเร็วขึ้นนะครับเพราะว่าฤทธิ์ในการรักษาจากน้ำลายมันอ่อนเกินไป ฉะนั้นอย่าให้สุนัขเลียแผลตัวเองเด็ดขาด ทำแผลให้เลยจะดีกว่าครับผมเพื่อความปลอดภัยและแผลจะได้หายเร็วขึ้นครับ

หมาที่ไม่เคยเห่า สายพันธุ์”บาเซนจิ” ใครเคยเลี้ยงบ้าง

เคยได้ยินไหมสายพันธุ์สุนัขที่ไม่เคยเห่าอย่างบาเซนจิ ในไทยเราอาจจะไม่ค่อยนิยมนัก ปกติแล้วเราก็จะชินกับสุนัขที่แทบจะทุกสายพันธุ์ที่เรารู้จักเลยคือ มันเห่าเป็นและชอบเห่าเพื่อแสดงอาการอะไรบางอย่างให้เจ้าของรู้ แต่อย่างเบาเซนจิมันไม่ใช่แบบนั้น วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักและเข้าใจหมาที่ไม่เคยเห่าสายพันธุ์นี้กันครับ

ทำไมสุนัขสายพันธุ์บาเซนจิถึงได้ชื่อว่าหมาที่ไม่เคยเห่า 

บาเซนจิก็เหมือนสุนัขทั่วไปปกติดี ไม่ใช่ว่ามันเห่าไม่เป็นมันก็เห่าได้ปกติเพียงแต่ว่ามันไม่ค่อยจะเห่าหรือเลือกที่จะไม่เห่าเลยนั่นเอง  บางตัวก็อาจจะมีเห่าบ้างเล็กน้อยแต่พองาม (เรียกว่าเห่าแบบหมาผู้ดีมั้ย)  บาเซนจิจะเห่าเป็นเสียงที่ไพเราะเหมือนเพลงเลย ไม่เหมือนกับหมาทั่วไป เวลามีความสุขมาก ๆ เท่านั้นที่มันจะแสดงอาการออกมาให้ได้เห็น แต่ถ้าหากเป็นเวลาที่มันมีความโกรธ รำคาญ ก็คำรามเบา ๆ สั้น ๆ อยู่ในลำคอ (แล้วใครจะรู้กับมันไหมนะ) แต่นั่นคือ บาเซนจิ มันก็เห่าแบบนี้ซึ่งนับว่าแปลกมากในบรรดาสายพันธุ์หมาทั่วโลก

ถิ่นกำเนิดของสุนัขสายพันธุ์บาเซนจิ

เป็นสุนัขสายพันธุ์ทางฝั่งแอฟริกา เชื่อว่ามีมานานแล้วก่อนที่จะมีพีระมิดเลยเป็นหมาในยุคฟาโรอะไรประมาณนั้นครับ แต่ว่ามันถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1985 นี่เอง แถวบองโกทางตะวันตกอาจจะดูเหมือนค้นพบสายพันธุ์ช้าแต่ก็ยังดีที่เจอ บาเซนจิเป็นสุนัขนักล่า ใช้สำหรับการล่าเนื้ออย่างดีเลยแถมยังเป็นเหมือนตัวช่วยชูเกียรติให้กับนักล่าด้วย คำว่า “บาเซนจิ ” นั้นเป็นภาษาสวาฮิลี มีความหมายว่า สิ่งที่อยู่ในพุ่มไหม ชื่อก็เหมาะกับเป็นหมานักล่าจริง ๆ แถมมันยังไม่ชอบเห่าอีกด้วย

ลักษณะทั่วไปและนิสัยบาเซนจิ

สุนัขบาเซนจิตัวไม่ใหญ่เหมือนกับสายพันธุ์ล่าเนื้อพันธุ์อื่น ๆ ลำตัวขนาดกลาง รูปร่างสง่ามากดูปราดเปรียว ว่องไว หน้าแหลม ๆ หูตั้ง ๆ หางยังม้วนเป็นวงกลมอีก ส่วนสูงประมาณ 40 ซม. น้ำหนักประมาณ 9.5 -11 กก.  ลักษณะสีจะเป็น น้ำตาล – ขาว หรือ น้ำตาล – แดง ครับ ส่วนความโดดเด่นของมันคือ “ไม่เห่า” และ “ไม่มีกลิ่นตัว” เป็นหมาที่แปลกจริง ๆ เลย ในส่วนของนิสัยของบาเซนจินั้น รักสะอาดมาก ๆ ฉลาด ร่าเริง ดูเป็นหมามีความรู้รอบตัวเยอะ รักอิสระมาก ๆ ๆ เป็นมิตร รักเด็ก  ฝึกง่ายด้วย

น่าสนใจว่าไหมครับสำหรับบาเซนจิ ในประเทศไทยไม่แน่ใจว่านิยมเลี้ยงกันบ้างไหม ใครที่คิดว่าอยากจะหามาเลี้ยงบ้างอย่าลืมหาข้อมูลก่อนนะครับ ทั้งเรื่องอาหารและความเป็นอยู่ รวมถึงเรื่องสุขภาพร่างกายของบาเซนจิด้วย แต่จะดีหรือครับหากเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน มันไม่เห่านะครับ พิจารณาดี ๆ

การเห่าของสุนัขบอกอะไรเรา มาลองสังเกตกันเลย

บางทีเรามักจะเห็นสุนัขแสดงออกด้วยการ “เห่า” อยู่บ่อย ๆ แต่การเห่านั้นเราเองก็ไม่อาจจะเข้าใจได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น สุนัขต้องการจะบอกอะไรเราหรือเปล่า หรือเพียงแค่ต้องการจะเห่าลมเห่าแล้งไปเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป อย่าลืมว่าภาษาของสุนัขไม่เหมือนคนเราการจะบอก พูด เล่า เรียก ตะโกน การเห่าก็ถือเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งของเขาซึ่งเจ้าของอย่างเรา ๆ ควรจะต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้น วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจการเห่าของสุนัขว่าหมายความว่าอย่างไรบ้าง

การเห่าของสุนัขมีแบบไหนบ้างแต่ละแบบกำลังบอกถึงอะไร

มาเริ่มต้นเรียนรู้การเห่าของสุนัขเพื่อจะได้เข้าใจความต้องการและสิ่งที่สุนัขกำลังจะบอกเราได้มากขึ้น การเห่าบอกอะไรบ้างมีดังต่อไปนี้เลย

