PM2.5 ภัยอันตรายใกล้ตัวสำหรับน้องหมาน้องแมว

ฝุ่นละออก PM 2.5 ที่สูงเกินมาตรฐานในปัจจุบัน โดยส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนเราที่สูดดมเข้าไปในปริมาณมากแล้ว น้องหมาน้องแมวก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน

โดยเฉพาะน้องสัตว์เลี้ยงชนิดที่เป็นพันธุ์หน้าสั้น จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินหายมากกว่าสัตว์อื่น เช่น สุนัขพันธ์ปั๊ก,บลูด็อก,ชิสุห์ แมวพันธุ์เปอร์เซีย สก็อตติสโพลด์

น้องหมาน้องแมว ที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็กเป็นเวลานาน จนอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ ขึ้นมาได้ เช่น น้องมีอาการไอ หายใจลำบาก น้ำตาไหล เจ็บคอ น้ำมูกไหล หอบหืดกำเริบ หายใจแรงเร็ว อ่อนแรงขาดออกซิเจน มึนงง กินลดลง หิวน้ำบ่อย อ้าปากหายใจ

วิธีป้องกันสุขภาพสัตว์เลี้ยง ได้แก่
1.ล้างแอร์สม่ำเสมอ
2.ดูดฝุ่นบ้านและที่นอนของสัตว์เลี้ยงบ่อยๆ
3.งดสูบบุหรี่หรือหลักเลี่ยงการจุดธูปภายในบ้าน
4.ถูพื้นบ่อย เพื่อขจัดคราบฝุ่น
5.อาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงบ่อยๆ
6.งดพาสัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นนอกบ้าน โดยเฉพาะ ริมถนน แต่ให้ออกไปขับถ่ายได้ปกติ แล้วรีบให้กลับเข้าบ้าน
7.ควรเลี้ยงในบ้าน
8.รดน้ำต้นไม้ ล้างโรงรถ หรือบ้านสัตว์เลี้ยงบ่อยขึ้น

 

เครดิต
คลินิกรักษาสัตว์หมอเอิน
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Faculty of Veterinary Science, CU.
Thonglor Pet Hospital โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ
thairesidents

น้องหมาที่สุขภาพดีเราจะสังเกตได้อย่างไร

เรามาสังเกตอาการเบื้องต้นของสุขภาพน้องหมาเรากันว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีหรือไม่  ตัวนี้เป็นวิธีการสังเกตเบื้องต้นนะครับ
สุนัขสุขภาพดี จะแจ่มใส ร่าเริง กระตือรือร้น ไวต่อสิงกระตุ้น และ พร้อมที่จะเล่นกับเจ้าของตลอดเวลา ผิวหนังสะอาด ขนเป็นเงางาม และอยากให้ เจ้าของกอดหรือสัมผัส

ตา
ควรจะใสสะอาดเป็นประกาย ไม่มีขีตา หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ
หู
ในช่องรูหู เป็นสีชมพูอ่อน ไม่มีกลิ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ ใบหูทั้ง 2 ข้างมีขนาดและตําแหน่งใกล้เคียงกัน ปาก ฟันขาว เหงื่อกและลิ้นเป็นสีชมพู  เหงื่อก ควรสะอาด ไม่มีเศษอาหาร หรือหินนํ้าลายติดตามซอกเหงือกและฟัน ไม่มีกลิ่น ปาก
ผิวหนัง
สะอาด ไม่มีกลิ่น ไม่มีรังแค และพยาธิภายนอก ขนเป็นมันเงา ไม่หลุด ร่วงง่าย (ยกเว้นช่วงผลัดขน) และมีความยาวได้ระดับตามสายพันธุ์
ทวารหนัก
ไม่เปรอะเปือนอุจจาระ ไม่มีการอักเสบแดง หรือบวม สุนัขไม่แสดง อาการชอบเลีย หรือถูไถก้นกับพื้นหรือหญ้าบ่อยๆ
อุ้งเท้า
มีความสมดุล ไม่ผิดรูปร่าง ง่ามนิ้วเท้าสะอาด และเล็บไม่ยาวจนเกินไป
ความสมบูรณ์ของร่างกาย รูปร่างสมส่วน ไม่อ้วน หรือผอมจนเกินไป กินอาหารและนํ้าปกติ ขับถ่ายปกติ มีความตืนตัว กระตือรือร้น สนใจสิงแวดล้อม และเจ้าของ

เครดิตข้อมูล
พิสิทธิ สุวรรณโชติ

ไส้กรอกติดคอ…สุนัข

#เรื่องเล่าบนออนไลน์ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ทุกคนที่เลี้ยงน้องสุนัข ควรระวัง โดนเฉพาะบ้านไหนที่มีน้องสุนัขที่กินเร็วๆ รีบกิน หรือบ้านไหนเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัว แล้วให้อาหารพร้อมกัน น้องจะรีบกินกลัวโดนแย้ง อาจจะทำให้อาหารติดคอน้องได้

เรื่องเล่าจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาพัทยา ที่เจ้าของพาน้องโคจิ พันธุ์ปอมเมอเรเนียน มาพบคุณหมอด้วยอาการ หายใจไม่ออกอย่างรุนแรง เนื่องจาก ไส้กรอกติดคอ  คุณหมอรีบนำตัวน้องให้ออกซิเจนและ x-ray เพื่อประเมินการรักษา จากนั้น คุณหมอได้รีบทำการช่วยด้วยวิธีการวางยาสลบ และได้ใช้เทคนิคพิเศษดันไส้กรอกที่ติดคอลงเข้าสู่กระเพาะอาหารได้อย่างปลอดภัยน้องมีอาการหายใจที่ดีขึ้นและพักฟื้นดูอาการอย่างใกล้ชิด

สาเหตุ  ที่ทำให้ไส้กรอกติดคอน้องสุนัขเพราะมีการเลี้ยงสุนัขด้วยกันหลายตัวและยิ่งถ้าเป็นอาหารที่อร่อยน้องก็จะรีบกินไม่เคี้ยวบางครั้งก็กลืนลงไปเลยแบบไม่เคี้ยวเลยเป็นเหตุให้อาหารติดคอ

ข้อแนะนำจากคุณหมอ
เวลาให้อาหารสุนัขที่เลี้ยงหลายๆตัวควรให้อาหารแยกชามอย่างชัดเจนเพื่อป้องกันการเกิดการแย่งอาหารกัน

 

เครดิต

แชร์เทคนิคการอึ ฉี่ ของน้องสุนัข

#ทริปดีๆจากทางบ้าน
แชร์เทคนิคการ อึ ฉี่ ของน้องสุนัข จากคุณ อังคณา สุขธงไชยสกุล  ที่มาเล่าและแชร์เทคนิคดีๆ การทำให้น้องอึ ฉี่ เป็นที่ ที่ใครๆก็สามารถทำตามได้เลย