  1. การเห่าติดกันเป็นช่วงระยะประมาณ 3 – 4 ครั้งแล้วก็หยุด : แปลได้เลยว่าสุนัขกำลังเจออะไรบางอย่างที่น่าสนใจและอยากจะให้เจ้าของมาดูด้วย เป็นการเห่าเรียกเจ้าของนั่นเอง
  2.  การเห่าติดกันมาก ๆ โทนเสียงระดับกลาง : เป็นการเรียกให้เจ้าของรู้ตัวหรือบอกเพื่อนหมา ๆ ด้วยกันเองถึงบางอย่างที่อันตรายหรือไม่น่าไว้ใจ
  3. การเห่าเสียงต่ำ ๆ ช้า ๆ : สุนัขกำลังได้รับภัยอันตรายอะไรบางอย่าง อยากให้เราช่วย เพราะว่าอันตรายนั้นเข้ามาถึงตัวแล้วนั่นเอง
  4. การเห่า หยุด เห่า หยุด อยู่แบบนั้น : สุนัขกำลังเรียกร้องความสนใจจากใครสักคน จากเจ้าของมันต้องการความรัก อยากให้มีคนลูบหัว อยากมีคนเล่นด้วย
  5.  การเห่าสั้น ๆ ครั้งหนึ่ง ถึงสองครั้ง : เป็นการทักทาย “สวัสดีฮะ!” ประมาณนั้นครับ
  6.  การเห่าครั้งเดียว เมื่อถูกก่อกวน: หมายถึงว่าตอนนี้ต้องการเวลาส่วนตัวอย่ากวนได้ไหม
  7.  การเห่าติดต่อกัน : แปลว่ากำลังอยากจะให้เราเล่นด้วย ลูกสุนัขจะเห่าแบบนี้บ่อย
  8.  เห่าครั้งเดียวสั้น ๆ : เป็นการเรียกเจ้าของกำลังบอกอะไรบางอย่างเช่น “หิวแล้วนะ” หรือ “อยากออกไปเล่น”
  9.  เห่าด้วยโทนเสียงต่ำ ๆ ตามมาด้วยหูตั้ง ขนหลังชี้ หางชู เตรียมตัวสู้ : การเห่าแบบนี้คือ “อย่าเข้ามายุ่งกับฉันนะ”

เมื่อเข้าใจกันแล้วว่าการเห่าของน้องหมาในแต่ละแบบนั้น บ่งบอกถึงอะไรบ้าง สุนัขก็มีวิธีการสื่อสารในแบบของมันเหมือนกันลองไปสังเกตสุนัขที่บ้านของคุณดูว่าเห่าแบบไหนบ้างจะได้ตอบสนองความต้องการของเขาได้ตรงจุด และเข้าใจอารมณ์ของสุนัขมากขึ้น

ทำหมันแมว. . .เพื่อให้มันออกไปท่องโลกกว้างได้อย่างสบายใจกันเถอะ

แมวชอบการผจญภัย จนบางทีเพราะความเป็นแมวแบบแมว ๆ ในการออกตาเฝ้าสาว ๆ ในต่างถิ่นจนบางทีมันก็ได้รับบาดเจ็บกลับมาบ้าน ซึ่งก็เป็นปัญหาหนักใจเหมือนกันสำหรับเจ้าของอย่างเรา ๆ ที่อยากจะให้แมวอยู่บ้านเฉย ๆ บางทีมันก็เป็นเรื่องยากยกเว้นจะเลี้ยงแบบปิดจริง ๆ การทำหมันแมวจึงมีประโยชน์มาก ๆ เลยกับตัวมันเอง

การทำหมันแมวทำอย่างไร

ในการจะที่ทำหมันแมวนั้นไม่ใช่ว่าเจ้าของจะต้องทำเอง เราจะต้องพาไปให้สัตวแพทย์ที่มีความชำนาญในด้านนี้เป็นคนจัดการให้ โดยแมวที่พร้อมสำหรับการทำหมันจะอยู่ในช่วงอายุ 4 – 6 เดือน มันปลอดภัยและดีต่อแมว ๆ ทั้งหลายอย่างแน่นอน โดยจะไม่เจ็บเพราะว่าจะหลับจากยาสลบอยู่แล้ว ในการทำหมันแมวนั้นอวัยวะสืมพันธุ์จะถูกตัดออกไปนั่นเอง ซึ่งมันจะดีข้อดีก็คือ

  1. ทำให้แมว ไม่ต้องทานแคลลอรี่เยอะ หลังทำหมันเจ้าของควรลดปริมาณอาหารลง เพื่อป้องกันไม่ให้แมวนั้นอ้วน น้ำหนักเกิน
  2. ลดการเกิดอารมณ์ฉุนเฉียว การปะทะกันระหว่างแมวตัวอื่น แล้วก็มีแผลกลับมาเต็มไปหมด บางทีก็แพ้กลับมาแมวก็เจ็บใจแค้นอีก
  3. อีกทั้งยังป้องกันการตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ของเหล่าแมว ๆ ทั้งหลายได้ดีเลย
  4. อยากจะออกไปท่องโลกกว่้างแค่ไหนก็สบายใจได้เลย ไม่มีอะไรมากวนใจ
  5. ลดการฉี่ไม่เป็นที่ และฉี่ไม่เรี่ยราด ฉี่น้อยลงด้วย

หลังจากการทำหมันเสร็จใหม่ ๆ นั้นแมวจะต้องได้รับการเอาใจใส่อย่างเป็นพิเศษ ต้องการความรักจากเจ้าของมาก ๆ เลยด้วย โดยในช่วง 48 ชั่วโมงแรกนี้จะต้องพิเศษกว่าปกติ และไม่นานการเจ็บจากการทำหมันแมวก็จะบรรเทาและหายดีไปตามระยะเวลาของมันเอง

หากแมวทำหมันแล้ว เจ้าของเองจะต้องเรียนรู้วิธีการดูแลแมวอย่างดีจากการแนะนำของสัตวแพทย์ และเราก็สามารถวางใจได้เลยว่าเจ้าเหมียวจะไม่ได้ไปปะทะคารมกับกงเล็บกับแมวเด็กแนวแถวไหนมาอีก และไม่ทำให้ตั้งครรภ์ในเวลาที่ไม่ต้องการได้อีกด้วย ใครที่ยังไม่ได้ทำหมันแมวก็พาไปทำจะดีกว่าครับเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของตัวแมวเอง

ขอบคุณเนื้อหาจาก ช่อง Whiskas Thailand

บอกซิ ว่านี่หมาใช่มั้ย ? ทำไมยักษ์ใหญ่ อย่างงี้ ใหญ่อะไรเบอร์นี้

ปกติแล้วสุนัขจะไม่ใหญ่อะไรมากมาย ตามแบบฉบับหมาบ้าน ๆ หมาสายพันธุ์ยอดนิยมเลี้ยงทั่วโลก แต่ว่าในเมื่อหมาเล็กที่สุดในโลกยังมีเลย แล้วทำไมจะไม่มีหมาที่ใหญ่ที่สุดบ้างจริงไหม แต่ว่าในความยักษ์ใหญ่ของบรรดาหมา ๆ นั้นไม่ได้มีแค่สายพันธุ์เดียวน่ะสิ วันนี้เราไม่ได้มาลงดีเทลประวัติ แต่เราเอาภาพความเป็น “หมายักษ์” มาฝากทุกท่านครับ

หนุนตัก ได้แต่หัว หัวไม่พอ

โฮ่ง ๆ ผมหล่อมั้ย ฮะ

ดูซี ผมสูงจะเกินเจ้านานแล้วครับ

ผมว่า ผมจะลาออกจากการเป็นหมาแล้ว
ไปสมัครเป็นสิงห์โต แทน ดีมั้ย

เล็ก ปะทะ ใหญ่

ไปไหนก็ไปกัน ขอแค่ฉันได้ไปกับเธอ

มองหน้าผมงี้ . . เห็นผมน่ากอดใช่มั้ยล้าาา

นั่งไม่ฉบายตัวเยย

ผมขอเสนอ . . . ผมว่าโซฟา มันเล็กไปนะครับ

เห้อ.!! ว่าไรเหลอ . .

กอดกัน ๆ กอดมิด

ถ้ามีผมไม้ถูพื้นไม่ต้องมี ผมถูให้ได้

สงสัยกรงจะหดแน่ ๆ

เจคอบ มนุษย์หมาป่าหรือเปล่า
คือ นายหล่อมาก

ความอยุติธรรมของที่นอน หมา

เห็นสุนัขยักษ์ใหญ่แต่ละตัวแล้วมันก็น่ารักดีนะครับ คิดภาพแล้วเลามันกระโดดกอดเจ้าของแต่ละทีนี่คง ต้องฝึกการทรงตัวให้ดี ๆ เลยล่ะ เรื่องกินไม่ต้องห่วงยังไงก็กินจุกว่าหมาปกติแน่นอน ใครอยากจะเลี้ยงหมายักษ์ก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจนะครับผม

 

ขอบคุณภาพจาก

เพรชมายา ดอทคอม

แมวสายพันธุ์สิงหะปุระ [Singapura] แมวพันธุ์เล็กที่สุดในโลก

หลายคนคงไม่คิดว่าแมวจะมีสายพันธุ์ที่ตัวเล็กมาก ๆ ด้วย ถ้าพูดถึงว่าแมวอะไรที่ตัวเล็กที่สุดในโลกหลายคนก็คงจะมีเครื่องหมายคำถามต่อกับตัวเองว่า พันธุ์อะไรหว่า ? วันนี้เราก็เลยนำเอาความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากกันครับ สำหรับแมวพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลกชื่อว่า พันธุ์สิงหะปุระ (Singapura) ในประเทศไทยเราจะไม่ค่อยนิยมเลี้ยงกันเท่าไหร่ สิงหะปุระที่เป็นพันธุ์แท้จะตัวเล็กมากเมื่อเทียบกับแมวชนิดอื่น ๆ

แมวพันธุ์สิงหะปุระที่เล็กที่สุดในโลกนั้น ถิ่นกำเนิดมาจากประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงเราเลย นั่งคือ “ประเทศสิงคโปร์” แต่ว่าตามจริงแมวเป็นแมวที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาอีกทีจากอเมริกานั่นเอง ความโดดเด่น น่ารัก น่าเลี้ยงของแมวพันธุ์เล็กที่สุดในโลกนี้คือ ตาโต ใบหูใหญ่ น่ารักมาก ๆ  ตัวเล็ก ๆ แต่ดูผ่าน ๆ ก็เหมือนจะคล้ายแมวพันธุ์อะบีชิเพราะหูใหญ่เหมือนกันเลย

สีขนของแมวสิงหะปุระ จะเป็นแบบเนียนสวย เป็นแมวที่มีสีขนเรียบหรูมาก โดยจะมีสีน้ำตาลกระจายออกมา  มีดวงตาเป็นสีน้ำแดง บ้างก็เขียวหรือเหลืองด้วย ในส่วนของตีนเเมวจะเล็กมาก ๆ ถึงมากทีสุดเลยปกติแล้วแมวธรรมดาก็เล็กอยู่แล้วแต่มาเป็นพันธุ์สิงหะปุระจะยิ่งเล็กลงไปอีก

นิสัยของแมวพันธุ์สิงหะปุระ 

จะเป็นแมวที่มีความซนอยู่ในตัวสูงมากแมวปกติชอบก่อกวนมวลมนุษย์มากแค่ไหน Singapura นี่มีมากกว่านั้น ชอบเรียกร้องความสนใจจากคนแบบสุด ๆ ไปเลย ทำอะไรก็ต้องให้ความสนใจแมวด้วย ใครที่ขี้เหงารีบรองว่าหายแน่นอนถ้าเลือกจะเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้ไว้เป็นเพื่อน แถมยังเป็นแมวฉลาดชอบดูโน่นทำนี่ ขี้สงสัยไปเสียหมด ชอบให้เล่นด้วยมาก ๆ เลยล่ะครับ

Singapura เป็นแมวพันธุ์ขนสั้นดูแลง่ายแต่การจะหามาเลี้ยงนั้นไม่ง่ายเท่าไหร่นักในประเทศไทย เป็นของหายากไปเสียแล้ว ราคาก็ถ้าใครจ่ายไหวหามาเลี้ยงเป็นเพื่อนแก้เหงากันได้นะ ประมาณ 60,000 บาท เริ่มต้นเท่านั้น เอ๊ง (เสียงสูง) ไม่ธรรมดาจริง ๆ กับความแสนซนของแมวพันธุ์สิงหะปุระ ถ้าใครหามาเลี้ยงก็ถ่ายรูปมาแบ่งแชร์กันบ้างนะครับผม

 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

http://www.vetstreet.com/cats/singapura
http://www.tica.org/find-a-breeder/item/272-singapura-introduction
http://carecat.weebly.com/

 

 

 

สุนัขสายพันธุ์เล็ก พุดเดิ้ล (Pudel) น่ารักและฉลาด น่าเลี้ยง

สุนัขพุดเดิ้นในประเทศไทยของเราก็นิยมเลี้ยงอยู่ไม่น้อยเลย แต่อันดับทั่วโลกแล้วเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเลี้ยงเป็นอันดับ 1 เลย สุนัขสายพันธุ์พุดเดิ้ลถูกจัดให้อยู่ในประเภท Non sporting Group คือ ไม่ใช่เพื่อการกีฬา นั่นเองครับ แต่เป็นประเภทสวยงาม น่ารัก ขนฟู ๆ หยิก ๆ ในประเทศไทยนิยมเลี้ยงพุดเดิ้ลสาย  Toy Poodle เพราะความน่ารักตะมุตะมิของมันนั่นเอง และพุดเดิ้ลจะเปลี่ยนสีจมูกเป็นแดง ๆ เมื่อมีอาการตกใจอีกด้วย

พุดเดิ้ล (poodle) เป็นสุนัขที่ฉลาด ฝึกง่าย เชื่อฟัง น่ารักมาก ๆ โดยสายพันธุ์นี้ก็จะมีแบ่งแยกย่อยประเภทออกมาทั้งหมดมี 3 ประเภทด้วยกัน ดังนี้เลย

  1. สุนัขพุดเดิ้ลทอย ( Toy Poodle) เป็นประเภทที่เล็กที่สุดในบรรดาพุดเดิ้ลด้วยกันเอง สูงไม่เกิน 6 นิ้วเท่านั้น ส่วนน้ำหนักก็ประมาณ 6 กิโลกรัม และเพราะความเล็กนี้ทำให้คนไทยนิยมเลี้ยงมาก ๆ เพราะทั้งเล็กและน่ารักด้วย
  2.  สุนัขพุดเดิ้ล มินิเจอร์( Miniture Poodle ) เป็นสายพันธุ์ขนาดกลาง ไม่เล็กไปแต่ก็ไม่ใหญ่เกินโดยขนาดตัวจะอยู่ประมาณ 11 – 15 นิ้วเอง และน้ำหนักตัวประมาณ  11 กิโลกรัมครับ
  3.  สุนัขพุดเดิ้ล สเเตนดาด (Standard Poodle)  ถือว่าเป็นสายพันธุ์ใหญ่สุดในตระกูลสายพันธุ์พุดเดิ้ลแล้ว ขนาดตัวจะอยู่ที่ประมาณ  18 – 22 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัมครับ

แต่ว่าปัจจุบันนี้สุนัขพุดเดิ้ลได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้เล็กลงเป็รทีคัพแล้ว คือเล็กมาก สูงคงไม่เกิน 8 นิ้วเท่านั้น แต่ว่าสายพันธุ์นี้ยังไม่มีการรับรองจากที่ใดแต่ว่าความนิยมและราคานั้นสูงมาก ๆ ๆ ๆ เลยครับ

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจะเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์พุดเดิ้ลนั้น อย่าลืมศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการเลี้ยงดู การอยู่อาศัย และเช็คความพร้อมของตัวเองให้ดีด้วย เพราะว่าเจ้าพุดเดิ้ลก็เหมือนกับสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ต้องการความรัก ความเอาใจใส่จากเจ้าของเหมือนกันนะครับผม

การเลี้ยงสุนัขพุดเดิ้ลควรดูแลสุขภาพเขามาก ๆ โดยเฉพาะระวังโรคเกี่ยวกับดวงตาและสุขภาพผิว สุขภาพเกี่ยวกับระบบภายใน การกินอาหารควรเป็นอาหารที่สำเร็จจะง่ายและปอลดภัยกว่า เพราะว่าลำไส้ค่อนข้างจะบอบบางมาก ๆ และควรเลือกอาหารทีมีประโยชน์ต่อร่างกายของสุขัขด้วยครับ ทั้งนี้การเลี้ยงพุดเดิ้ลก็เหมือนกันเราควรจะมีเวลาอยู่กับเขา พาเล่น พาออกกำลังกาย ทำเหมือนเขาเป็นสมาชิกคนสำคัญในครอบครัวเเล้วจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก https://pet.kapook.com/view150.html

 

มารับข้าไปเลี้ยงเดี๋ยวนี้นะเจ้ามนุษย์ ไม่สนใจใช่มั้ย นี่ เลียกระจกโชว์เลย

วันนี้มีภาพความน่ารักของแมวชื่อ Sigmund  ที่อยู่ในสถานรับเลี้ยง ซึ่งก่อนนั้นมันมีคนรับไปเลี้ยงแล้วแต่ว่าเจ้า Sigmund  สงสัยจะซนเกินไป จนเจ้าของเขาต้องเอามาคืนและรอผู้รับเลี้ยงคนใหม่ต่อ แต่เมื่อนาน ๆ ไปไม่มีใครสนใจรับมันไปเลี้ยงสักทีมันก็คิดหาวิธีการดึงความสนใจจากมนุษย์ด้วยการ เลียกระจก เสียเลย

แมวตัวนี้อยุ่ที่  Cat Haven ศูนย์พักพิงสัตว์ในออสเตรเลีย การที่มันเลียกระจกเพื่อเรียกร้องความสนใจจากมนุษย์นั้นได้ผลนะ เพราะเวลามันเลียกระจกทีไรคนก็จะหันมามองว่ามันกำลังทำอะไร และไม่นาน เจ้า Sigmund  ก็กลายเป็นที่สนใจขึ้นมาทันทีและก็มีคนรับมันไปเลี้ยงในที่สุด ด้วยความโด่งดังจากการเลียกระจกของมันเอง คนถ่ายภาพ อัดคลิปแชร์ความน่ารัก ความแปลกของมันลงโซเชียลนั่นเอง

ในที่สุดแผนการยึดครองบ้านมนุษย์และนำมนุษย์คนใหม่มาเป็นทาสของเจ้า Sigmund  ก็ได้ผลแล้ว

Sigmund เป็นแมวชอบกระโดด ชอบเล่น เป็นที่สุด

การอยู่เฉย ๆ คืออะไร ? Sigmund  ไม่รู้จัก

อยู่อย่างสุขสบาย ณ บ้านหลังใหม่

ยึดครองทั้งบ้านเรียบร้อยแล้ว

จะทำงานหรอ หรือทำอะไร ก็ต้องมี  Sigmund  อยู่ด้วยเสมอ
(ผู้คุมงาน)

ความน่ารัก ฉลาดของ  Sigmund  จากไอเดียการเลียกระจกได้ผล จนได้บ้านใหม่สมใจในตอนอายุ 4 ปี ความพยายามของแมวสูงจริง ๆ เห็นแล้วทาสแมวขอคารวะครับผม เก่ง ๆ เลยนะ  Sigmund  ขอให้มีความสุขที่บ้านใหม่นะ

 

ที่มา http://www.catthailand.com/catnews.php?qno=368

ข่าวลือหรือเรื่องจริง ? สุนัขพันธุ์ผสมมีร่างกายแข็งแรงกว่าพันธุ์แท้ วันนี้เรามีคำตอบ

บนโลกใบนี้มีสุนัขหลากหลายสายพันธุ์มากให้เราได้เลือกมาเลี้ยงเป็นเพื่อนกันครับ สำหรับบางคนก็มีสายพันธุ์สุนัขที่ชอบอยู่แล้ว แต่สำหรับบางคนก็อาจยังต้องพิจารณาหลายอย่างก่อนติดสินใจนำสุนัขมาเลี้ยง โดยสุนัขเองก็มีทั้งพันธุ์แท้และพันธุ์ผสม ซึ่งหลาย ๆ คน อาจจะเคยได้ยินว่าสุนัขพันธุ์ผสมนั้นจะไม่ค่อยป่วยเป็นโรค จะมีความแข็งแรงมากกว่าสุนัขพันธุ์แท้มันจริงหรือไม่มาติดตามกันครับ

ทำความเข้าใจพันธุ์ – พันธุ์ผสม

ก่อนอื่นมาตอกย้ำความเข้าใจเกี่ยวกับสายพันธุ์สุนัขในเบื้องต้นก่อนนะครับ สุนัขสายพันธุ์แท้คืออะไร ? คือ สุนัขที่เกิดมาจากพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่เป็นสายพันธุ์เดียวกัน ลูกก็ออกมาเป็นพันธุ์แท้ ส่วนพันธุ์ผสมก็คือ สุนัขที่เกิดมาจากพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์คนละประเภทนั่นเองครับจะเป็นพันธุ์อะไรก็ได้ที่ผสมข้ามสายเรียกว่า “พันธุ์ผสม” หมดเลยครับ

เราจะทราบได้อย่างไรว่าสุนัขพันธุ์ผสมแข็งแรงกว่าพันธุ์แท้จริงไหม? 