เทคนิคง่ายๆ คือ ถ้ามีถาดฉี่แบบสำเร็จก็ใช้ได้เลย แต่เวลาล้าง เราฉีดล้างแค่น้ำเปล่าและตากแดดหรือลมพอ ไม่ต้องล้างด้วยน้ำยานะ เพื่อให้ยังมีกลิ่นอยู่ และเช็ดบริเวณอื่นด้วยน้ำยาให้หมดกลิ่น ที่บ้านใช้น้ำยาถูพื้นของเมจิกคลีนอยู่ค่ะ ใช้ได้ไม่แพ้ ให้เหลือกลิ่นแค่ที่ฉาดฉี่ เค้าจะได้รู้ว่าตรงนี้คือห้องน้ำของเค้าค่ะ
ถ้าใครไม่มีถาดฉี่สำเร็จ ก็สามารถซื้อถาดรองกรงมาใช้ได้ค่ะ มีขายตามร้านขายกรงร้านใหญ่ๆ เค้าจะมีถาดแยกขายต่างหาก ถาดละประมาณ 100 นึง แล้วใช้แผ่นรองฉี่วางอีกทีค่ะ การที่มีถาดจะทำให้เค้าอึฉี่เป็นที่ค่ะ เพราะยังมีกลิ่นติดถาด ถ้าใช้แผ่นวางอย่างเดียวโดยไม่มีถาด เวลาเปลี่ยนแผ่นใหม่ มันจะหมดกลิ่นไป และทำให้เค้าไม่อึฉี่ที่เดิมค่ะ หาซื้อถาดใหญ่หน่อย จะได้มีพื้นที่เดินหมุนวนเวลาจะอึค่ะ เพราะกว่าจะได้ที่อึพวกนางจะวนอยู่พักนึงค่ะ 5555 และใช้ได้ยันโตเลยค่ะ

 

 

ข้อมูลจากเพจ FRENCH BULLDOG CLUB OF THAILAND
” วันนี้เอาทริคดีๆมาฝากค่ะ
เห็นมีโพสถามกันบ่อยๆเรื่องฝึกเด็กๆอึฉี่ให้เป็นที่ เลยเอามาฝากเผื่อจะมีประโยชน์ค่ะ เด็กๆที่บ้านจะขับถ่ายบนถาดฉี่เป็นทุกตัวทุกรุ่น โดยที่ไม่เคยสอนเลยค่ะ คงเพราะมีกลิ่นของแม่เค้าอยู่ เทคนิคง่ายๆคือ ถ้ามีถาดฉี่แบบสำเร็จก็ใช้ได้เลยค่ะ แต่เวลาล้าง เราฉีดล้างแค่น้ำเปล่าและตากแดดหรือลมพอ ไม่ต้องล้างด้วยน้ำยานะคะ เพื่อให้ยังมีกลิ่นอยู่ และเช็ดบริเวณอื่นด้วยน้ำยาให้หมดกลิ่น ที่บ้านใช้น้ำยาถูพื้นของเมจิกคลีนอยู่ค่ะ ใช้ได้ไม่แพ้ ให้เหลือกลิ่นแค่ที่ฉาดฉี่ เค้าจะได้รู้ว่าตรงนี้คือห้องน้ำของเค้าค่ะ
ถ้าใครไม่มีถาดฉี่สำเร็จ ก็สามารถซื้อถาดรองกรงมาใช้ได้ค่ะ มีขายตามร้านขายกรงร้านใหญ่ๆ เค้าจะมีถาดแยกขายต่างหาก ถาดละประมาณ 100 นึง แล้วใช้แผ่นรองฉี่วางอีกทีค่ะ การที่มีถาดจะทำให้เค้าอึฉี่เป็นที่ค่ะ เพราะยังมีกลิ่นติดถาด ถ้าใช้แผ่นวางอย่างเดียวโดยไม่มีถาด เวลาเปลี่ยนแผ่นใหม่ มันจะหมดกลิ่นไป และทำให้เค้าไม่อึฉี่ที่เดิมค่ะ หาซื้อถาดใหญ่หน่อย จะได้มีพื้นที่เดินหมุนวนเวลาจะอึค่ะ เพราะกว่าจะได้ที่อึพวกนางจะวนอยู่พักนึงค่ะ 5555 และใช้ได้ยันโตเลยค่ะ 😊

คุณพ่อคุณแม่ในกลุ่มลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ😊 “

เครดิตข้อมูล
อังคณา สุขธงไชยสกุล
FRENCH BULLDOG CLUB OF THAILAND

 

เรื่องของแมวเหมียว…กับการตั้งท้อง…ที่ทุกคนควรรู้

แมวท้องกี่เดือน กี่วัน

รู้หรือไม่ โดยเฉลี่ยแล้วแมวจะตั้งท้องประมาณ 2 เดือน หรือ 9 สัปดาห์ ซึ่งการตั้งท้องของแมว อาจมีทั้งแบบที่บรรดาทาสแมวอย่างเราๆ นั้นตั้งใจนำไปผสมเพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่ดี และสีที่สวยงาม ไปจนถึงการตั้งท้องแบบที่ไม่ทันตั้งตัวและทำใจเลยก็เป็นได้ เนื่องจากสมัยก่อนจนถึงปัจจุบันประเทศไทยยังมีการเลี้ยงแมวแบบระบบเปิดมากกว่าระบบปิด คือปล่อยให้แมวสามารถพบปะ สังคมโลกภายนอก มากกว่าอยู่ในบ้านอย่างเดียวซึ่งเป็นระบบปิด และแมวเพศเมียนั้นสามารถที่จะเป็นสัดและรับการผสมได้ตลอดทั้งปี ตามช่วงแสงที่สูงของบ้านเรา (แดดออกจัดตลอดทั้งปีนั่นเอง) แมวจึงสามารถตั้งท้องได้โดยง่าย และบ่อยจนบางครั้งเจ้าของอย่างเราๆ ก็นับจำนวนลูกหลานกันไม่ทันเลยทีเดียว

รู้ได้ไงว่าแมวตั้งท้อง (เมื่อเหมียวตั้งท้อง )

ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและอาการที่เจ้าของจะพอสัมผัสได้ คือ แม่แมวจะเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป กินและนอนบ่อยขึ้น บางตัวจะห้าวน้อยลง ไม่ค่อยกระโดด แยกตัวออกจากฝูงในกรณีเลี้ยงหลายตัว แต่บางตัวก็อาจจะมีพฤติกรรมอ้อนเจ้าของเพิ่มมากขึ้น หากสังเกตจะพบว่าช่องท้องจะค่อยๆ เริ่มโตขึ้น เหมือนแมวอ้วน ต่างกันตรงที่เราจะมองเห็นราวนมทั้งสองข้างดูเด่นชัดขึ้น และหัวนมโผล่ออกมาจากขนมากขึ้น หัวนมจะตึงเป็นสีชมพู จนถึงใกล้คลอดอาจมีน้ำนมไหลพุ่งออกมาทางหัวนมหากเราไปสัมผัสโดนเข้า

 

เรื่องของ อาหารการกิน (คุณแม่)

การดูแลในช่วงนี้เนื่องจากแม่แมวอาจตั้งท้องลูกหลายตัว เมื่อมีลูกแมวจำนวนมากและมีช่วงเวลาตั้งท้องสั้นเพียงแค่ 2 เดือน เราจึงควรเอาใจใส่เรื่องสุขภาพและอาหารการกินในช่วงนี้เป็นพิเศษ ควรเน้นอาหารพวกโปรตีนที่มาจากแหล่งวัตถุดิบที่ดี เลือกสูตรอาหารที่เหมาะกับแมวตั้งท้อง นั่นคือเปอร์เซ็นต์โปรตีนและพลังงานในอาหารค่อนข้างสูง เพื่อเสริมสร้างให้แม่แมวมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมไม่ผอมเกินไป สารอาหารที่เพียงพอจะส่งผลให้ลูกแมวที่คลอดออกมามีน้ำหนักตามเกณฑ์ ไม่ผอมแกร็น และควรเป็นอาหารที่ย่อยและดูดซึมนำพลังงานไปใช้ได้ง่าย มีใยอาหารเพียงพอ เพื่อให้ขับถ่ายง่าย

ช่วงกลางถึงท้ายของการตั้งท้อง
แม่แมวจะอุ้ยอ้าย ท้องและพุงจะใหญ่ขึ้นกว่าช่วงแรกค่อนข้างมากทำให้แม่แมวไม่สามารถทานอาหารต่อมื้อได้ในปริมาณที่เพียงพอ เนื่องจากลูกแมวในมดลูกอยู่ในช่วงเวลาของการขยายขนาดขึ้นจนไปดันกระเพาะอาหาร และอวัยวะอื่นๆที่อยู่ในช่องท้องของแม่แมว ทำให้กระเพาะเหลือพื้นที่น้อยลงในการรับ ย่อย และส่งผ่านอาหารเพื่อการดูดซึมนำไปใช้ สวนทางกับความต้องการพลังงานจากอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละมื้อของแม่แมว  ดังนั้นในช่วงเวลานี้เราควรปรับการให้อาหารแม่แมว โดยลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อลง แต่ไปเพิ่มจำนวนมื้ออาหารต่อวันแทน หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ “ให้น้อยแต่บ่อยครั้ง” ซึ่งจำนวนมื้ออาหารอาจให้ได้สูงสุด 4-6 ครั้งต่อวันตามความต้องการของแม่แมวเลยทีเดียว

เมื่อลูกแมวออกลืมตาดูโลก แม่แมวก็ยังต้องทำหน้าที่ให้นมแก่ลูกน้อย หลังคลอดตามธรรมชาติ ควรมีอาหารและน้ำสะอาดวางไว้ให้แม่แมวที่เหนื่อยล้าจากการเบ่งคลอดอย่างเพียงพอ และเปลี่ยนให้สดใหม่ตลอดเวลา เพื่อความน่ากินและหลีกเลี่ยงการสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในอาหารที่ตั้งทิ้งไว้เป็นเวลานาน ซึ่งช่วงแรกอาจเป็นอาหารเหลว หรือ อาหารเม็ดแช่น้ำอุ่น หลังจากนั้นจึงค่อยปรับมาเป็นอาหารเม็ดตามปกติ โดยในช่วงเลี้ยงลูกและให้นมนี้ ยังคงเลือกให้อาหารแม่แมวเป็นสูตรที่มีระดับโปรตีนในอาหารสูงเช่นเดียวกันกับช่วงตั้งท้อง เพราะช่วงนี้แม่แมวจะต้องเสียน้ำ เสียแร่ธาตุ สารอาหารต่างๆ ในการผลิตไปเป็นน้ำนมให้แก่ลูกๆ หากพลังงานและสารอาหารที่สำคัญอย่างโปรตีนไม่เพียงพอแล้วละก็จะส่งผลโดยตรงต่อทั้งสุขภาพแม่แมวและลูกแมวเลยล่ะค่ะ เช่นผอมโกรก น้ำหนักไม่ถึงเกณฑ์ ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง กรณีที่รุนแรงอาจทำให้ลูกแมวถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

เรื่องของ อาหารการกิน (คุณลูก)

โดยปกติแล้ว แม่แมวจะเริ่มให้ลูกหย่านม หรือหยุดกินนมที่อายุประมาณ 3 สัปดาห์ เนื่องจากลูกน้อยเริ่มมีฟันแหลมๆโผล่พ้นขึ้นมาแทนตุ่มเหงือก เมื่อไปดูดนมแม่ก็จะทำให้แม่แมวเจ็บและเกิดแผลที่หัวนม โดยแม่แมวจะเริ่มปฏิเสธ เดินหนี

ในช่วงนี้เราจึงต้องเริ่มมีการให้สารอาหารที่มีความจำเป็นทั้งในด้านโปรตีน และพลังงาน เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโต เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรงแก่เหมียวน้อย สำหรับอาหารลูกแมว ช่วงแรกควรให้อาหารที่ย่อยง่าย โดยนำอาหารเม็ดสำหรับแมวเด็ก ซึ่งอาจเป็นสูตรเดียวกับแม่ตั้งท้อง หรือสูตรแม่ให้นมลูก

การให้อาหาร ควรนำมาแช่น้ำอุ่น อาหารเม็ดที่ดีสำหรับลูกแมวนั้น ควรมีการดูดซึมน้ำที่ดี ช่วยให้กินง่าย ขับถ่ายสะดวก เนื่องจากกระเพาะอาหารของลูกแมวยังมีขนาดเล็กและไม่สามารถทำงานได้เต็มที่เหมือนแมวโตเต็มวัย การให้อาหารปริมาณน้อยๆต่อมื้ออาจทำให้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ดังนั้นจึงควรแบ่งมื้ออาหารของลูกแมวเป็นมื้อเล็กๆ แต่ให้กินหลายๆ มื้อในระหว่างวัน นอกจากอาหารเม็ดจะมีสารอาหารครบถ้วนแล้ว การนำมาแช่น้ำ ยังมีข้อดีทำให้ลูกแมวคุ้นเคยกับกลิ่นของอาหาร เมื่อโตขึ้นก็สามารถเลี้ยงอาหารเม็ดอย่างเดียวได้ทำให้สะดวกสบายสำหรับคนเลี้ยงที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน โดยสามารถให้จนเจ้าเหมียวโตเต็มวัยคืออายุประมาณ 4-6  เดือน สังเกตได้จากการเปลี่ยนฟันน้ำนมที่แหลมเป็นฟันแท้ที่ทู่ลงครบทั้งปาก นอกจากนี้การให้อาหารแห้งชนิดเม็ดให้กับเค้าในช่วงที่ฟันแท้เจริญงอกอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยลดคราบหินปูนที่เกาะอยู่บนฟันของลูกแมวน้อยที่กำลังจะพัฒนาไปเป็นแมวโตได้อีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลแม่แมวและลูกแมว

เป็นอย่างไรกันบ้าง ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของอาหารการกินของแมวๆ ทั้งแมวตั้งท้อง แมวให้นม และลูกแมวเหมียว ใครมีความรู้ดีๆมาแชร์กันได้นะ