สุนัขทุกตัวไม่ว่าจะเป็นพันธุ์แท้หรือผสมจะมีการรับเอาลักษณะทางพันธุกรรมมาจากพ่อแม่อยู่แล้ว และในลักษณะนี้เองมันจะมีโรคตามมาด้วย ซึ่งเป็นเพราะยีนมีความผิดปกติ แล้วคำถามคือ สุนัขพันธุ์ผสมแข็งแรงจริงไหมมีทีมนักวิจัยได้ทำการทดลองสำรวจออกมาแล้วนะ โดยรวมแล้วก็ไม่ได้บ่งบอกเลยว่าสุนัขพันธุ์ผสมจะแข็งแรงกว่าเพียงแต่มีทักษะในการปรับตัวตามสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยได้ดีกว่าเท่านั้นเอง ในส่วนของโรคนั้นก็ยังมีโอกาสที่จะเป็นได้เหมือนกัน

แต่ว่าเมื่อมีการทดลองเรื่องการเกิดโรคทางพันธุกรรมของสุนัขเทียบกันระหว่างพันธุ์แท้กับพันธุ์ผสม ทั้ง 10 โรค จากงานวิจัยของ Bellumori และคณะ (2013) โดยเก็บข้อมูลจากเวชระเบียนในคลินิกสัตวแพทย์ของ University of California-Davis Veterinary Medical Teaching Hospital. (UC Davis) จากสุนัขจำนวนมากกว่า 27,254 ตัว นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 ถึง ค.ศ. 2010 ก็ปรากฎว่าสุนัขพันธุ์ผสมนั้นพบโรคทางพันธุกรรมได้น้อยกว่าพันธุ์แท้ แต่ก็ดันพบว่าพันธุ์ผสมจะมีปัญหาเกี่ยวกับโรคเส้นเอ็นหัวเข่าไขว้หน้าฉีกแทน เราจึงไม่อาจจะสรุปได้ว่าสุนัขพันธุ์ผสมจะแข็งแรงกว่าเสมอไปครับ เพราะสุนัขทุกตัวมีสิทธิ์ที่จะเกิดโรคได้เหมือนกันแต่จะเป็นโรคอะไรมากกว่ากันเท่านั้นเอง

แต่ไม่ว่าจะเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์แบบไหนก็ขอให้รักและดูแลเอาใจใส่พวกเขาให้ดีนะครับ แม้เราจะไม่รู้ว่าสุนัขแต่ละตัว แต่ละพันธุ์นั้นแข็งแรงแค่ไหน แต่เรารู้ได้เสมอถึงความซื่อสัตย์ของพวกเขาแน่นอน ดูแลกันให้ดีนะครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.dogilike.com/content/vettalk/5821/

แมวหน้าเปื้อน สมัดจ์ ที่เห็นแล้วน่าร๊ากก อยากอุ้มกลับบ้าน

แมวแบบไหนที่น่ารักน่าเลี้ยงสำหรับคุณบ้าง หลายคนก็คงจะมีความชอบในตัวแมวที่แตกต่างกันออกไป และยิ่งเป็นแมวที่มีเหมือนจะมีจุดด่างพร้อยนั้นบางคนก็คิดว่าเป็นแมวไม่น่าชมเอาเสียเลย แต่ว่าตรงกันข้ามเลยกับเจ้า สมัดจ์ แมวพันธุ์หิมาลายันตัวนี้ ที่มีรอยเปื้อยอยู่บนกลางใบหน้ามองเห็นได้เด่นชัดมาก ไม่ได้กลายเป็นปมด้อยแมวแต่อย่างใดเลย แต่รอบเปื้อยนี่เองที่ทำให้เจ้าสมัดจ์โด่งดังและกลายเป็นเซเล่บแมวในที่สุด เรามาชอบภาพความน่ารักของแมวตัวนี้กันเลยครับ

สมัดจ์ เป็นแมวมาดผู้ดีตัวหนึ่งในบรรดาเซเล่บแมว
ความน่ารักของมันไม่ได้มีเพียงแต่รอยเปื้อนสีดำบนใบหน้าเท่านั้น
แต่ลองมองที่ดวงตาเหมียวน้อยดูสิ จะเห็นถึงความบ๊องแบ๊วมาก ๆ
สายตาเหมือนจะอ้อนวอน พร้อมจะอ้อนเราอยู่ตลอดเวลา
แบบนี้ทาสแมวเห็นรับรองว่าต้องใจละลายแน่นอน

สมัดจ์น้อย ตากลม ๆ ขนฟู ๆ
น่าร๊ากกก ใช่มั้ยล่ะ
เห็นแล้วอยากจะกอดจริง ๆ

รอยเปื้อนบนหน้า สีขนที่แตกต่างไม่เคยทำให้ความน่ารักลดลงเลย
ความอ้วนกลม ขนยาวน่ากอด ตาแป๋ว ทำให้สมัดจ์ได้ใจทาสแมวเลย

สมัดจ์ง่วงจังเลย
เข้านอนกันเถอะนะ ๆ ๆ ๆ

เวลาว่างของสมัดจ์ คือ
การนอนอยู่เฉย ๆ

หน้าตาแบบนี้แปลได้ว่า
สมัดจ์หิว แย้ว

แมวจะนอนถ่ายพอแล้ว
สมัดจ์ กล่าว

ทำไมรู้สึกเหมือนที่นอนมันเล็ก ๆ นะ

วันนี้มีอะไรกินบ้างน้าา
สมัดจ์ หิว

ทั้งหมดนี้เป็นภาพความน่ารักของเซเล่ปแมวหน้าเปื้อน สมัดจ์นะครับ ถ้าใครอยากจะติดตามอินสตาแกรมของเจ้าสมัดจ์ก็ไปที่อินสตราแกรมชื่อ purrfectsmudge ได้เลย  เป็นไงบ้างกับความน่ารัก ตาแป๋ว บอกเลยว่าน่ารักมาก ๆ อยากจะอุ้มกลับบ้านจริง ๆ ครับผม

 

 

ขอบคุณภาพจาก

https://www.instagram.com/purrfectsmudge/
http://www.catthailand.com/catnews.php?qno=342

 

 

เจ้ามนุษย์ไปเที่ยวต้องพาแมวไปด้วยสิ คิดจะเที่ยวคนเดียวแมวไม่ยอม

วันนี้เราได้นำภาพความน่ารักของน้องเหมียวที่ติดตามมนุษย์ผู้ซื่อสัตย์ไปด้วยทุกที่ โดยมีอินสตาแกรมที่ชื่อว่า  campingwithcats ได้โพสภาพการเดินทางท่องเที่ยวกับแมว และทุกคนที่รักแมวสามารถโพสภาพแมวของตัวเองในการพาเที่ยว พร้อมกับติดแฮชแท็กชื่อ #campingwithcats  ได้เลยในอินสตาแกรมดังกล่าวจึงเต็มไปด้วยแมวน่ารัก ๆ กับการท่องโลกกว้างจากทาสแมวจากทั่วโลกเลย วันนี้เราได้นำภาพความน่ารักบางส่วนมาแบ่งปันครับ

แวะเข้ามาชมกันได้เลย ว่าเวลาแมว ๆ ไปเที่ยวจะน่ารักกันขนาดไหน

แคมป์นี้แมวจอง มีใครจะมานอนด้วยมั้ย

การผจัญภัยของ โจรสลัดแมวเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้

อาบแดดสักนิด

แมวไซบีเรียน ตะลุยป่า (เนียนมั้ย)