อย่าตัดสินคนเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก

ลุงดำ คนรักแมว ชายไร้บ้านที่ขายมะนาวเพื่อช่วยเหลือแมวจรจัด ยอมอดทนเพื่อให้แมวได้มีกิน ลุงดำเคยขายอยู่แถวจตุจักร ตึก TMB แต่ปัจจุบันมีใครรู้ว่าแกขายอยู่ที่ไหน ?…

 

เครดิต ข้อมูลและภาพ

วิธีผ่อนคลายเมื่อเหมียวเครียด 

ไม่ใช่แค่คนเราหรอกนะที่เครียด แต่น้องแมวเค้าก็เครียดเป็นเหมือนกันโดยเฉพาะน้องแมวในเมือง ที่ต้องเผชิญกับเสียงดังๆ ของรถราหรือเสียงพลุระเบิดตูมตามหน้าเทศกาล และ เครียดสุดๆ ติดอันดับตลอดกาลก็ตอนโดนจับไปหาคุณหมอนี่น่ะแหละ น้องแมวตัวดีของเราก็จะกลายร่างเป็นแมวร้ายกาจได้ขึ้นมาทันทีมาปลดปล่อยความเครียด ด้วยวิธีสร้างความฟินเหล่านี้รับรองว่าน้องแมวแสนแสบจะกลับมาเป็นน้องแมวแสนน่ารักของเราเหมือนเดิม

ตำแยเหมียวเฟี้ยวสุด :
ฟินสุดก็ต้องยกให้ตำแยแมวไม่ว่าน้องแมวตัวไหนได้ลองรับรองว่าเคลิ้มทุกตัวแน่นอนยิ่งเมื่อไหร่ต้องพาน้องแมวไปหาคุณหมอแล้วล่ะก็ลองให้น้องแมวเล่นตำแยแมวก่อนซัก 15 นาที น้องจะอารมณ์ดีน่ารักกับคุณหมอมากขึ้นเลยล่ะ

 ฟีโรโมน : 
อีกหนึ่งของสุดฟินของน้องแมวก็ต้องยกให้ฟีโรโมนนี่เลยอาจจะใช้รูปแบบสเปรย์ หรือแบบเสียบปลั๊กก็ได้ฟีโรโมนจะช่วยให้น้องแมวผ่อนคลายและอาจช่วยลดปัญหาเรื่องพฤติกรรมที่เกิดมาจากความเครียด เช่นปัสสาวะไม่เป็นที่เพราะความเครียดได้อีกด้วยนะ

หาพื้นที่ให้ชมวิว : 
ลดความเครียด เพิ่มความชิลล์ แค่หาทำเลดีๆริมหน้าต่าง แล้ววางที่นั่ง หรือคอนโดแมวสูงๆ ให้น้องแมวเห็นวิวเอาใจน้องแมวด้วยกิจกรรมดูนก ส่องกระรอกแค่นี้ก็เพลินนั่งมองกันได้ทั้งวันแล้วล่ะ

จัดบ้านสร้างมุมสงบ : 
จัดบ้านโดยมีมุมสงบไว้ให้น้องแมวได้พักเงียบๆหรือถ้าตัวไหนไม่ถูกกัน ก็ต้องแบ่งบ้านสร้างมุมแดงมุมน้ำเงินให้เป็นสัดส่วนน้องแมวจะได้ไม่ต้องเครียดเพิ่มจากการวางมวย เพราะพื้นที่ทับซ้อนกัน

ของเล่นสุดโปรด :
ด้วยนิสัยตั้งแต่ดั้งเดิมของน้องแมวที่ยังคงสัญชาตญาณการซ่อนตัวเพื่อล่าเหยื่อรวมทั้งการซ่อนตัวจากศัตรูของเล่นสุดโปรดของน้องแมวไม่ใช่ของแพงอะไรเพียงแค่หากล่องหรือพื้นที่ที่น้องแมวสามารถมุดเข้าไปได้จึงเป็นสถานที่สุดฮิตที่ไม่ว่าแมวตัวไหนเจอก็ต้องโดดเข้าใส่

ที่กล่าวมาจะดีกับน้องแมวมากๆ ถ้าเจ้านายทำอย่างสม่ำเสมอไม่ต้องรอเดือนแห่งความรักเราก็รักกันได้ทุกวันอยู่แล้วนี่ เนอะเจ้านายเนอะ

 

เครดิตข้อมูล

เพราะความซน เป็นเหตุ คุณพ่อช่วยผมด้วย!!

#เรื่องเล่าบนออนไลน์

มีการแชร์บนสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับภาพความน่ารัก และความซนของน้องหมา ที่เล่นซน ทำให้หัวไปติดในถังพลาสติก และออกไม่ได้เดือดร้อนคุณพ่อต้องพามาพบคุณหมอ เพื่อช่วยให้เอาออกให้

 

เครดิต;Koon Kun

ทำไม่ น้องหมาน้องแมวที่มาตรวจผิวหนัง ควรงดอาบน้ำ 3-5 วันก่อนพามาตรวจ

น้องหมาน้องแมวใครมีปัญหาเรื่องผิวหนัง ถ้าจะไปพบคุณหมอ ควรงดอาบน้ำ 3-5 วันนะ

ใครเคยสงสัยกันหรือไม่ ทำไมน้องหมาหรือน้องแมวที่เป็นโรคผิวหนัง ถึงควรงดอาบน้ำ 3 -5 วันก่อนพามาตรวจ…..

โรคผิวหนังในสัตว์เลี้ยง แม้จะมีรอยโรคคล้ายกัน แต่สาเหตุของโรคนั้นแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ขี้เรื้อน เชื้อยีสต์ เชื้อรา หรือโรคจากความผิดปกติอื่นๆเช่นโรคภูมิแพ้ และ โรคฮอร์โมน ซึ่งวิธีการตรวจผิวหนังพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องตรวจทุกครั้ง คือ การเก็บตัวอย่างเซลล์บนผิวหนังและย้อมสี เพื่อส่องบนกล้องจุลทรรศน์ (Cytology)

การอาบน้ำน้องหมาหรือน้องแมวมาก่อน จะชะล้างเชื้อโรคบางส่วนออกไป ทำให้คุณหมอตรวจไม่พบตัวต้นเหตุ หรือ พบน้อยกว่าปกติ ทำให้วินิจฉัยโรคได้ยาก ดังนั้นเพื่อให้เราสามารถตรวจพบปัญหาที่แท้จริง จึงแนะนำให้งดอาบน้ำสัตว์เลี้ยงก่อนพามาตรวจผิวหนัง 3-5 วัน.