วันนี้อากาศดีจังเล๊ย

แอบเข้ากระเป๋าไปด้วย มนุษย์คงไม่รู้ตัว ฮะฮ่า

ชอบนอนที่สูง

ตั้งแคมป์ในป่า ตามประสา แมว ๆ

แมวไม่เคยกลัวฝน (จริง ๆ นะ)

จะไปที่ไหนให้บอกมา
แล้วแมวจะพาไป
(แล้วต้องพาแมวไป 555+)

วันนี้ควบหมา ออกมาสำรวจริมลำธาร
ทุกอย่างเรียบร้อย ปกติดีฮะ

ร่างกายต้องการธรรมชาติ
สูดธรรมชาติเข้าเต็มปอดแมว

ตั้งกล้อง เตรียมถ่ายภาพกัน

เอ่อ. . มนุษย์เอ๋ย
แมวหนาว อยากกลับบ้าน

โลกใบนี้เป็นของเราสองคน
ทะเลแสนกว้างก็เช่นกัน

เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับภาพความน่ารักของเหล่าแมว ๆ ทั้งหลายกับเจ้าของที่ต้องพกพาแมวไปด้วย หากคุณเลี้ยงแมวและมีโอกาสได้ไปเที่ยวอย่าลืมพาแมวน้อยออกไปยนโลกกว้างด้วยนะครับ

 

ขอบคุณภาพจาก http://www.catthailand.com/catnews.php?qno=356

โรคแมวข่วน (Cat-scratch) ทาสเเมวควรระวัง

แมวเหมือนจะเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดมาก ๆ และคนก็ชอบเล่นกับแมวแต่สิ่งหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวแมวกว่า 40 % จะเป็นเชื้อแบคทีเรียจากเห็บหมัดต่าง ๆ จะมาโดนเราและทำให้คนป่วย โดยเฉพาะกับผู้ที่เล่นกับแมวบ่อย ๆ ปล่อยให้แมวเลีย หรือโดนกัด โดนข่วน โอกาสที่จะติดเชื้อเเบคทีเรียนั้นมีสูงโดยจะทำให้เกิดเป็นโรคที่ชื่อว่า โรคแมวข่วน (Cat-scratch)ครับ

โรคแมวข่วนนี้อาจจะไม่ได้มีสาเหตุมาจากตัวแมวโดยตรงแต่มาจากเห็บหมัดที่มีฉี่มีมูลที่เต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรียนี้อยู่ เวลาคนโดนแมวข่วนเชื้อดังกล่าวที่อยู่บนตัวแมวจะซึมเข้าสู่บาดเเผลได้  บางทีแม้ว่าบาดเเผลไม่ได้เกิดจากแมวแต่บนตัวเรามีแผลอยู่แล้วก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้

โดยในปี 2005 – 2013 ทางCenters for Disease Control and Prevention (CDC)  ออกมาเผยผลการสำรวจสุขภาพของผู้คนในโรงพยาบาลพบว่ามีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจากโรคแมวข่วนสูงถึง 538 คนกันเลยทีเดียว โรคนี้เหมือนจะไม่ร้ายแรงแต่ก็มีผลข้างเคียงไม่ค่อนข้างอันตรายเหมือนกัน

อาการข้างเคียงจากโรคแมวข่วน Cat-scratch)

จะไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นแบบทันที ส่วนใหญ่จะพบว่าหลังจากที่ผู้ป่วยได้ติดเชื้อโรคแมวข่วนไปแล้วประมาณ 3 – 14 วันจะเริ่มแสดงอาการออกมา ซึ่งลักษณะอาการของโรคมีดังนี้

  1. รู้สึกอ่อนเพลีย อ่อนล้าร่างกาย
  2. มีอาการปวดหัว
  3. บริเวณแผลจะเริ่มแดงอย่างเห็นได้ชัด
  4. แผลมีอาการบวม และ นูน ขึ้นมาผิดจากปกติ
  5. มีอาการเบื่ออาหาร

หากคุณเล่นกับแมวแล้วโดนแมวข่วน โดนกัด โดนเลีย ต้องรีบทำความสะอาดแผลโดยเร็วที่สุด เพื่อความมั่นใจควรไปให้แพทย์ตรวจรักษาแผลให้ด้วยจะดีกว่าครับ และอย่าลืมพาน้องเหมียวเข้ารับการฉีดวัคซีนด้วย เป็นการป้องกันได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ก็ต้องดูแลความสะอาดแมวอย่าให้มีเห็บหมัดครับผม

 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก http://www.catthailand.com/catnews.php?qno=329

 

น้องแมวฝึกอย่างไรให้เชื่อง ทาสเเมวต้องอ่าน

ทาสแมวทั้งหลายฟังทางนี้วันนี้เรามีวิธีการจัดการกับเจ้านายตัวแสบของเราให้เชื่องแล้ว การฝึกแมวอาจจะยากแต่ก็ไม่เสมอไป เพราะมีเพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น เมื่อเทียบกับการฝึกสุนัขการฝึกแมวง่ายกว่ากันเยอะ เรามาดูกันว่าจะฝึกแมวอย่างไรให้เชื่องและเชื่อฟังทาสอย่างเรา ๆ มาติดตามกันได้เลย

การฝึกแมวให้เชื่องมีวิธีดังต่อไปนี้

  1. การฝึกเรียกชื่อเรียกให้มาหา   เราจะฝึกโดยการเรียกบ่อย ๆ โดยใช้คำเดิม ๆ เพื่อให้แมวเกิดการจดจำ เช่นเรียกให้มาหาเราอาจจะใช้คำว่า มานี(ชื่อแมว) เเละเวลาเรียกแต่ละครั้งก็เรียกแบบเดิม แต่ว่าอย่าลืมให้รางวัลทุกครั้งที่ฝึกเรียกแล้วน้องแมวมาหา  แต่ถ้าฝึกมากไประวังน้องแมวรำคาญหากรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของแมวว่าไม่ดีแล้วให้หยุดก่อน ค่อยฝึกใหม่วันหลัง
  2. สอนให้แมวเข้าลัง  ทุกครั้งที่เราเรียกแล้วน้องแมวมาเข้าลังก็ชมและให้รางวัลเป็นของโปรดเขา จะทำให้เข้าใจว่าการเข้าไปในลังเป็นสิ่งที่จะต้องทำ เพราะทำแล้วจะได้ขนม แต่ถ้าหากแมวออกมานอกลังห้ามชม ห้ามให้ขนมเด็ดขาด พอแมวเริ่มเข้ารังแล้วก็พยายามฝึกให้อยู่นาน ค่อยให้ขนม เมื่อแมวชินจะเข้าใจว่าตรงนั้นเป็นบ้าน

   

3.  ฝึกให้แมวหมอบ  วิธีนี้จะต้องใช้ขนมล่อ สูงไว้จากนั้นค่อย ๆ เลื่อนขนมลงต่ำให้แมวเริ่มหมอบตามขนม จากนั้นก็ให้ค่อย ๆ ถอยห่างออกมาก่อน โดยยังไม่ให้ขนมเมื่อแมวหมอบแล้วเราก็ค่อยให้ แต่ในระหว่างการฝึกเราจะต้องพูดคำว่า “หมอบ” ไปพร้อมกันด้วยนะ

4.   ฝึกการคาบของ  ลองดูว่าแมวของเราชอบอะไรแบบไหนลองหาของเล่นหรือตุ๊กตามาให้ดู โยนให้แมวจากนั้นลองรอให้แมวคาบละเรียกมาหาเรา จากนั้นก็เอาขนมให้เพื่อเป็นของรางวัล หรือเอาขนมให้เพื่อแลกกับของก็ได้

5.  ฝึกขับถ่ายในกระบะทราย  แมวจะต้องรู้จักการเข้ากระบะทรายโดยในช่วงเเรกเราจะเรียกน้องแมวให้รู้จักกระบะทราย เราเรียกและเอามือขุดทรายเพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจก็ได้ จากนั้นเมื่อน้องแมวมาหาก็ให้รางวัล โดยจะต้องฝึกในช่วงหลังอาหาร หลังออกกำลังกาย หรือหลังตื่น ประมาณนี้แมวจะได้เข้าห้องน้ำเป็นเวลา แต่สิ่งที่ต้องทำควบกันด้วยคือ การให้อาหารเองก็ต้องเป็นเวลาด้วย

เราสามารถฝึกแมวให้เชื่องได้หากรู้วิธีการที่ถูกต้อง ใน 5 ขั้นตอนนี้สามารถนำไปใช้ได้ทุกคน  การฝึกแมวหาเริ่มเร็วก็จะดีกว่ารอให้แมวโตหรือมีอายุแล้วจะฝึกยากกว่าแมวที่กำลังโต แต่ก็ฝึกได้ทุกวัยเพียงแต่จะต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกที่แตกต่างกัน

ขอบคุณที่มาจาก http://www.catthailand.com/catnews.php?qno=351

แมวป่วยหรือเปล่า ? สังเกตุอาการดูให้ดีมีอะไรผิดปกติในน้องเหมียวบ้าง

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแมวกำลังป่วย แมวไม่ค่อยแสดงอาการนะครับในบางตัวแถมยังชอบหลบมุมไม่ให้เราเห็นด้วยเวลาแสดงอาการ เราจะสังเกตได้ด้วยตัวเองว่าแมว กำลังป่วยอยู่ โดยมองจากลักษณะภายนอกของตัวแมวดังนี้เลยครับ

เวลาที่แมวป่วยมักจะมีพฤติกรรมแตกต่างไปจากเดิม ให้เราเห็นได้ชัดเลย คือ ไม่ค่อยออกมาเล่นกับเรา นอนเยอะกว่าเดิม จากเดิมที่นอนมากอยู่แล้วก็นอนนานไปอีก  ไม่ค่อยทานอาหาร  ฉี่บ่อยและเยอะกว่าเดิม บ้างก็ฉี่ไม่เป็นที่เป็นทางเอาเสียเลย  เจ้าของจะต้องดูให้ดีว่าแมวเรากำลังมีอาการแบบนั้นอยู่ไหมจะได้หาทางแก้ได้ทันเวลา เพราะแมวมันป่วยบางตัวก็ไม่ได้ไปหาหญ้ากินอย่างที่หลายคนเข้าใจ

นอกจากนั้นยังไม่พอ ลองดูตามตัวน้องแมวด้วย บางทีก็มีคราบอาเจียนติดปากอยู่ แต่เราจะไม่เห็นตอนอาเจียน หรือมีก้นเปียกเเฉะ มีคราบของอึแมวติดอยู่ที่ก้น   บริเวณก้นและท้องแมวขนจะร่วงเยอะมากกว่าเดิม  มูลของแมวจะเปลี่ยนสี  ผิวของแมวเริ่มมีการตกสะเก็ด  บางทีจมูกของแมวก็เปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด

สาเหตุที่ทำให้แมวป่วย

แมวป่วยมาจากหลายสาเหตุไม่ใช่แค่การติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อโรคอย่างเดียว แต่ด้วยสภาพแวดล้อม การเลี้ยงดูที่ส่งผลทำให้เเมวเครียดก็ทำให้แมวป่วยได้ง่าย ๆ ส่วนการกินหญ้าแมวบางตัวก็จะกิน เจ้าของควรจะหาไผ่แมว ข้าวสารี หรือหญ้าที่มีประโยชน์สำหรับแมวมาไว้ด้วย

แมวก็คือแมว เราจะต้องเลี้ยงแมวอย่างเข้าใจอย่าใช้อารมณ์ในการเลี้ยง อย่าโมโหกับแมว และควรจะให้อยู่ในสิ่งแวะล้อมที่เหมาะสม ปลอดโปร่งทำให้น้องแมวอยู่อย่างสุขสบายครับผม หากแมวท่านใดกำลังป่วยแนะนำควรรีบนำพารักษาโดยด่วนครับ

 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก http://www.catthailand.com/catnews.php?qno=360

สุนัขสายหล่อ มาดเท่ แต่ขี้เล่นชอบทำหน้าทะเล้นกวนโอ๊ย ยกให้เขาเลย “Siberian Husky “

Siberian Husky ไซบีเรียน ฮัสกี้ ทุกคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับสุนัขสายพันธุ์นี้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นหมาเมืองหนาวแต่ว่าเมืองร้อนอย่างไรเราก็นิยมเลี้ยงกันจำนวนมากเลย ด้วยความหล่อ ความเท่ ความฉลาด ขี้เล่นของเจ้าไซบี้ทำเอาหลาย ๆ คน ติดอกติดใจกันมาก ความสามารถของเจ้าไซบีเรียนนั้นมีเยอะ ฝึกได้ ทำงานได้หลายอย่าง แต่ก็อาบเป็นจอมซน ชอบทำหน้านิ่ง ตาโต ทะเล้น ๆ เห็นทุกทีอดขำไม่ได้เลย #หมดกันความหล่อ  เรามาดูภาพของเหล่าไซบีเรียนที่เเสนน่ารักกันเลยดีกว่า

เปิดตัวภาพแรกด้วย ความหล่อแบบหมาผู้ดี
แอ่ก!! ตาเหลือก ลิ้นห้อย  ตายดีกว่า . . อ๋ง อ๋ง

ไม่ไหวแล้ว ง่วงนอน จะขึ้นแล้ว
ไม่ขึ้นจะจมแล้วนะ

วิญญานนางแบบเข้าสิง
นิ่ง สงบ ดูดี มีความไฮโซแบบหมา ๆ

ห๊าาาา !! อะไรนะ หน้าปากซอยมีศัตรูมาหรอ
ป๋าโหดจะไปช่วยเดี๋ยวนี้แหละ

โทษทีหน้านิ่ง ไม่ได้หยิ่ง
ทำไงได้ .. ก็หน้าหล่อ แต่เกิด

เหอ!! . .  ทำไมนะ  ซื้อกี่ตัว ๆ ไม่เคยถูก
ไม่เป็นไรงวดหน้าเอาใหม่

ว่ากันว่า. . อาบน้ำ สะบัดขน จะมีเซ็กซี่
ไหน ๆ ลองสะบัดมั้ง !!

กำลังเรียนวิชา หมาพลางตัว
ฮะ ฮ่า หาไม่เจอละซี่ ?