 

เครดิตข้อมูล;PRS.Center

น้องหมาผสมพันธุ์กันห้ามแยกออกจากันทันที หรือทำให้ตกใจ อาจเป็นอันตรายสำหร้บตัวน้อง



#เรื่องเล่าบนออนไลน์

การที่เราเห็นน้องหมาเราไปฟีทเจอริ่งกับน้องหมาตัวอื่นๆ โดยที่เราไม่ต้องการ หลายคนคงตกใจและไล่น้องหมาให้แยกออกจากกัน แต่จะรู้ไหมว่าสิ่งนั้นเป็นอันตรายสำหรับน้องหมา ทั้ง 2 ตัว  คุณหมอจากเพจ คลินิคบ้านรักษ์สัตว์เลี้ยง ได้แชร์การรักษาน้องก๋วยจั๊บสุนัขหนุ่มวัยสมบูรณ์พันธุ์  ที่กำลังป่ำปั้มกันสาวข้างบ้านและเจ้าของมาเจอ ไล่ตะเพิดก๋วยจั๊บ ทั้งๆที่กำลังติดเป้งกันอยู่

หลังจากนั้นก๋วยจั๊บเลือดออกจากอวัยวะเพศไหลเป็นทาง จนผ่านมาหลายสัปดาห์ จั๊บฉี่ไม่ได้ โดยไม่ทราบสาเหตุหมอตรวจและพบว่า จู๋ก๋วยจั๊บ ไม่เหมือนเดิม

การไล่สองตัวที่ติดเป้งกันครั้งนั้นทำให้จู่ก๋วยจั๊บขาด จนเกิดเป็นแผลเป็น ปิดท่อฉี่ของจั๊บ คุณหมอต้องทำการรักษาโดยการผ่าตัดเปิดท่อปัสสาวะให้กั๋วยจั๊บใหม่ ตอนนี้จั๊บไม่มีจู๋แล้วว จั๊บต้องฉี่ผ่านทางจิ๋มเทียมที่หมอทำให้

เวลาสุนัขกำลังติดเป้งกัน ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะดึง หรือ กระชาก ให้เค้าออกจากกัน เพราะช่วงนี้อวัยวะเพศกำลังบวมเป่ง ล๊อกกันอย่างเต็มที่  อาจทำให้น้องสุนัขทั้งสองได้รับบาดเจ็บทั้งคู่อย่างเช่นน้องก๋วยจั๊บ

 

สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเมื่อเห็นน้องหมาฟีทเจอริ่งกัน!!!

  • ห้ามแยกน้องหมาที่กำลังหันหลังตัวติดกัน เพราะจะทำให้สุนัขทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงได้ และอาจถูกน้องหมากัดได้
  • ห้ามแยกน้องหมาด้วยการเอาน้ำร้อนสาด หรือใช้ของแข็งตี เพราะจะทำให้น้องหมาเกิดอันตรายได้จากทั้งการที่อวัยวะเพศล็อคติดกัน และการแยกน้องหมาด้วยความรุนแรง
  • ห้ามจุดพลุหรือประทัดใส่ขณะน้องหมาตัวติดกัน เพราะการทำให้น้องหมาตกใจและดึงตัวออกจากกันในขณะที่อวัยวะเพศของพวกเขายังล็อคติดกันอยู่จะทำให้เกิดอันตรายรุนแรง

เครดิต
คลินิคบ้านรักษ์สัตว์เลี้ยง
dogilike

 

แบบนี้อันตรายนะ
link=”https://www.facebook.com/kooilee.kooilee.1/videos/533974913809139/” width=”500″ height=”400″ onlyvideo=”1″]

ประกาศ!! ตามหาเจ้าของแมวตัวผู้ สีเทา ปลอกคอสีน้ำเงิน

#เรื่องเล่าบนออนไลน์
#แมวหาย #ตามหาเจ้าของแมว

facebook คุณ Jam Chotika ได้แชร์ตามหาเจ้าของน้องแมว หลังจากระหว่างขับรถไปทำงานได้เห็นน้องแมวกระโดดตกจากใต้ท้องรถแท็กซี่ ถนนสาทร จึงได้จอดรถช่วยเหลือน้องและนำน้องส่ง โรงพยาบาลสัตว์ใกล้เคียงเพื่อตรวจอาการเบื้องต้น

คุณหมอตรวจและ X-ray พบว่าลิ้นเป็นแผลยาวและขาขวาน้องหักแบบไม่สามารถใส่เฝือกได้เนื่องจากผิดรูป ต้องรักษาโดยการผ่าตัด

ลักษณะน้องแมว
เป็นแมวตัวผู้ สีเทา ปลอกคอสีน้ำเงิน

ช่วยกันตามหาเจ้าของน้องกันหน่อย น้องคงคิดถึงเจ้าของ ไม่ต่างจากที่เจ้าของคิดถึงน้องเหมือนกัน

แมวของใครติดต่อมาได้เลย
โทร 085-5099995
หรือ Inbox คุณ Jam Chotika

 

โพสต้นฉบับ

เตือนภัย!! ประตูบ้านภัยอันตรายใกล้ตัวที่เราคาดไม่ถึงของน้องหมา

#เรื่องเล่าบนออนไลน์

เห็นข่าวนี้ก็หดหู่ ประตูบ้านที่เหมือนจะไม่มีอันตรายใดๆ ก็สามารถทำให้น้องหมาจากเราไปได้ เรื่องนี้อยากจะเตือนให้ทุกคน ระวังกันด้วยนะครับ  facebook คุณ ลัลล้า แล้วไงไม่ได้แคร์ ได้แชร์เรื่องราวการเกิดเรื่องไม่คาดคิดเมื่อเจ้าของไม่อยู่บ้านไปทำงาน กลับมาตอนเย็นเห็นสภาพน้องหมาตัวเองคอติดซอกประตูบ้านทำให้น้องเสียชีวิต 

 

แอดมินคิดว่าน่าจะเกิดจากปลอกคอ น่าจะไปคล้องกับเหล็กแล้วทำให้น้องออกมาไม่ได้  เสียใจกับเจ้าของน้องด้วยนะครับ T_T

เครดิตข้อมูล
กลุ่มคนรักหมาจัง
ลัลล้า แล้วไงไม่ได้แคร์ 

 

ชวนน้องหมาน้องแมวบริจาคเลือดสร้างบุญกัน

ไขข้อข้องใจเรื่องการบริจาคเลือดของสัตว์เลี้ยง

ไม่ใช่แค่ในคนเท่านั้นที่มีธนาคารเลือด หรือมีการบริจาคเลือด เพราะในสัตว์เลี้ยงก็มีหลายๆ กรณีที่สัตว์ป่วยจะต้องรับการถ่ายเลือดเช่นกัน เนื่องในโอกาสครบรอบ 84 ปี คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาๆ วันนี้คุณหมอจากหน่วยธนาคารเลือด โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ อาสามาตอบ  คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการบริจาคเลือดในสัตว์เลี้ยงที่มักจะมีเจ้าของน้องหมาน้องแมวถามกันบ่อยๆ ให้หายสงสัยกัน พร้อมแล้วเริ่ม!

Q : โรคแบบไหนที่ทำให้สัตว์เลี้ยงต้องได้รับการถ่ายเลือด

📌โรคมะเร็ง ต้องการเลือดทดแทนเพื่อการผ่าตัด หรือให้เคมีบำบัด
📌 เลือดจาง เนื่องจากอาการป่วยเรื้อรัง เช่น ไตวาย, ตับวาย
📌 อุบัติเหตุ เช่น รถชน ตกตึก เลือดออกในปอด หรือช่องท้อง ตับ-ม้ามแตก ปอดฉีก
📌 เลือดจาง เกล็ดเลือดต่ำ เนื่องจากติดเชื้อพยาธิในเม็ดเลือด
📌 ได้รับสารพิษ เช่น ยาเบื่อหนู
📌โดนงูเขียวหางไหม้กัด มีสภาวะการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ

Q : สุนัขและแมวมีกรุ๊ปเลือดเหมือนคนหรือไม่

🐶 สุนัขแบ่งกรุ๊ปเลือดตามแอนติเจน (antigen) บนผิวของเม็ดเลือดแดงออกเป็น DEA 1.1, 1.2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
🐱 แมวแบ่งกรุ๊ปเลือดออกเป็น A, B, AB

Q : คุณสมบัติของสุนัขที่สามารถบริจาคเลือดได้ มีอะไรบ้าง?

🐶 คุณสมบัติของสุนัขที่สามารถบริจาคเลือดได้ มีดังนี้
📌 อายุระหว่าง 1-8 ปี
📌 สุขภาพแข็งแรง มีน้ำหนักมากกว่า 20 กิโลกรัม
📌 ทำวัคซีนรวมประจำปีครบ มีการป้องกันเห็บหมัด พยาธิหนอนหัวใจ เป็นประจำทุก 1 เดือน
📌 ไม่เคยได้รับเลือดมาก่อน
📌 สุนัขเพศเมียควรทำหมันแล้ว
📌 ไม่เป็นโรคติดต่อทางระบบเลือด
📌 ไม่เคยเป็นโรคแท้งติดต่อ

Q : แล้วแมวล่ะ คุณสมบัติแมวที่สามารถบริจาคเลือดได้ต้องมีอะไรบ้าง?

🐱 คุณสมบัติของแมวที่สามารถบริจาคเลือดได้มีดังนี้
📌 อายุระหว่าง 1-8 ปี
📌 สุขภาพแข็งแรง มีน้ำหนักมากกว่า 4 กิโลกรัม
📌 ทำวัคซีนรวมประจำปีครบ
📌 เป็นแมวเลี้ยงเฉพาะในบ้าน นิสัยไม่ดุร้าย
📌 มีการป้องกันและควบคุมหมัดอย่างต่อเนื่องทุกเดือน
📌 แมวเพศเมียควรทำหมันแล้ว

Q : ปริมาณเลือดที่สุนัขและแมวสามารถบริจาคได้ในแต่ละครั้ง คือเท่าใด?

สุนัขสามารถบริจาคเลือดได้ปริมาณ 10-20 มล./กก. ปกติในสุนัขพันธุ์กลางจะไม่เกิน 350 มล. ต่อตัว และ 450 มล. ต่อตัวในสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น Great Dane, Saint Bernard
ส่วนแมวสามารถบริจาคเลือดได้ปริมาณ 10-12 มล./กก.

Q : ขั้นตอนในการบริจาคเลือดสุนัข มีอะไรบ้าง

📌 ตรวจเลือดเพื่อเช็คสุขภาพสัตว์ สัตวแพทย์จะตรวจความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือด รวมทั้งตรวจการทำงานของตับไต และตรวจพยาธิในเม็ดเลือด
📌 เมื่อผลเลือดผ่านแล้ว สุนัขสามารถเก็บเลือดได้จากทั้งที่ขาหน้า หรือที่คอ ขึ้นอยู่กับขนาดของสุนัขและขนาดของเส้นเลือด
📌 ระหว่างที่สุนัขบริจาคเลือด สัตวแพทย์จะทำการให้น้ำเกลือ เพื่อทดแทนปริมาณน้ำเลือดที่สูญเสียไป และป้องกันไม่ให้สุนัขมีสภาวะขาดน้ำ
📌 หลังจากบริจาคเลือดเรียบร้อยแล้ว สุนัขจะนอนพักเป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที
📌 สุนัขจะได้รับอาหารบำรุงสุขภาพ และยาบำรุงเลือดกลับไปป้อนต่อเนื่องที่บ้าน

Q : การวางยาซึมแก่สัตว์เลี้ยงเพื่อบริจาคเลือดมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน?

🐶 สำหรับสุนัขสัตวแพทย์มักจะวางยาเพื่อทำการสงบประสาทในสุนัขที่มีอาการตื่นเต้น หรือค่อนข้างดุจนไม่สามารถที่จะควบคุมได้ โดยยาที่ใช้ค่อนข้างมีความปลอดภัย และมียาแก้ฤทธิ์ของยาสงบประสาทเสมอ ฉะนั้นเพื่อสุนัขบริจาคเลือดเสร็จจะกลับมารับรู้เป็นปกติเกือบ 100%
🐱 ส่วนในแมว สัตวแพทย์มีความจำเป็นที่ต้องวางยาสงบประสาทในทุกกรณี แต่อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อตัวแมว

Q : การพาสัตว์เลี้ยงมาบริจาคเลือด ดีอย่างไร?

📌 สัตว์เลี้ยงจะได้รับการตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์อย่างละเอียด และไม่เสียค่าใช้จ่าย
📌 ร่างกายมีการหมุนเวียน เปลี่ยนถ่ายเลือดใหม่เป็นประจำทุก 3 เดือน
📌 ได้ทำบุญเพื่อต่อลมหายใจให้แก่เพื่อนสัตว์ที่กำลังเจ็บป่วย

 

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก :
Small Animal Teaching Hospital CUVET : โรงพยาบาลสัตว์เล็กจุฬาฯ

แมวกัด…ไม่ตลกเลย

#เรื่องเล่าบนออนไลน์
แชร์ประสบการณ์แมวกัด จากคุณ Chaveevan Kanpai ขอบคุณเรื่องเล่าดีๆนะครับ

แชร์ประสบการณ์ แมวกัดไม่ตลกเลย
รู้หรือไม่ น้ำลายแมวอันตรายกว่าหมา(ฟันมันเล็กกว่าหมารูที่เกิดจากแมวกัดจะปิดเร็วมาก )
รู้หรือไม่ แผลที่เป็นรู อันตรายกว่าแผลฉีกขาด เพราะการทำความสะอาด ยากกว่า
รู้หรือไม่ เราสามารถเสียชีวิต จากการติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อโดนกัด ”หากทำแผลไม่สะอาด ”

ในวันแรกที่โดนกัด บอกตรงๆว่าขำตัวเองที่โดนแมวกัดและมองเป็นเรื่องขำๆ แต่ความทรมานมันตามมาหลังจากนั้น คือ ปวดไปทั้งแขน บวมและร้อนมาก นิ้วมือขยับไม่ได้ ปลายนิ้วชา ปวดขนาดที่นอนร้องไห้จนหลับไป เนืองจากการติดเชื้อ

คุณหมอให้ยาฆ่าเชื้อชนิดแรง เข้าทางเส้นเลือด ให้ครั้งละ2 ชม เป็นเวลา3 วัน ระเบิดปากแผลเพื่อเอาหนองออก (เจ็บสุดๆ) และต้องขุดแผลทุกวัน