เดินบนหิมะทีไร
ความสูงหายทุกทีเล๊ยยย

ถ้าอยากถ่ายภาพออกมาแบ๊ว น่ารัก
ต้องทำตาโต หามุมเอียง ๆ เเบ๊วสุดละฮะ

แฝด 7 นอนหลับน่าร๊ากกก
อย่าให้ตื่นเชียวนะ
แฝดนรกทันที

เป็นยังไงกันบ้างครับกับภาพเหล่าไซบีเรียน ฮัสกี้ น่ารักกันทุกตัวเลย ใครที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้แนะนำว่าใครมีที่เย็น ๆ ให้น้องอยู่จะดีมาก เพราะว่าจะเป็นหมาไม่ชอบอากาศร้อน ห้องแอร์ยิ่งดีครับ และดูแลเรื่องขนให้ดีอาจจะมีการร่วงเยอะในบางช่วง  ยังไงก็ตามหากอยากจะเลี้ยงไม่ว่าจะเป็นสุนัขพันธุ์ไหน ควรมีสถานที่ให้พร้อมและศึกษาข้อมูลการเลี้ยงให้ดีนะครับผม ขอให้ทุกคนมีความสุขร่วมกันกับเจ้า 4 ขา นะครับ

แมวอ้วนที่ชวนอึ้ง! รวมเหล่าแมวอ้วนทั้งหลาย แสนน่ารักน่ากอด

วันนี้นะครับเราจะพามาชมภาพหมู เอ้ย! ไม่ใช่ครับ แมวครับแมว แต่เป็นแมวที่กลายเป็นหมูไปแล้ว เพราะว่าทาสอย่างเรา ๆ สงสัยจะเลี้ยงดีเกินไปสักหน่อยทำให้เหล่าบรรดาแมว ๆ ทั้งหลายกลายเป็นหมู ไปแล้ว เรามาชมภาพน่ารัก ๆ ของเหล่าบรรดาหมูแมวจ้ำม่ำกันดีกว่าครับ

จะนั่งก็ยาก จะก้มก็ลำบาก
ติดพุง

อ้วนแต่เรียบร้อย
แมวผู้ดี มีไรป่ะ ?

อย่าพึ่งถ่ายรูปสิ
กำลังบิดตัวหามุมผอมอยู่

ฝนตก น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด
ข้าก็ไม่หนี
หนักตัวเอง ขอนอนอยู่ตรงนี้แหละ

อ๋อยยยย อิ่ม
ขอนอนตากพุงหน่อยละกัน

มาเป็นของเค้าเถอะนะค้าา
ตะเองหนีเค้าไม่รอดหรอก

ขอนัั่งเอนหลังแปป
ไปวิ่งจับหนูมา เหนื่อย

พี่อ้วน เพราะมีกิน ไอ้น้อง

มองไร เจ้ามานุด

รู้สึกไหมว่าเตียงมันเล็กลง

ขอลาออกจากการเป็นแมว
เป็นกระต่ายแทนได้มั้ย

นั่งหมา . . หรือ หนู  . .. จับกินจะเป็นไรมั้ยนะ

ข้าคือ สิงโต

ทุกวันนี้ไปไหนมาไหน ไม่เดินกันแล้ว
กลิ้งเอา !!!

แมวอ้วนแต่ละตัวบอกเลยครับว่าแทบจะอยากจะเรียกว่าแมว อ้วนกันจริง ๆ ถ้าจะให้ดูเวลาเลี้ยงไม่ต้องให้อ้วนขนาดนี้ก็ได้ อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของน้องแมวในอนาคต ควรจะหาเเมวออกกำลังกายบ้าง อาหารควรควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่พอดีต่อมื้อ อ้วนถึงจะน่ารักแต่มันอาจจะอ้วนเกินไปหรือเปล่า อย่าลืมพาเหมียว ๆ ไปตรวจสุขภาพกันด้วยนะครับผม

ขอบคุณภาพจาก http://petmaya.com/cat-or-pig

รวมภาพเหล่ามะหมาที่ดูแล้วชวนฮากลิ้ง

สวัสดีครับ บทความนี้จะเน้นที่ภาพน่ารัก ๆ ภาพฮา ๆ ของหมาทั้งหลาย ไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะอะไรดี แต่ที่แน่คือ ชวนฮาน้ำตาร่วงแน่นอน พฤติกรรมสุนัขแต่ละตัวไม่ธรรมดาจริง ๆ เจ้าตัวแสบที่บ้านใครมีพฤติกรรมชวนหัวเราะแบบนี้บ้างไหม เอาล่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลามาดูกันเลยดีกว่าครับ

แบบนี้จะเรียกอะไรดี จะเป็นสัตว์โลก กวน . . .
หรือ กำลังคัน หรือท่าอะไร หรือเปล่านะครับเจ้าตูบ ฮ่า ฮ่า

แช่น้ำคนเดียวสบายไปมั้ยครับ
ป๋มลงแช่ด้วยสิ . .  ฉบายย

ได้เวลานอนแล้วฮะ
หมอนพร้อม ผ้าห่มมา
ฝันดีฮะ

นั่งพื้นแบบปกติ เบื่อแล้วสินะ
อยากจะเปลี่ยน มุมมองบ้าง

คาบแล้ว วางไม่ได้ฮะ
ทำไงดี มันติดในปาก

ตัวเป็นยางรุยังไง ?
แหงนมองซะ กลัวแทนเลย

อะไรเอ่ย ไม่เข้าพวก ?

วิธีเตาผิงอย่างถูกต้อง
มันต้องแบบนี้เนั้ยย !!!

ผมเก็บตุ๊กตาได้หน้าปากซอยครับ
เลยหิ้วมาฝากหมะมี้

จัดการมันเลยฮะลูกเพ่

ภารกิจวันนี้คือ ถอนหญ้าหน้าบ้าน ฮะ

ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่ ณ พงไพรแห่งนี้ โฮ่ โฮ่
(แล้วจาลงยังไง ??…? !)

ไม่เป็นไรนะ โอ๋ ๆ
เค้าอยู่ตรงนี้นะ ไม่ตรงกลัว

ละครมาแล้ว
กรุณาอย่ารบกวน
(หมาติดละคร)

ธรรมดา หมาผู้ดี
มีอ่างจากุชชี่ส่วนตัว
เย็น ฉบายยยย

ไปเร็วสิเจ้าม้า  ข้ากำลังรีบ

ขอนั่งพักแปป
รมไม่ค่อยดีอย่าชวนคุย

เป็ยยังไงบ้างครับ แต่ละตัวไม่ธรรมดาจริง ๆ วีรกรรมสุดแสบของสุนัขยังมีอีกมากมาย วันนี้จบเท่านี้ก่อน บทความต่อไปจะนำมาฝากอีกครั้ง ยอมรับเลยว่างานนี้น้องหมาเรียกเสียงฮาได้ท้องแข็งกันเลยจริง ๆ บ้านไหนมีน้องหมาน่ารัก ซน ๆ แบบนี้อย่าลืมถ่ายภาพเก็บไว้ดูนะครับ ทำให้อารมณ์ดีไม่น้อยเลย

 

ขอบคุณภาพจาก http://www.kidjarak.com/20-dogs-acting-weird/