ค่าใช้จ่าย บอกเลย ซื้อ iphone XR ได้อีกเครื่อง

เวลาโดนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัดคือ บีบให้เลือดไหลออกมาให้หมด เพราะเชื้อโรคจะได้ออกมาพร้อมเลือด แล้ว ใช้น้ำเกลือฉีดเข้าไปในแผลเพื่อให้แผลสะอาด และไปพบแพทย์(ที่หน้าเชื่อถือ)ชีวิตดีๆ ส่วนตัวเลี้ยงแมวและโดนกัดบ่อยแต่ไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้ อาจเพราะไม่ได้ลึกมากขนาดนี้
#แต่แมวไม่ผิดนะ เราผิดที่ไปจับมันเอง 🙂

 

เครดิต;Chaveevan Kanpai

สุนัขป่วยเป็นหวัดได้

“โรคหวัด” เป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่พบได้ทั่วโลก สามารถเป็นได้ในน้องหมาทุกช่วงวัย โดยเฉพาะน้องหมาพันธุ์หน้าสั้น และน้องหมาที่มีความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ จะมีความไวเป็นพิเศษ โรคหวัดเป็นโรคที่พบได้ตลอดทั้งปี มักจะพบมากในช่วงฤดูฝน ฤดูหนาว หรือในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง (ช่วงผลัดเปลี่ยนฤดูกาล)

น้องหมาที่ป่วยเป็นหวัด จะมีอาการไอ (Cough) อาจจะไอแห้งๆ หรือไอแบบมีเสมหะก็ได้ หากไอแบบมีเสมหะจะพบว่าน้องหมาไอแล้วทำท่าขากๆ เหมือนมีอะไรติดคอ เจ้าของบางรายอาจสับสนและคิดว่าน้องหมากำลังอาเจียนหรือสะอึก บางรายอาจมีขี้ตา ตาอักเสบ มีน้ำมูกใสๆ ไปจนถึงมีน้ำมูกข้นสีเขียว เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ส่วนใหญ่น้องหมาจะยังซน ร่าเริงดี กินอาหารได้ครับ แต่บางรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีไข้ ซึม เบื่ออาหาร ปอดบวม หายใจลำบาก จนถึงขั้นเสียชีวิตได้

ช่องการติดต่อจะผ่านทางละอองน้ำมูกและน้ำลาย ที่มาจากการไอหรือจามของสัตว์ป่วยเข้าสู่ทางเดินหายใจโดยตรง หรือปนเปื้อนมากับภาชนะและมือของคนที่ไปสัมผัสกับน้องหมาที่ป่วยก็ได้ เชื้อบางอย่างมีอยู่แล้วในสิ่งแวดล้อม ที่พบได้บ่อย มักจะเกิดจากการที่พาน้องหมาไปเดินเล่นตามแหล่งชุมชนที่มีน้องหมาอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น สวนสาธารณะ งานประกวดสุนัข และโดยพฤติกรรมของเจ้าของที่เห่อลูกหมาใหม่ มักจะเอามาโชว์เพื่อน อาจปล่อยให้เล่นกับน้องหมาของเพื่อน จึงทำให้น้องหมาของเรารับเชื้อมาได้

การรักษา ถ้ามีอาการไม่รุนแรง ส่วนใหญ่จะสามารถหายได้เองภายใน 7-10 วัน ช่วงนี้ต้องให้น้องหมาได้พักผ่อนเต็มที่ ให้อาหารและน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ควรให้น้องหมาอยู่ในที่ที่อบอุ่น ไม่นอนบนพื้นที่เย็นชื้น เปิดพัดลมโกรก หรือนอนตากแอร์ อาจหาเสื้อมาสวมให้ก็ได้ หากมีเสมหะมากเจ้าของอาจช่วยน้องหมาทำการ “ตบอก (Coupage)” โดยทำฝ่ามือโค้งเป็นรูปถ้วย ตบลงบริเวณซี่โครงช่วงอกด้วยแรงที่พอเหมาะ ไล่จากส่วนท้ายไปต้น คล้ายการตีกลองด้วยมือ เพื่อให้น้องหมาได้ไอแล้วขับเสมหะออกมา ควรทำวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 5-10 นาที หรืออาจจะพาเดินเล่นเพื่อกระตุ้นให้ไอก็ได้ครับ

หากมีอาการมากขึ้นคุณหมออาจจะฉีดยาและให้ยามาป้อนทีบ้าน สำหรับลูกหมาที่ปอดบวม (Pneumonia) อาจพิจารณาให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพราะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดครับ

เครดิต
(น.สพ. คมกฤช ลออธนกุล คุณหมอประจำคลินิกประดิพัทธ์สัตวแพทย์)
เครดิต
care2.com
wagwalking.com

เชื้อราในแมวสามารถติดคนได้

คุณรู้หรือไม่!!เชื้อราในแมวสามารถติดคนได้

เมื่อน้องหมาน้องแมวที่คุณรักติดเชื้อรา มันสามารถแพร่สู่เจ้าของได้ ซึ่งเชื้อราในสัตว์เลี้ยงมีด้วยกันหลายชนิด โดยส่วนใหญ่จะทำให้เกิดโรคผิวหนัง ทำให้ผิวหนังของน้องมีขนขึ้นเป็นหย่อมๆ มีรอยผื่นแดงทั้งนี้น้องแมวขนยาวมักพบได้บ่อยกว่าขนสั้น เนื่องจากขนยาวทำให้เกิดความชื้นได้ง่าย

หากคุณเจ้าของดูแลไม่ทั่วถึง เชื้อราอาจลามแพร่กระจายสู่เจ้าของได้ หากสัมผัสเข้ากับตัวน้องแมวน้องหมาที่เป็นเชื้อรา เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยง และเจ้าของจากการติดเชื้อราควรหมั่นทำความสะอาด บริเวณพื้นที่อยู่อาศัยให้สะอาดเสมอ เวลาอาบน้ำทำความสะอาดตัวน้องๆต้องเป่าให้แห้งทุกครั้ง

หลังสัมผัสตัวน้องหมาน้องแมวต้องล้างมือทำความสะอาดไม่ปล่อยทิ้งไว้นาน เพียงแค่นี้สัตว์เลี้ยงที่คุณรักก็ปลอดภัยจากการเป็นเชื้อรา ยิ่งรักมากคุณก็ต้องหมั่นดูความสะอาด

การรักษาเชื้อราไม่ยากเลย เพียงทานยาให้ครบตามที่คุณหมอสั่ง และอาบน้ำด้วยแชมพูยาเป็นประจำ

 

คุณรู้หรือไม่!!เชื้อราในแมวสามารถติดคนได้😲 🐶🐺 เมื่อน้องหมาน้องแมวที่คุณรักติดเชื้อรา มันสามารถแพร่สู่เจ้าของได้…

โพสต์โดย Thonglor Pet Hospital Chiang Mai โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ เชียงใหม่ เมื่อ วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน 2019

เครดิต คุณหมอการ์ตูน
คลินิกโรคผิวหนัง โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อเชียงใหม่

การล้างหูสุนัข

 


โดยปกติสัตวแพทย์จะแนะนำให้เจ้าของล้างทำความสะอาดช่องหูของสุนัขและแมวทุก 1-2 สัปดาห์ หรือจำง่ายๆ ว่าทุกครั้งที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็ให้ล้างหูด้วยเลย ยกเว้นในกรณีที่สุนัขเป็นโรคช่องหูส่วนนอกอักเสบ ก็อาจจะเป็นต้องล้างหูทุกวันในช่วงแรก หรือตามที่สัตวแพทย์แนะนำ

ไม่ควรทำความสะอาดหูให้สัตว์เลี้ยงบ่อยเกิน 2 ครั้ง/สัปดาห์ เพราะการทำความสะอาดที่มากจนเกินไปสามารถโน้มนำให้เกิดการติดเชื้อจากความชื้นที่เพิ่มขึ้น และเกิดความเสียหายของช่องหู เนื่องจากขี้หู (cerumen) เป็นส่วนผสมที่ซับซ้อนกันของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ไขมัน โปรตีน และสารอื่น ๆ ที่ผลิตจากต่อมไขมันและต่อมเหงื่อ จึงทำหน้าที่เป็นเกราะปกป้องการติดเชื้อตามธรรมชาติ

ประโยชน์ของการล้างหู
ลดการสะสมของขี้หูและสิ่งสกปรก โดยเฉพาะในสุนัขที่เป็นโรคภูมิแพ้ ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือผิวหนังอักเสบได้ง่ายอยู่แล้ว การทำความสะอาดช่องหูเป็นประจำก็จะช่วยลดเชื้อแบคทีเรียและยีสต์ที่สะสมในช่องหูลงไปได้ การทำความสะอาดหูจะเป็นประโยชน์ในกรณีที่หูมีการสร้างขี้หูออกมาปริมาณมาก มีขนหูเยอะ ช่องหูตีบ และในสุนัขพันธุ์หูตก

วิธีล้างหูที่ถูกต้อง

1.จับสุนัขนอนตะแคงข้างตามปกติ จับใบหูขึ้นไปในแนวดิ่ง จะทำให้ช่องหูของสุนัขที่เป็นรูปทรงตัว L ถูกยืดออก (ไม่แนะนำให้ดึงใบหูไปทางด้านหลัง เพราะจะทำให้สุนัขเจ็บ)

2.เทน้ำยาล้างหูลงไปในช่องหูจนเห็นวางน้ำยาท่วมขึ้นมาด้านบน ไม่ควรให้ปลายขวดน้ำยาล้างหูสัมผัสกับช่องหู เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อโรคไปสู่หูอีกข้างหนึ่งหรือมีการปนเปื้อนภายในขวด

3.ใช้มือนวดเบาๆ บริเวณโคนใบหูด้านนอก ทิ้งระยะเวลาประมาณ 30-60 วินาที ให้น้ำยาล้างหูได้ทำละลายขี้หูและสิ่งสกปรกออกมา จากนั้นปล่อยให้สุนัขลุกขึ้น สะบัดหู แค่นี้ก็เสร็จแล้ว

4.สุดท้ายอาจใช้สำลีเช็ดบริเวณใบหูด้านนอกอีกครั้ง เพื่อเช็ดน้ำยาล้างหูส่วนที่ยังเหลืออยู่ และคราบสกปรกที่หลุดออกมาจากช่องหูให้สะอาด
อย่าลืมให้ขนมเป็นรางวัลทุกครั้งที่สุนัขยอมให้เจ้าของล้างหูแต่โดยดี ทำให้พวกเค้าเข้าใจว่าการล้างหูไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลย

หากสุนัขมีอาการกลัวขวดน้ำยาล้างหู แนะนำให้สำลีชุบน้ำยาล้างหูจนชุ่ม วางบริเวณรูหู จากนั้นบีบน้ำยาล้างหูลงไปทำซ้ำจนกว่าสิ่งสกปรกจะน้อยลง

เครดิตข้อมูล VPN Magazine

อีกหนึ่งการดูแลสุขอนามัยของสัตว์เลี้ยงที่ไม่อยากให้เจ้าของหลายคนมองข้าม ก็คือเรื่อง “การล้างหู”…

โพสต์โดย VPN Magazine เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2019

 

 

เครดิตข้อมูลรูปภาพ
VPN Magazine

เครดิตรูปภาพ cesarsway.com
เครดิตVDO  FrenchButa

จากลูกสุนัข ที่อาจจะไม่รอด ได้รับการช่วยเหลือ และกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง

เชื่อว่าคนรักสุนัขทุกคนเห็นภาพการช่วยเหลือลูกสุนัข จาก ที่จะไม่น่ารอด  และ น้องกลับมามีชีวิตใหม่ อีกครั้ง คงมีความสุขกับภาพเหล่านี้

 

ใครอยากชมความน่ารักของน้อง สามารถติดตามน้องได้ที่ INSTRAGRAM Hercules

เหตุผลที่พวกเรา เป็นทาสแมว และหลงรักนาง

#เรื่องเล่าบนออนไลน์  เรื่องราวสุดน่ารักของหญิงชาย ที่ถ่ายทอดด้วยภาพ กับการให้กำเนิดเจ้าเหมียวลูกสุดรัก นี้อาจจะเป็นสาเหตุให้พวกเราเป็นทาสแมว หลงรักเจ้าเหมียว ได้มากขนาดนี้

เครดิต

โอ่งดับร้อน ตัวช่วยคลายร้อนให้สัตว์เลี้ยง

ช่วงนี้อากาศบ้านเรามีอุุณหภูมิค่อนข้างสูง ร้อนกันทั่วไทย น้องหมาน้องแมวก็คงจะร้อนกันไม่ต่างกัน วันนี้ admin ไปเจอข่าวกระแสการช่วยคลายร้อนน้องได้โดยการใช้โอ่งดับร้อน  ทำจากดินเผา ซึ่งมีรูปทรงลักษณะเหมือนกับโอ่งน้ำขนาดความกว้าง 15-17 นิ้ว ตัวโอ่งจะมีการทำเป็นช่องขนาดใหญ่ไว้ให้สัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวสามารถลอดเข้าไปซุกนอนภายในได้ โดยใช้วิธีระบายความเย็นมาจากถาดใส่น้ำ หรือน้ำแข็งบนปากโอ่ง เมื่อโอ่งมีความชื้นก็จะส่งความเย็นเข้าภายในโอ่งผสมกับกลิ่นดินเผา ซึ่งจะช่วยทำให้สัตว์เลี้ยงได้ผ่อนคลายเหมือนกับได้อยู่กับธรรมชาติ

ใครสนใจสามารติดต่อได้ที่เพจ“โอ่งเจ้านาย โอ่งแมว เครื่องปั้นดินเผาน้องจาปุณณ์” ซึ่งมีบริการจัดส่งสินค้าผ่านบริการขนส่งเอกชนให้ฟรีหมายเลขโทรศัพท์ 08-1485-1881